5 ก.พ. 2021 เวลา 13:00
ผมไม่เคยเชื่อเลยที่บอกว่าห้ามกลับบ้านหลังเที่ยงคืน เพราะมันไม่เคยมีเหตุผลใดๆรองรับ เพียงแต่ให้ปฏิบัติตามเพราะเป็นธรรมเนียมที่ใครๆเค้าก็ทำกัน แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังไม่เคยกลับบ้านหลังเที่ยงคืนจริงๆ ไม่ใช่เพราะกลัวหรืออะไรนะ แต่งานเสร็จหมดแล้วจะให้อยู่ไปทำไมอะครับ ก็กลับสิ!
1
"ไปนะ"
"เออ เจอกัน"
‘บูม’โบกมือลาผมก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้สีดำเดินออกจากห้องทำงาน ที่ตอนนี้มีเพียงผมคนเดียวนั่งทำงานอยู่ใต้แสงไฟนีออน2คู่เหนือศีรษะ
ไฟทางเดินอัตโนมัติได้ดับลงหลังบูมเดินจากไปไม่นาน ผมก็หันกลับมาโฟกัสกับหน้าจอคอมต่อ ถ้าเป็นในตอนกลางวัน ผมจะใส่แอร์พอด1ข้างเพื่อแอบฟังเพลงระหว่างทำงาน แต่ในเวลานี้ที่ไม่ใครอยู่แล้ว ผมจึงเปิดyoutubeออกลำโพงเสียงดังแถมยังตะโกนร้องเพลงได้ตามสบาย ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอะไรมากมายนี่ครับ
3
เวลาผ่านไปซักพักใหญ่ งานของผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างปิดโน๊ตบุ๊คผมเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังเหนือประตูทางออก บอกเวลา 23:45น. ทันเวลาพอดีก่อนเที่ยงคืน ..เอาจริงก็คิดนะว่าถ้าเรากลับช้ากว่าเที่ยงคืนก็ไม่มีใครเห็นซักหน่อย กล้องวงจรปิดก็ไม่มี ยามหน้าตึกก็หลับตลอด ไม่ได้มาสนใจอยู่แล้ว งั้นผมก็คงไม่ต้องรีบเก็บของก็ได้นี่นา
1
ผมหยิบมือถือเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน กดเปิดแอปไลน์อ่านแชทกลุ่มของที่ทำงาน ตอบไลน์กลุ่มครอบครัว และตอบไลน์เพื่อนที่ค้างๆไว้ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือไอบูม ที่ส่งข้อความมาเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน
‘อย่ากลับหลังเที่ยงคืน’
2
เฮ้อ.. ถ้ามันจะพูดเรื่องแค่นี้ ไม่ต้องบอกก็ได้ รู้อยู่แล้วปะ? ผมเลยกดอ่านไม่ได้ตอบอะไร และเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ มือถือก็สั่นแจ้งเตือนขึ้นมาอีกครั้ง
1
‘อย่ากลับหลังเที่ยงคืน’
2
เอ้าไอนี่ มันเบลออะไรรึเปล่าวะ? ก็ส่งมาแล้วเมื่อกี้ยังจะส่งมาอีก ผมเลยเลือกส่งสติกเกอร์หน้างง '?' ตอบมันไป มันก็ขึ้น'read'ทันทีเหมือนเปิดอ่านค้างไว้อยู่แล้ว ผมล็อคมือถือแล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไปไม่ได้สนใจอะไรนัก
นาฬิกาเหนือประตูทางออกบอกเวลา 23:52 น. ก็ยังไม่เกินเที่ยงคืนอยู่ดี แม้จะไม่เชื่อเรื่องนั้น แต่สารภาพว่าผมรู้สึกสบายใจที่ไม่ละเมิดคำเตือนเหล่านั้นแม้จะไร้เหตุผลก็ตาม
1
ผมเดินมาถึงลานจอดรถก็พบว่าลืมกุญแจรถไว้ สงสัยน่าจะอยู่ในลิ้นชักที่โต๊ะแน่ๆ ทำให้จำต้องเดินกลับไปเอาอีกรอบ ผมรีบจ้ำขาเดินเร็วๆผ่านพี่ยามหน้าตึกที่หลับไม่รู้เรื่องไป กดลิฟต์ขึ้นชั้น5เดินไปยังห้องทำงานทันที ผมไม่ได้เอะใจเลยที่ไฟทางเดินอัตโนมัติมันไม่ติดเวลาผมเดินผ่าน แต่ช่างมันครับ รีบไปเอากุญแจแล้วกลับดีกว่า เดี๋ยวเลยเที่ยงคืนแล้วจะเป็นเรื่อง
ตืดด ตืดด..
ผมหยิบมือถือที่สั่นเตือนขึ้นมาอีกครั้ง เป็นข้อความจากไอบูมอีกแล้ว
1
‘อย่ากลับหลังเที่ยงคืน’
คราวนี้ผมเพิกเฉย ไม่สนใจจะกดอ่านด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะมือถือไอบูมเสียก็คงสมองมันเสียละมังครับ ส่งมาซ้ำๆอยู่ได้
1
ผมก้มๆเงยๆหากุญแจรถที่โต๊ะเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เดินไปหาที่ห้องน้ำแล้วก็ไม่มี ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนกุญแจตกดัง’กริ๊ง’ เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยดีเพราะพวงกุญแจโลหะที่ห้อยติดไว้ด้วยกันมักกระทบจนเกิดเป็นเสียงกริ๊งเช่นนั้น ..แต่ประเด็นคือเสียงมันตกอยู่ที่ทางเดินที่ผมเพิ่งเดินมานี่ล่ะครับ.. ราวกับมีคนถือไว้แล้วทำมันตกจากมือ..?
2
"ใครอะ?" ผมตะโกนไปยังทางเดินมืดมิดที่ว่างเปล่าไม่มีใคร ก่อนจะค่อยๆเดินไปหาที่มาของเสียง
1
ตืดด ตืดดด
"เชี่ย!" เสียงแจ้งเตือนไลน์สั่นในกระเป๋ากางเกงผมจนตกใจสะดุ้ง แน่นอนไม่ต้องเดา ไอบูมชัวร์ๆ ช่างมันวะ ค่อยอ่าน เอาเป็นว่าไปหากุญแจก่อนดีกว่า
ตืดด ตืดดด
ตืดด ตืดดด
ตืดด ตืดดด
1
เหี้ยอะไรเนี่ย?! อยู่ๆมือถือสั่นแจ้งเตือนก็เด้งมารัวๆไม่หยุดจนผมชักรำคาญแล้ว ไฟทางเดินนี่ก็ดันไม่ติดอีก มืดไปหมด หงุดหงิดที่สุด ผมเลยตัดสินใจโทรหาไอบูมแม่งเลยจะได้เลิกส่งมาซักที
1
"อะไรของมึงวะไอบูม?!" ผมพูดทันทีที่มันรับสายอย่างไว
"...อย่ากลับหลังเที่ยงคืน" เสียงบูมตอบนิ่งๆ
"เออกูรู้แล้ว มึงพิมพ์มาอยู่นั่นแหละ จะกลับแล้วเนี่ยเสือกหากุญแจรถไม่เจอ" ผมพูดลิ้นรัวตอบมันไปพลางก้มหากุญแจอยู่แถวทางเดินมืดหน้าห้อง
"อย่ากลับหลังเที่ยงคืน"
"..."
"อย่ากลับหลังเที่ยงคืน"
"..ไอบูม?"
เอาล่ะครับ นี่มันไม่ใช่แล้ว ไอบูมพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบกับประโยคเดิมๆราวกับอัดเสียงไว้แล้วกดเล่นซ้ำ นั่นทำให้ผมเริ่มกลัว ผมกดวางสายทันทีด้วยความตกใจ ตัดสินใจลงมาข้างล่างมาหาพี่ยามให้ช่วยรีบหากุญแจที
1
"อ่าว ไปไหนวะ?" พี่ยามที่นั่งหลับเมื่อกี้หายไปแล้ว ใจผมเริ่มเต้นรัว หยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบว่าเวลาเลยเที่ยงคืนมาแล้วด้วย แถมข้อความไอบูมก็เด้งมาเกือบร้อยกว่าแล้ว เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย?
สุดท้ายเมื่อไม่มีใครช่วยผมได้ ก็ต้องขึ้นไปหาใหม่อีกรอบด้วยตัวเอง เมื่อลิฟต์เปิดออกที่ชั้น5 ก็พบกุญแจรถของผมตกอยู่ที่ทางเดินซึ่งผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าหาตรงนี้แล้วแน่ๆ แต่ด้วยความมืดอาจทำให้สายตาผมพลาดก็เป็นได้
ผมก้มลงหยิบกุญแจที่พื้น แต่จู่ๆผมก็เงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ มีมือของใครบางคนกดตรงหลังคอผมอยู่ ...!!!
2
ด้วยความกลัว ผมไม่กล้าเอ่ยปากถามว่านั่นใคร พี่ยามหรอ? ไอบูมหรอ? หัวหน้า?? แต่นี่มันเล่นแรงไปไหม แรงกดมันมหาศาลขนาดที่ผมเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้เลยนะ
2
ผมพยายามฝืนแรงกดประหลาดนั่นอยู่หลายนาทีจนหลุดเงยหน้าขึ้นมาได้ ผมรีบหันกลับไปดูทันทีแต่ก็ไม่พบแม้เงาของใคร ถ้าเป็นคนก็คงเป็นยอดมนุษย์แล้วล่ะครับ วิ่งหนีหายไปได้เร็วขนาดนี้ ความรู้สึกของฝ่ามือเย็นเฉียบยังสัมผัสได้อยู่ที่ต้นคออยู่เลย
2
ขณะที่ผมกำลังจะกดลิฟต์เพื่อออกไปจากที่นี่ ก็ได้ยินเสียง ‘กริ๊ง’ อีกครั้งหนึ่งเรียกให้ผมหันไปมองตาม มั่นใจมากว่าเป็นเสียงพวกกุญแจรถของผมเหมือนก่อนหน้านี้ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกันในเมื่อผมยังถือมันอยู่..
..อ้าว? มันหายไปแล้วครับ กุญแจในมือผมหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้..
1
ใครกันกำลังเล่นตลกกับผมอยู่ บอกเลยว่ามันไม่ขำซักนิด แล้วยิ่งเสียงกุญแจรอบสองนั้นมันดังขึ้นจากข้างในห้องเก็บของข้างห้องน้ำตรงทางเดิน นั่นทำให้ผมสติแตก เพราะห้องนี้เท่าที่ผมรู้มา ไม่เคยมีใครได้เข้าไปเลยแม้แต่ป้าแม่บ้าน มันถูกคล้องด้วยโซ่เหล็กขนาดใหญ่ล็อคอย่างแน่นหนา แถมมีเทปสีแดงคาดกากบาทไว้เหนือลูกบิดอีก ไม่มีใครสนใจห้องนี้เลยรวมถึงผม
กริ๊ง.. กริ๊ง..
เสียงนั้นดังขึ้นอีกสองสามที ย้ำชัดว่ามันอยู่ในห้องเก็บของจริงๆ ผมขนลุกซู่ไปทั่วตัว จิตใจว้าวุ่นแต่ความคิดกลับว่างเปล่า คิดไม่ออกว่าต้องทำอะไรต่อไป ควรจะแก้สถานการณ์ตรงนี้อย่างไร ทุกอย่างมันเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง มันอยู่เหนือความเป็นจริงไปทั้งหมด ตัวผมคนที่เคยจัดการกับเรื่องต่างๆได้ พอมาเจอแบบนี้กลับหัวชาขาแข็ง ทำอะไรไม่ถูก
งั้นเอาเป็นว่าเรื่องกุญแจรถ ช่างมันแล้วกัน ผมกลับแท็กซี่ก็ได้
ขณะที่ผมรวบรวมพลัง ยกแขนที่สั่นไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากดลิฟต์อีกครั้ง มือถือผมก็มีแจ้งเตือนเข้ามาทำให้ผมสะดุ้งตกใจอย่างแรงจากภาวะขวัญอ่อน บอกตามตรงว่าผมกลัวนะที่จะหยิบมือถือขึ้นมาดู ข้อความซ้ำๆของไอบูมนั้นทำให้ผมประสาทหลอน แต่ผิดคาดเมื่อสิ่งที่ผมเห็นบนหน้าจอตอนนี้คือข้อความจากบูม..ที่ต่างออกไป
‘นอนยัง’
ผมรีบกดเข้าไปอ่านทันที ปรากฎว่าข้อความนับร้อยที่มันส่งมาตอนนั้น หายไปหมด ไม่มีแม้แต่คำว่า unsent message ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ไอเหี้ย.. สาบานได้ว่าตาผมไม่ได้ฝาดนะ สาบานเลยครับ
ก่อนที่ผมจะกดตอบมันไป เป็นจังหวะที่ลิฟต์เปิดออกพอดี พร้อมกับเสียงกุญแจที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง ใจผมหล่นวูบจนเหมือนจะเป็นลม ไม่เอาแล้วนะ ขอร้อง..
เดี๋ยวนะ.. ?
สัมผัสของของแข็งบางอย่างในมืออีกข้างทำให้ผมต้องก้มลงไปดู มันคือกุญแจรถของผมนั่นเอง ผมออกแรงบีบมัน สัมผัสมันอย่างเต็มมือเพื่อให้มั่นใจว่าผมไม่ได้หลอนไป
1
เชี่ยอะไรวะเนี่ย?
ลิฟต์เปิดออกที่ชั้น1 ผมเดินผ่านพี่ยามที่ยังคงนอนหลับอยู่ที่เดิมในท่าเดิมราวกับไม่เคยลุกไปไหน  พยายามทบทวนเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น ทั้งไฟ เสียง ทั้งตอนที่โดนกดคอ ทั้งกุญแจที่หายไป รวมถึงไอบูมด้วย มันไม่ใช่ความฝันผมมั่นใจ เพราะทุกสัมผัสนั้นผมยังรู้สึกได้ มีแต่คำว่าอะไรวะเต็มหัวผมไปหมด
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเข้าใจกระจ่างแล้วว่าทำไมถึงห้ามกลับหลังเที่ยงคืน และทำไมถึงไม่เคยมีเหตุผลมาอธิบายข้อห้ามนี้
นั่นก็เพราะมันเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ไงล่ะครับ
2
.
- The End | อย่ากลับหลังเที่ยงคืน -
อย่ากลับหลังเที่ยงคืน
โฆษณา