7 ก.พ. 2021 เวลา 02:30 • กีฬา
[ #อยู่ไม่ได้ก็ต้องย้าย ]
หนึ่งในดีลเซอร์ไพรส์ของแมนฯยูไนเต็ดเมื่อซัมเมอร์ 1996 คือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
1
แมวมองซึ่งเป็นทีมงานของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เห็นฟอร์มจากเกมทีมชาตินอร์เวย์แล้วเกิดความประทับใจความเฉียบขาดยิงประตู
1
พอรู้ว่ามีข้อเสนอจากแมนฯยูไนเต็ดเข้ามา โซลชา ตื่นเต้นมากๆ แม้ในวัยเด็กจะเคยเชียร์ลิเวอร์พูลก็ตาม
สำหรับแข้งนอร์วีเจี้ยนทุกคนพรีเมียร์ลีกเปรียบเสมือนประตูสู่สวรรค์ นี่คือลีกที่ได้รับความนิยมในประเทศและชัดเจนแล้วว่าเต็มไปด้วยมาตรฐานที่สูง
อย่างที่บอกนั่นแหล่ะชื่อของ โซลชา ในช่วงดังกล่าวเข้าขั้นโนเนมมาก แทบไม่มีเร้ด อาร์มี่คนไหนเคยได้ยินมาก่อน
แล้วตอนนั้นแมนฯยูไนเต็ดพีกมาก ก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจลูกหนังผู้ดีแทนที่ลิเวอร์พูล ฉะนั้นการซื้อผู้เล่นแต่ละคนมาเสริมทัพจำต้องเป็นดาวดังรู้จักในวงกว้าง
วันที่เดินทางมาถึงสนามบินแมนเชสเตอร์ โซลชา เต็มไปด้วยความตื่นเต้นมาก จะได้สัมผัสบรรยากาศฟุตบอลอังกฤษ
เขาเตรียมพร้อมสำหรับการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
เขาไปถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดอันอลังการ ท่าทางดูงกเงิ่นไม่น้อย คล้ายพวกนักท่องเที่ยวมาทัวร์สเตเดี้ยมมากๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะมีแฟนบอลต่างชาติมาเยี่ยมชมสนามเป็นปกติ
มีเจ้าหน้าที่เดินมาถามคนหนึ่ง ก่อนเขาจะแจ้งไปว่าเป็นนักเตะมาเตรียมเซ็นสัญญา กลายเป็นเรื่องขำขันคิดว่าเล่นมุกซะอีก
1
เขาจึงถือโอกาสทัวร์สนามซะเลย เพื่อเตรียมข้อมูลให้แน่นกว่าเดิม มีไกด์คอยเดินแนะนำโน่นนี่อีกต่างหาก
นิสัยของไกด์ต้องสนทนาเก่งอยู่แล้ว ชวนคุยสารพัดถามสารทุกข์สุกดิบเป็นไง ทำไมถึงมาที่นี่ ชอบแมนฯยูไนเต็ดมากไหม
"ผมเป็นนักเตะใหม่กำลังมาเซ็นสัญญาในวันนี้แหล่ะ" -- โซลชา ว่าไปอย่างนี้
ไกด์คิดว่าเป็นมุกและรับลูกทันทีไม่มีอิดออด ส่งปากกาติดตัวให้แล้วพูดว่าเอาไว้สะบัดหมึกลงลายเซ็นในใบสัญญานะ
โซลชา รับไว้จริงๆ แล้วปากกาด้ามนั้นก็ใช้เซ็นสัญญาในเวลาต่อมาด้วย
2
ไม่มีการเล่าหรือขยายความต่อว่า เขาได้เจอหน้าไกด์คนนั้นอีกหรือเปล่า แต่หากเห็นตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ รวมทั้งหน้าจอทีวีคงตกใจ ไม่คิดว่านี่คือแข้งใหม่ของแมนฯยูไนเต็ด
1
อย่างที่บอกนั่นแหล่ะ ไม่มีใครรู้จัก โซลชา อาจมีแฟนบอลบางคนเคยเห็นรูปบ้าง แต่คงไม่ได้จำแบบแม่นยำ
สำหรับนักเตะสักคนที่ย้ายมาใหม่ แล้วถูกมองข้าม ไม่ได้เป็นคนสำคัญอย่างที่ควร มันย่อมส่งผลกระทบต่อความรู้สึกพอสมควร
อย่างไรก็ดี โซลชา เคยเล่าให้ฟังไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติว่า เรื่องนี้ทำใจไว้ก่อนแล้ว จึงรับมือได้ไม่ยาก
หลังจากเซ็นสัญญาเรียบร้อย เขาได้คุยกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถึงรายละเอียดต่างๆ
บอสมองดูแวบแรกเห็นลูกทีมคนใหม่เหมือนเด็กร้องเพลงประสานเสียงในโบสถ์ ตาแป๋วใสๆ เหมือนไร้เดียงสา ไม่น่ามีพิษมีภัยอะไรเลย
เฟอร์กี้ ยังแจ้งไว้เบื้องต้นว่า ดูหน่วยก้านและประสบการณ์ต่างๆแล้ว คงต้องส่งไปเล่นในทีมสำรองสัก 6 เดือน เป็นการเรียนรู้ทำความเข้าใจเบื้องต้น จากนั้นเมื่อแกร่งกล้าค่อยดันขึ้นมาชุดใหญ่
โซลชา ได้ลงเล่นในทีมสำรองหรือชุดยู-23 ไม่นานหลังจากนั้น แล้วโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ กดเปรี้ยงโชว์เจ้านายสองประตู
อย่างที่เคยบอกไว้จุดแข็งมากของเขาคือความแม่นยำเด็ดขาดในการปิดสกอร์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่สุดของกองหน้า
1
จังหวะเดียวกันนั้นเองทีมชุดใหญ่กำลังขาดแคลนหัวหอก ล้มเหลวในการเซ็นสัญญา อลัน เชียเรอร์ ไม่พอผู้เล่นบางคนยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บอีก
ในเกมลีกกับแบล็คเบิร์นจึงถูกใส่ชื่อไว้เป็นตัวสำรองข้างสนาม ก่อนจะสร้างชื่อด้วยการใช้เวลาเพียงแค่ 6 นาทีเพื่อยิงตีเสมอ 2-2
หลังจากเกมดังกล่าวชื่อเสียงของ โซลชา เป็นที่รู้จักมากขึ้นตามลำดับ ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง แม้บทบาทส่วนใหญ่ยังเป็นแค่อะไหล่
แฟนบอลบางคนเริ่มเข้าใจว่าทำไม โซลชา ถึงเฉียบขาดกว่าที่คิดไว้ เมื่อรู้ประวัติเคยถล่มให้โมลด์อดีตต้นสังกัด 31 ประตูจาก 38 เกมในลีก
ในขณะเดียวกันจบฤดูกาล 1996/97 โซลชา ซัลโวไปทั้งสิ้น 18 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ ควรได้รับความไว้วางใจมากขึ้น อย่างน้อยจำนวนออกสตาร์ตก็ต้องเพิ่ม ไม่ใช่มัวแต่รอโอกาสในฐานะสำรองอยู่เรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามเจ้านายดูไม่คิดอย่างนั้น เพราะในปี 1997 ยังไปดึง เท็ดดี้ เชอริงแฮม มาจากสเปอร์ส แล้วอีกปีถัดมา ดไวท์ ยอร์ค ก็ย้ายมาเสริมกำลังพลแนวรุกอีกราย
เฟอร์กี้ เคยอธิบายว่า โซลชา เป็นกองหน้าที่ครบเครื่องเด็ดขาด แต่ถึงที่สุดแล้วก็ต้องเฟ้นหาหัวหอกชั้นเยี่ยมมาเพิ่ม เพราะแต่ละซีซั่นต้องลงเล่นหลายรายการ จำต้องหมุนเวียนผู้เล่น
ในความรู้สึกของเจ้านายแล้ว กองหน้าทั้ง 4 อันหมายถึง แอนดี้ โคล , ยอร์ค , เชอริงแฮม และ โซลชา ล้วนแต่เก่งกาจไม่แพ้กัน ขึ้นอยู่กับว่าจะส่งลงในเกมไหน สถานการณ์เป็นอย่างไร
1
แต่ความเชื่อของของแฟนบอลคิดว่าเขาคือตัวเลือกลำดับ 4 มีความสำคัญน้อยสุด
จริงๆแล้วหากพลิกแฟ้มดูสถิติสมัยเป็นนักเตะแมนฯยูไนเต็ด โซลชา ได้เป็นตัวจริงมากกว่าสำรอง
1
อย่างไรก็ดีที่หลายคนเชื่ออย่างนั้น อาจเพราะเกมสำคัญหรือเจอคู่ต่อสู้แกร่งๆ เขามักมีชื่อเป็นสำรอง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า โซลชา เองรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเช่นกัน ความคิดย้ายทีมเคยอยู่ในหัวเรื่อยมา ครั้งหนึ่งหวิดจะเซ็นสัญญากับสเปอร์สแล้ว ก่อนโดนกล่อมเปลี่ยนใจภายหลัง
บางครั้งเขารู้สึกอึดอัดเหมือนกัน เคยไปเคาะประตูห้องเรียกร้องเจ้านาย ก่อนได้รับการตอบสนอง แต่สุดท้ายก็ลงเอยเหมือนเดิม
เฟอร์กี้ ยืนยันเสมอว่า โซลชา คือแข้งสำคัญมากๆ แต่ทำไมถึงเป็นสำรองในเกมที่มีความหมาย
1
เหตุผลน่าจะมาจาก โซลชา เหมาะเป็นสำรอง เป็นอาวุธลับที่ถูกเปลี่ยนลงมาเพื่อสร้างความแตกต่าง ไม่ได้เหมาะออกสตาร์ต ความอันตรายย่อมแตกต่างกัน
หากถามว่าผู้จัดการทีมคนไหนเข้าใจชีวิตนักเตะสำรองที่มีความสำคัญ คงต้องยกให้ โซลชา นี่แหล่ะ
1
ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดเมื่อซัมเมอร์ ด้วยความมุ่งมั่นจะต้องเป็นแกนหลัก
แต่พอเจอสถานการณ์จริงแล้ว แตกต่างอย่างสิ้นเชิง พื้นที่หลักคือม้าสำรอง พอได้ลงตัวจริงก็มักไม่ใช่เกมสำคัญ
โซลชา เองได้เข้าไปคุยและทำความเข้าใจแล้ว เวลาตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มักจะยกเอาชีวิตตอนค้าแข้งมาเสริมให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น
ไม่ใช่ ดอนนี่ คนเดียวหรอก ทีมชุดปัจจุบันของแมนฯยูไนเต็ดแกร่งขึ้นมาก ดังนั้นไม่มีทางที่จะจัดลงพร้อมๆกัน ต้องมีคนผิดหวังและเสียสละ
เพราะบางครั้งต่อให้เล่นดีมากๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าเหมาะสำหรับเป็นตัวจริง
สิ่งที่อธิบายได้เกี่ยวกับเคสอย่างนี้คือ นักเตะทุกคนมีความสำคัญไม่ต่างกัน เพียงแต่แตกต่างในรายละเอียดตามสถานการณ์
ปัญหาคือผู้เล่นที่ต้องตกเป็นตัวสำรองประจำ คงไม่อินกับบทบาทอย่างนี้หรอก
สิ่งที่ต้องทำคือพยายามโชว์ผลงานให้ดีที่สุด เพื่อสร้างโอกาสในการเป็นตัวจริงมากยิ่งขึ้น
แต่หากคิดว่าไม่ไหวแล้ว อยู่นี่คงไม่รุ่งจริงๆ ทางออกเดียวก็คือการย้ายสังกัดซึ่งเป็นไปตามวิถีเพราะแม้กระทั่ง โซลชา เองก็เคยคิดอย่างนี้เหมือนกัน
อยู่ไม่ได้ก็ต้องย้าย นี่คือเรื่องปกติสำหรับแข้งอาชีพทุกคน
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา