9 ก.พ. 2021 เวลา 01:00 • กีฬา
ปรัชญาที่แน่วแน่อาจไม่ได้นำพามาซึ่งความสำเร็จ
แน่นอนว่าทีมฟุตบอลที่มีกุนซือที่ดีมีปรัชญา และ แทคติกการทำทีมที่ยอดเยี่ยมจะนำพามาซึ่ง ชัยชนะ แต่ในวันนี้พวกเราจะพาไปดู ตัวอย่างของกุนซือ สายบุ๋น ที่มีปรัชญาที่ดีแต่กลับไม่พบเจอกับคำว่า สำเร็จ
เมาร์ซิริโอ ซาร์รี่ หนึ่งในยอดโค้ชแห่งแดนมาเฟีย และ มาร์เซโล บิเอลซา อัจฉริยะผู้เขาใกล้เส้นศูนย์สูตรที่ชื่อว่า ความบ้า เรามาพูดกันถึงกุนซือสายควันกันก่อน ตัวของซาร์รี่เอง ได้มียุครุ่งเรืองและโดดเด่น กับ ทีมดังในซีเรียอา อย่าง นาโปลี
และเป็นเจ้าของ ศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก นั่นคือ ซาร์รี่ บอล หรือในภาษาทางการคือ vertical tiki taka นั่นเอง การมีต้นแบบและรากฐานมาจาก tiki taka ของทีมชาติเสปนนั่นเอง แต่ใช้การเล่นที่เร็วกว่า และพาบอลขึ้นไปข้างหน้าได้เร็วกว่า รวมถึงในลีกอิตาลี ทีมส่วนใหญ่ค่อนข้างเขี้ยว และ รัดกุม แต่กับกุนซือกินบุหรี่คนนี้ เค้าคือปรากฎการณ์ที่แปลกใหม่
ในส่วนของ มาร์เซโล บิเอลซา ก็ประสบความสำเร็จในระดับ แชมป์เปี้ยนชิพ กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และเป็นการพา ลีดส์ ขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดแบบ ม้วนเดียวจบได้แชมป์ ผู้มากับศาสตร์แห่งความบ้าคลั่ง อย่าง เมอร์เดอร์ บอล แทคติกที่เต็มไปด้วย การเคลื่อนที่ และไล่กดดันอีกฝ่าย การสร้างทีมที่วิ่งไม่มีหมด เปรียบเสมือนดั่งทหาร ที่พร้อมจะสู้รบ ปรบมือ กับทุกทีม ไม่ว่าเล็กใหญ่
จากคำนิยามข้างต้นหลายท่านคงจะบอกพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า สองบุคคลวัตถุโบราณนี้ เก่ง ทำไมถึงไม่ประสบความสำเร็จล่ะ ซาร์รี มีทีมที่มี การเล่นที่ดี รวดเร็ว และ สวยงาม เค้ามี นักเตะ ดีๆอย่าง จอร์จินโย่ ฮัมซิกส์ เมอร์เทน แนวรับสุดแกร่งอย่าง คูลิบาลี่ แต่เค้ากลับ ไม่ได้แตะถ้วยสักแชมป์ตลอดระยะเวลาสามปี เต็ม หลังจากนั้นเขาได้ล้มเหลวอย่างเป็นรูปธรรมกับ เชลซี และยูเวนตุสตามลำดับ ส่วนตัว มาร์เซโล บิเอลซาเอง ก็ล้มเหลวมามากมายในการคุมทีมฟุตบอล และ ณ ตอนนี้ เขากำลังจพา ลีดส์ยูไนเต็ด จมหายไปกับ ปรัชญาของเขาเอง คำถามคือ ทำไมล่ะ?
หนึ่งเลยคือแผนที่มันลึกไปหน่อย ลึกมากไปและการถ่ายทอดในช่วงเวลาสั้นๆเพื่อเปลี่ยนเกมในช่วงพักครึ่ง หรือส่งตัวสำรองลงไปหนึ่งตัวเพื่อเปลี่ยน เกมนั้นเป็นไปได้ยาก ยกตัวอย่างของท่านแรก ตัวเขาเอง ไม่เคยที่จะสามารถเปลี่ยนเกมให้เชลซีในสถานการณ์ ที่ลำบากได้ การเปลี่ยนตัวและการวางแผนที่ซ้ำซากจำเจ ทำให้ ทีมอื่นเริ่มจับไต๋ได้สบายๆ ส่วนตัวของ บิเอลซา นั้นเมื่อขึ้นมาในลีกสูงสุดเขากลับยึด แนวทางของเขาอย่างเคร่งครัด และทำให้ทีมอย่างลีดส์ต้องไปหนีตกชั้นกันแบบ งงๆ
สองคือ อีโก้ ในตัว ทั้งสองคนมีอีโก้มากเกินไป ในการที่มจะทำให้นักเตะไม่มีปัญหาในการที่จะพยายามเข้าใจในตัวของพวกเขา ซาร์รี่ ยึดแนวทางของตน แล้วต่อต้าน ทั้ง เอเด็น อาร์ซาร์ และ ผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกคนนึงอย่าง โรนัลโด้ แต่ในช่วงสุดท้ายของเกม หรือยามคับขัน ตัวเขากลับต้องพึ่งสองคนนี้เพื่อนำพามาซึ่งชัยชนะของทีม ส่วนตัวบิเอลซา กุนซือบ้าพลังนั้น เขากลับไม่ยอมห่วงในสิ่งที่ควรห่วงอย่างเกมรับ และการที่ทำแบบนั้น มันนำมาซึ่งความฝืด ใน เกมรุกและการเสียประตูมากที่สุดในลีกของ ทีม อย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด
สามคือความยืดหยุ่น เป็ป กวาดิโอล่า พาบาเยิร์น มิวนิค ได้แชมป์ด้วยความยืดหยุ่นจนไม่สามารถ เดาแผนการได้ คล็อปยอมทิ้งปรัชญาการเสริมทัพของตัวเอง เพื่อ สอย เธียโก มาเพื่อเสริมอนาคตของทีม มูริญโญ่ ที่ให้อิสะระแก่ผู้เล่นเกมรุก จน ทำใฟ้ ดร็อกบา และ แฮร์รีเคนกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าตัวเป้าที่ดีที่สุดในโลก แต่สำหรับสองคนนี้คือไม่ครับ บิเอลซ่ายังยึดมั่นในเมอร์เอร์บอล จน แพตทริกแบมฟอร์อด กองหน้าตัวเก่ง ไม่มีโอกาสแม้แต่จะง้างเท้ายิง ในบางเกม รวมถึงซาร์รี ที่หยิ่งผยอง ไม่ให้อิสระแก่ นักเตะอย่าง อาซาร์ และ โรนัลโด้
นี่เป็นส่วนหนึ่งในมุมมองที่ ตัวผมเองได้ถ่ายทอดให้เห็นอีกด้านหนึ่งของกุนซือ ขึ้นหิ้งสองคนนี้ ซึ่ง ตามหลักเหตุและผลแล้วยังมีอีกหลายอย่าง ที่เราสามารถมองและหยิบมาประเด็นได้อีกมากมายครับ แต่กลับมุมในมุมมองนี้ มันทำให้เห็นถึงการที่ คนเราต้องปรับตัว และผ่อนปรนกับตัวเองบ้าง อาจมีหลวม หรือ หลุดจาก ที่ตัวเองคิดไปบ้าง แต่ถ้าผลลัพธ์มันน่าจะโอเคกว่าเราควรลองทำสิ่งที่ผิดแผนดูบ้างครับ
บทความ By อู๋ FL
โฆษณา