5 ก.พ. 2021 เวลา 14:51 • ท่องเที่ยว
ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีข่าวภูเขาไฟเซเมรู ที่ตั้งอยู่บนหมู่เกาะชวาปะทุหนักขึ้นมาอีกครั้ง พ่นเถ้าถ่านดำทะมึนขึ้นบนฟ้าแพร่กระจายเป็นวงกว้าง สร้างความหวั่นวิตกกับหายนภัยธรรมชาติให้กับชาวอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก เมื่อผมได้อ่านข่าวนี้แล้วทำให้ตัวเองได้นึกย้อนกลับไปเมื่อครั้นที่ได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวชมความสวยงามทางธรรมชาติที่อินโดนีเซีย ภาพความทรงจำเหล่านั้นยังอยู่ในใจเสมอกับความทรงจำที่มีชื่อว่า "ธรรมชาติพิศวงบนหมู่เกาะชวา"
Ep.1 Lao Pai Loei : ธรรมชาติพิศวงบนหมู่เกาะชวา
เรื่องมีอยู่ว่า...มีอยู่วันหนึ่งผมนั่งทำงานที่ออฟฟิตอ ช่วงพักเที่ยงกะจะหาภาพพักสายตาสวยๆ(ภาพที่ดูแล้วให้ความรู้สึกมีความสุข) เพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลายจากการทำงาน ผมก็ได้เปิดอินเตอร์เน็ตขึ้นมาและค้นหาคำว่า "Beautiful volcano" ภาพที่ปรากฎคือ รูปภูเขาไฟจากทั่วโลกปรากฏขึ้น มีทั้งสวยงามและน่าอัศจรรย์อยู่มากเลยทีเดียว แต่มีภูเขาไฟที่ยัง active อยู่ แล้วก็อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย ก็คือที่อินโดนีเซีย. เพียงเห็นภาพภูเขาไฟที่อินโดนีเซียเท่านั้นแหละ ไม่รีรอโทรหาเพื่อนขอสมาชิก 2-3 คน ร่วมเดินทาง เพื่อนของผมก็ตบปากรับคำโดยไม่ลังเลเพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบ Trekking เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจากนั้นผมก็ได้จัดการจองตั้วเครื่องบิน ไป-กลับ พร้อมกับติดต่อไกด์ท้องถิ่นที่อินโดนีเซียเรียบร้อย ซึ่งเราเดินทางโดยสายการบิน Tiger air แวะพักต่อเครื่องที่สิงคโปร์ ประมาณ 8 ชั่วโมง ทำให้มีเวลาได้ไปเดินเตร่ในตัวเมืองสิงคโปร์นิดหน่อย เรามาถึงสิงคโปร์ก็ค่ำแล้ว เราก็เลยไม่พลาดไปเก็บภาพของ Marina bay sands มาไว้ รวมถึงได้เห็นวิถีชีวิตของคนสิงคโปร์ในช่วงกลางคืนก็ออกมาแฮงเอ้าท์กัน
เมื่อผมเดินทางมาถึงสนามบินสุราบายา ก็ได้นั่งรอไกด์ท้องถิ่นอยู่สักพัก ไกด์ก็เข้ามาทักทายพวกเรา ทำความรู้จักกันและก็พาผมเข้ากระเป๋าสัมภาระไปขึ้นรถเพื่อออกไปพบเจ้า Beautiful volcano ของผมกัน จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ก็คือ ภูเขาไฟ "Kawah Ijen" ธรรมชาติที่น่าพิศวงบนหมู่เกาะชวา ผมเดินทางออกจากสนามบินไปจนถึงหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟ Kawah Ijen ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง
เมื่อเดินทางมาถึงที่พักก็ 3-4 ทุ่มแล้ว ระหว่างทางที่เดินทางมานั้นข้างทางมองไม่เห็นอะไรเลยเพราะมืดมาก รู้แค่เพียงว่ามีขับขึ้นเขาบ่อยมากบวกกับอากาศค่อนข้างเย็นเป็นพิเศษ ความรู้สึกกลัวกับหวั่นใจก็เกิดขึ้น แต่สุดท้ายเราก็ถึงที่พักโดยปลอดภัย ห้องพักฏ้จะไม่ได้ดูดีเป็นพิเศษอะไรมากหนัก เพราะผมแค่อาศัยนอนคืนเดียวรุ่งเช้าไกด์นัดเราตี3เพื่อเตรียมตัว Trekking ขึ้นไปชมภูเขาไฟ Kawah Ijen ต่อ ผมและเพื่อนด้วยความเหนื่อยหล้ากับการเดินทางมา ทำให้หลับแบบไม่รู้ตัวเลย เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมและเพื่อนจัดการล้างหน้าล้างตา เตรียมพร้อมเดิน Trekking พอไกด์อธิบายข้อควรระวังและแจกจ่ายอาหารให้เราเพิ่มพลังระหว่างเดิน Trekking เรียบร้อยก็ได้ไปส่งเรายังจุดเริ่มเดินขึ้นภูเขาไฟ Kawah Ijen ซึ่งระหว่างทางก็เช่นเคย ไม่เห็นอะไรเลยข้างทาง ทุกอย่างมืดมนไปหมดยังกับเรานอนในห้องแล้วปิดไฟเป็นภาพสีดำไปหมด พอมาถึงจุดเริ่มเดิน Trekking พวกเรานัดแนะกันว่าอย่าเดินแตกแถวต้องเกาะกลุ่มกันไว้ ทุกคนทำตามข้อตกลงทุกอย่าง
การเดิน Trekking ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเหนื่อยเอามากๆ เพราะปัจจัยรอบด้านล้วนหน้ากังวลเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องลงมาจากบนท้องฟ้าให้เราได้เห็นเท่านั้น ผมและเพื่อนก็ได้ค่อยๆเดินไต่ขึ้นอย่างช้าๆเพราะทางเป็นทางลูกรังละลื่น ประจวขกับมีความชื้นเข้ามาเกี่ยวด้วย และก็ได้เก็บภาพถ่ายระหว่างไปด้วย ซึ่งกล้องของผมไม่สามารถโฟกัสภาพได้ชัดเจนเลย จึงทำให้ได้ภาพระหว่างเดิน Trekking ขึ้นเขาเป็นตามภาพด้านบน พอเดินมาสักพักจะมีร้านค้าเล็กๆเปิดอยู่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว จะมีพวกมาม่า น้ำดื่มขาย ไว้ให้พลังงานแก่นักท่องเที่ยว ผมเองก็ได้หยุดพักหายใจกับเพื่อนกันตรงนี้สักครู่หนึ่ง แล้วก็ออกเดินทางต่อ
เราเดิน Trekking ขึ้นมาเรื่อยๆ ขอบอกว่าเหนื่อยมาก แต่ผมบอกกับตัวเองไว้เสมอว่า Beautiful volcano ขึ้นชื่อว่า ภูเขาไฟที่สวยงามมันก็ต้องหาดูได้ยากแบบนี้แหละ อย่ายอมแพ้เป็นอันขาด ผมก็ได้แต่ ฮึ้บ ฮึ้บ สู้เว้ย!!! จนเดินขึ้นมายังด้านบนของภูเขาไฟได้สำเร็จ ความมืเมนเริ่มเลือนลางจางหาย กลายเป็นแสงสว่างเกิดขึ้น ผมและเพื่อนเข้าใจว่าเรามาถึงจุดชม Blue frame ของภูเขาไฟ Kawah Ijen เรียบร้อยแล้ว แต่!!!! ไกด์บอกพวกเราว่า ต้องเดินลงไปอีกประมาณ 1-2 กิโล ผมเลยยืนทำใจสักพัก พอทำใจได้แล้ว ก็พร้อมลุยต่อ ระว่างทางที่เราเดินจากยอดภูเขาไฟลงไปชม Blue frame ใกล้ๆนั้น ต้องบอกเลยว่าถ้าใครไม่ระวังมีโอกาสล่วงตกได้เลย มีหินเล็กหินใหญ่เยอะมากและในที่สุดเราก็เดินลงไปชม Blue frame กันใกล้ๆจนได้
Blue frame คือ ลาวาสีน้ำเงิน มีเเร่ธาตุกำมะถัน (ซัลเฟอร์) อยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อก๊าซซัลเฟอร์ถูกดันออกมาจากรอยเเตกภายใต้ความดันสูงและที่อุณหภูมิ 600°C เจอกับก๊าซอ็อกซิเจนจึงเกิดเป็นเปลวไฟสีน้ำเงิน ซึ่งจะสามารถเห็นได้เฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น และมันสวยมาก ผมเองไม่คิดเลยว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้เห็นลาวาที่ภูเขาไฟที่ยัง active อยู่ ใกล้ๆแบบนี้เคยเห็นแต่ในทีวีเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นของจริงตรงหน้า
เมื่อเเสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องในตอนรุ่งเช้า ภาพแห่งความงดงามและยิ่งใหญ่ของ Kawah Ijen ก็ปรากฎขึ้นสู่สายตานักท่องเที่ยว เผยภาพให้เห็นแอ่งน้ำสีฟ้าคราม ที่เกิดขึ้นกลางปล่องภูเขาไฟ ผมแทยจะอ้าปากค้างเพราะยังกับผมได้หลงไปอยู่ดินแดนอัศจรรย์สักแห่ง มันสวยงามมาก สวยจนไม่รู็จะบรรยายยังไงออกมา ทริปนี้จะเป็นอีกทริปในชีวิตผมเลยที่จะไม่มีวันลืมแน่นอน หลังจากนั้นเราก็ได้เดินไต่เขาขึ้นมายังข้างบนยอดเขา ซึ่งระหว่างทางเผยภาพให้เห็นว่าทางที่ได้เดินลงมานั้นมันอันตรายเป็นอย่างมาก
1
เมื่อเดินขึ้นมาถึงบนยอดเขาของ Kawah Ijen เราก็ได้เก็บภาพธรรมชาติของที่นี่กันยกใหญ่ ไม่เพียงแต่ Blue frame หรือ แอ่งน้ำสีฟ้าครามที่สวยงามเท่านั้น ธรรมชาติรอบๆภูเขาไฟแห่งนี้ก็สวยงามไม่แพ้กัน ได้เวลาที่ผมต้องเดินลงเขากลับไปยังจุดเริ่มต้น ซึ่งเมื่อเดินกลับแล้วได้เก็นภาพธรรมชาติที่ผมได้ Trekking ขึ้นมาในความมิดมนกลางคืนแล้ว ผมก็ทำได้เพียงแค่คิดว่าเรา เดินทาผ่านสิ่งสวยงามแบบนี้มาหรอเนี่ย เมื่อคืนนี้!
เมื่อเดินลงมาถึงร้านค้าระหว่างทาง ผมก็ได้แวะดื่มกาแฟในตอนเช้ากับเพื่อนๆสักหน่อย เป็นอะไรที่สดชื่นมาก เช้าๆกับกาแฟท่ามกลางธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ ดื่มกาแฟเสร็จเราก็เดินลงมาถึงจุดที่เรา Trekking ขึ้นไป
Kawah Ijen ทำให้ผมตราตรึงใจเป็นอย่างมาก ของจริงนี้สวยกว่าการค้นหาภาพ Beautiful volcano ในอินเตอร์เน็ตซะอีก ขอบคุณธรรมชาติที่สรรค์สร้างสิ่งสวยงามแบบนี้ ไม่รู้ว่าสิ่งสวยงามแบบนี้จะอยู่กับเราไปนานแค่ไหน แต่สำหรับผมแล้วการที่เราได้รู้จักกัน ถือว่าเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าสำหรับผมมากครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม แล้วพบกันอีพีหน้าครับ
Lao Pai Loei : เล่าไปเลย _/\_
โฆษณา