7 ก.พ. 2021 เวลา 06:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
"Skills of Trader/Investor ที่จำเป็นควรมีอะไรบ้าง"
ซึ่งเเน่นอนว่าอาชีพ "เทรดเดอร์ หรือ นักลงทุน หรือ คนที่ซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน" นั้นเริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างเเพร่หลายในยุคโซเชียลมีเดีย เเต่ความจริงเเล้วพวกเขาเหล่านั้นต้องพบเจออะไรบ้าง ผ่านอะไรมาบ้าง ก่อนที่จะมีชีวิตแบบที่หลายๆคนวาดฝัน ไม่ว่าเรื่อง สภาพคล่องทางการเงิน หรือการอิสระในด้านเวลาก็ตาม เดี๋ยววันนี้จะพามาไขข้อข้องใจกันครับ
บรรยายการลงทุนมือใหม่สำหรับ นศ.มทร.อีสาน ชมรม SET Index Club ปี 2018
1. ประสิทธิภาพในการตัดสินใจ (95%)
เเน่นอนว่าส่วนตัวผมเองยกให้เรื่องนี้เป็นลำดับที่ 1 เพราะกว่าการที่เราจะตัดสินใจเข้าทำการซื้อขายสินทรัพย์ใดๆในเวลาใดเวลาหนึ่งนั้น จะมีเรื่องราวความซับซ้อนมากมายภายในกลไกการทำงานของสมองเองก็ดี หรือภายในจิตใจเองก็ดี ดังนั้นการจัตัดสินใจเเละยอมรับผลของการตัดสินใจนั้นๆจึงเป็นเรื่องที่พิถีพิถันเเละรอบคอบเป็นอย่างมากเพราะตัวเองเองใช้เงินทุนของเราเองเพื่อทำงานซื้อขายบนตลาดหรือเเพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลานั่นเอง.
2. การตอบสนองต่อข้อมูลอย่างรวดเร็วและเลือกเเหล่งข้อมูล (92.25%)
ในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดให้มีการทำการซื้อขายนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่มีทั้งตัวเลขตารางซื้อขาย หรือ Ticker วิ่งพล่านเยอะเเยะมากมาย ทั้งยังมีข่าวสารมากๆมายในระหว่างวันเอง หรือเเม้เเต่ข่าวสารนอกตารางข่าวที่คนเหล่านี้เองต้องอัพเดทอยู่ตลอดเวลา เพราะบางข่าวสารส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์อาจจะมากหรือน้อยก็ว่ากันไปตามสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้น ดังนั้นการว่างแผนก็เป็นส่วนสำคัญเมื่อมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นคำถามต่อมาก็คือ เราจะเเอคชั่นอย่างไร หรือจะรอดูอยู่เฉยๆ การที่มีข้อมูลเยอะเเยะมากมากวิ่งผ่านสายตา วิ่งผ่านหัวเราไป เเละเเน่นอนว่าเราไม่สามารถคัดสรรค์ได้ทั้งหมดว่าอันไหนจริงบ้าง อันไหนเท็จบ้าง สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การเลือกเว็บไซต์ของผู้ที่ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ นำเสนอข่าวสารที่ตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนต่อข้อมูล เพราะงานของเรานั้นต้องอาศัยการตัดสินใจ สิ่งที่จะทำให้ตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ควรเกิดจากการได้รับข้อมูลที่มีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน.
3. รักษากฏระเบียบเเละมีวินัยอย่างสูง (91.25%)
เรื่องระเบียบวินัยในที่นี้จะกล่าวถึงการทำตามแผนการที่ได้วางเอาไว้ หรือที่เรียกกันว่า Trader Setup นั่นเอง ซึ่งกลยุทธ์ของเเต่ละท่านๆก็จะเเตกต่างออกไปตามลักษณะนิสัยใจคอของตนเอง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการยอมรับความเสี่ยงเเละผลตอบเเทน(Risk: Reward) เมื่อวางแผนเเล้ว การทำตามแผนที่วางไว้หรือที่เรียกกันเเบบติดปากก็คือ ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ให้นั่งทับมือเอาไว้ เพราะจะซนไปกดคีย์ออกออเดอร์นั่นเอง.
4. ประสบการณ์ (90.5%)
ประสบการณ์ หรือ ชั่วโมงบิน ตามประสาบ้านๆที่เรียกกันเองก็มีความสำคัญไม่เเพ้กัน ยกตัวอย่างเช่น คนที่อยู่ในตลาดมา 1 ปี 5 ปี 10 ปีหรือ 30 ปี มุมมองการคิดเเละตัดสินใจก็จะต่างกันออกไป ความคิดความอ่านข้อมูลบางอย่างที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการย่อยข้อมูลหรือเกิดการตกผลึกตะกอนความคิดบางอย่าง ทั้งด้านพื้นฐาน จิตวิทยา หรือเเม้เเต่การอ่านหมากเกมส์บนกระดานเทรด เหมือนที่เขาเรียกกันว่า "ยิ่งอยู่นานยิ่งเก๋าเกมส์" นั่นเอง.
5. ความเอาใจใส่ หรือ ความตั้งใจ (90.5%)
ไม่ว่าจะเทรดบนตลาดไหนหรือตัวสินทรัพย์ใดๆการโฟกัสอยู่กับสิ่งๆนั้นก็สำคัญเสมอเช่น เทรดอยู่ในตลาดหุ้นไทย(SET) บนกระดานอนุพันธ์(TFEX) ในตลาดต่างประเทศ(Commodities) หรือตลาดการเงิน(Forex) เองก็ดี ทุกตลาดล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะทางของมันเอง ดังนั้นการศึกษาทำความเข้าใจใน Detail product เเต่ละตัวให้เเน่ใจก่อนทำการซื้อขายก็เป็นการลดความเสี่ยงอย่างหนึ่งได้เหมือนกัน.
6. อดทนต่อเเรงกดดัน (88.5%)
ส่วนใหญ่จะพบในเหล่า Speculator สะมากกว่าเพราะเนื่องจากรูปแบบการทำกำไร กลยุทธ์ที่ใช้จะเน้นการเข้าไวออกไป หาจังหวะที่เกิดการไม่สมเหตุสมผลหรือการเกิดความขัดเเย้งของข้อมูลที่เกิดช่องโหว่ ในการเข้าไป Long หรือ Short Position ในการทำกำไร ซึ่งจะขุึ้นอยู่กับ จังหวะ เวลา ทุนในหน้าตัก เเละความพร้อมด้านจิตใจ เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็จะเเอคชั่นไปตาม strategies ที่เราได้วางเอาไว้นั่นเอง.
7. พร้อมที่จะเสี่ยง (85.75%)
เมื่อวางกลยุทธ์และวางเงินหน้าตักทุกอย่างเรียบร้อยเเล้ว การแอคชั่นลำดับต่อไปก็เป็นเรื่องง่ายๆเพราะทุกอย่างเราคลุมไว้หมดเเล้ว อยู่ที่ตลาดเท่านั้นที่จะเฉลยว่ากระบวนการคิดเเละการตัดสินใจของเรานั้น เราคาดการณ์ถูกเพราะอะไรหรือผิดไปเพราะอะไร พร้อมให้การบ้านในครั้งต่อๆไปจนกว่าเราจะออกจากตลาดไป.
8. สัญชาตญาณ (85.5%)
ส่วนนี้จะมีความคล้ายคลึงกับประสบการณ์เเต่จะเเตกต่างกันตรงที่ ประสบการณ์นั้นอาจจะต้องใช้เวลาย่อยข้อมูลนานกว่าจะตกผลึกทางกระบวนการทางความคิด เเต่สัญชาตญาณนั้นจะเกี่ยวกับ "เซนต์" หรือความขัดเเย้งในทางความรู้สึก ซึ่งจะอยู่ที่เเต่ละคนเองว่าจะมีมากน้อยเเค่ไหน มีมากก็อาจจะดีตรงที่เมื่อรู้สึกว่าผิดทางที่คาดการณ์เราก็สามารถ Cut position นั้นออกได้ เเล้วกลับหน้าเล่นในกรณีที่สามารถทำกำไรได้ทั้งขา Long เเละ Short.
9. ความมั่นคงทางอารมณ์ (84.5%)
การมีสติสัมปชัญญะครบ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆสำหรับสายงานนี้ เรื่องอะไรที่รบกสนจิตใจในขณะต้องทำการเทรดจึงเป็นสิ่งอันไม่ควรนำมาก่อนการเทรด ไม่ว่าจะเป็น ทะเลาะกับเพื่อน ปัญหาครอบครัว ขาดการนอนพักผ่อน ดื่มสุรา อยากเอาคืนตลาด ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะลดความสามารถในการตัดสินใจเเละทำให้เกิดความไขว้เขว้ความมั่นคงทางอารมณ์เเละจิตใจ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการขาดทุน ขาดทุนหนัก หรืออจะถึงขั้นพอร์ตเเตกเลยก็ว่าได้ถ้าเรายั้งคิดเเละดึงตัวเองออกมาไม่ทัน.
10. ความสามารถด้านคณิตศาสตร์ (83.25%)
ซึ่งทักษะด้านนี้จะสามารถให้ข้อสรุปอย่างง่าย เป็นการเลือกการให้เหตุผลที่เหมาะสมในการตัดสินใจอะไรบางอย่าง ทั้งยังสามารถอธิบายว่าเพราะเหตุใดผลลัพธ์หรือข้อสรุปที่ได้จึงสมเหตุสมผลหรือไม่สมเหตุสมผลในบริบทของปัญหา ตลอดไปจนถึงการวิเคราะห์ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างปัญหาทางคณิตศาสตร์กับแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ใช้แก้ปัญหาในโมเดลกลยุทธ์นั้นๆ
11. การประมวลผลข้อมูลทั้งหมดได้พร้อมกัน (82.75%)
ในขณะที่เทรด ระหว่างวัน หรือหลังตลาดปิดเเล้วก็ดี จะมีทั้งข่าวดีเเละข่าวร้ายเข้ามาหาเราเสมอ ในหัวเราก็จะมีข้อมูลและเกิดคำถามมากมายสำหรับการเอามาทำเป็นการบ้านสำหรับการลงสนามในวันถัดๆไป ซึ่งหัวข้อนี้จะต้องอาศัยทั้งความรู้ ความชำนาญ การจัดระเบียบ เรียงลำดับของข้อมูลในหัวของเราให้ดีๆ หรืออีกวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการจดปันทึกลงสมุดโน๊ตเเล้วชั่งน้ำหนักของข้อมูลเเต่ละอย่างเพื่อใช้ตัดสินใจก็ได้ครับ.
12. การทำงานเป็นทีม (80.25%)
สำหรับบางคนอาจจะพูดได้ว่า "เป็นสิ่งที่จำเป็นเเต่ไม่จำเป็น" กล่าวคือการมีทีมที่ช่วยกันวิเคาระห์ข้อมูลที่มีความหลากหลายเเละเข้ามาอย่างรวดเร็ว การมีทีมที่สามารถทำงานเข้าขากันได้อย่างดีนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่ง ส่วนหนึ่งคือกรที่เราเองจะได้พักผ่อนระหว่างทำงานมากขึ้น หรือข้อมูลบางอย่างที่เราอาจจะไม่ถนัดเเต่คนในทีมถนัดเเละเอาผลลัพธ์การวิเคราะห์มาเเชร์กันเพื่อเป็นการอุดรูรั่วของกันเเละกัน ในการลดความเสี่ยงเพื่อสร้างผลตอบเเทนตามเป้าหมายที่ต้องการ เเต่สำหรับบางคนอาจจะชอบทำงานคนเดียว ชอบทำงานเงียบๆเสียงรบกวนน้อยๆ อันนี้ก็ขึ้นกับปัจเจคบุคคลไปครับ.
13. ความสามารถในการเรียนรู้ (79.75%)
การเรียนรู้เร็วเป็นสิ่งที่ดีเเละเทรดเดอร์/นักลงทุนเองก็ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ทุกวัน อาจจะมีการจดโน๊ตบ้างอะไรก็ว่ากันไป เพราะตลาดจะมอบสิ่งล้ำค่าให้เราเสมอในทุกๆวัน ยิ่งเข้าสู่ยุคของโซเชียลมีเดีย ทุกอย่างยิ่งวิ่งผ่านเเละไหลเข้าออกเร็วดั่งสายน้ำในลำธาร ผู้ที่สามารถกักเก็บเเละตักตวงทั้งความรู้ความสามารถได้มากกว่าคนอื่นจะย่อยเป็นผลดีต่อตัวคนผู้นั้นเอง ในทางด้านงานเทรดเองก็เช่นกันตัวอย่างเช่น การทำแผน Macro ทำกลยุทธ์ การวาง position บริหารหน้าตัก ฝึกวิธีคิดแบบคนที่ประสบความสำเร็จเองก็ดี ทุกๆอย่างต้องเรียนรู้อย่างหนักเเละรวดเร็ว ถ้าหากช้าเกินไปความรู้เเละวิธีคิดบางอย่างมันอาจจะ Out ไปแล้วก็เป็นได้.
14. ทักษะการสื่อสาร (78.5%)
การทำงานร่วมกับผู้อื่นหรือกับทีมก็ดี การสื่อสารก็เป็นส่วนสำคัญไม่ส่าจะเป็นทางด้านการส่งซิก การบอกสัญลักษณ์ การบอกชื่อซีรีย์เทรด หรือจะเป็นการบอกเข้าออเดอร์ในกรณีที่สามารถเปิดได้ทั้งขา Long เเละ Short position เพราะทุกคำสั่งซื้อจะวิ่งอย่างรวดเร็วภายใน 0.03 วินาที ฉนั้นการทำงานเเข่งกับเวลาเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆที่จะมีโอกาสส่งการศื่อสารที่ทำให้เกิดความสับสน เเต่สามารถฝึกฝนกันได้ด้วยการทำงานร่วมกันบ่อยๆ.
15. ความเป็นอิสระ (76.25%)
ขั้นเเรกในการวิเคราะห์ส่วนใดๆก็ควรมีความเป็นอิสระทั้งด้าน "ความคิดเเละจิตใจ" กล่าวคือเพื่อลดการ Bias หรือทัศนคติด้านลบเกี่ยวกับตัวสินค้านั้นๆหรือเเม้กระทั่งตัวของข่าวสารที่จะประกาศออกมาเองก็ดี พอไม่มีการ bias เกิดขึ้น พื้นที่ในสมองเเละจิตใจของเราจะว่างเเละกว้างมากพอที่จะพิจารณารายละเอียดในเเต่ละส่วนๆเพื่อการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น.
16. การคิดเชิงวิเคราะห์ (75.75%)
การมองภาพรวมองค์ประกอบจะเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจก็ต่อเมื่อเราสามารถนำเอาผลลัพธ์ทางความคิดนั้นไปเชื่อมต่อหรือลิ้งค์กับข้อมูลใหม่ๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ เนื่องด้วยการทำงานที่มีความหลากหลายของข้อมูล การจับต้นชนปลาย เพื่อให้ข้อมูลมีความสอดคล้องกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจในการทำโมเดลต่อๆไปไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโมเดลเดิมๆ หรือสร้างโมเดลใหม่ๆให้เกิดความเหมาะสมต่อการสร้างผลตอบเเทนให้เหมาะสมกับสภาพตลาดเอง
17. ความขยัน (74.25%)
"คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า" คนในหลายคนยังออกไม่ได้เพราะยังขาดทุนเเละคิดเสมอว่าคืนทุนเมื่อไหร่จะไปทำอย่างอื่นเเต่ตลาดก็ยังไม่คืนสักที ส่วนคนใหม่อยากเข้าเพราะคิดว่าทำงานง่ายๆได้เงินชิวๆมีอิสระจะไปเที่ยว จะใช้จ่ายเงินเเบบไหนก็ได้ เเต่ข้อดีของการเป็นมือใหม่ก็คือ "ความสดใหม่" มีความกระหายต่อข้อมูลที่วิ่งพล่านอย่างหลากหลาย ในขณะที่คนเก่าอาจจะไม่ค่อยตื่นเต้นหรือเกิดการ "เฉื่อย" ต่อการตอบสนองของข้อมูล เพราะคิดว่าฉันรู้มาก รู้เยอะเเล้ว ไม่จำเป็นอีกเเล้ว เเต่จริงๆแล้วคนเก่ายิ่งอยู่นานสิ่งที่ต้องทำอย่างยิ่งก็คือ การ Refreshing ตนเองในทุกๆวัน
18. ทัศนคติเชิงบวก (72.5%)
เเน่นอนว่าหากลดการ Bias เเละการ predict ได้เยอะเท่าไหร่ กำไรหรือผลตอบเเทนเราก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น Bias หรือที่เรียกว่า อคติ ทำงานอย่างไรภายใต้ความคิดของเรา เจ้าตัวนี้ทำให้เราเกิดความกลัว ความโลภ ความหลง เเต่ไม่ได้หมายความว่าตัว bias จะไม่ดีทุกอย่างนะ อย่างข้อดีของการ bias ก็คือการที่เราจะได้คิดทบทวนการตัดสินใจของเราว่าเราพร้อมยอมรับหรือเปล่า ถ้าความอสี่ยงนั้นอยู่ใน Range ที่เรายอมรับได้ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง เพราะสุดท้ายเเล้วตลาดจะเป็นผู้เฉลยคำตอบทุกอย่างเอง
19. ความอยากรู้อยากเห็น (70.5%)
ในตลาดมีเรื่องใหม่ๆให้เรียนรู้ตลอดเวลา มีทั้งโอกาส ความรู้ กระบวนการทางความคิด การตัดสินใจ ตั้งเเต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะตลาดไม่เคยวิ่งซ้ำกันเลยสักวัน เเต่อาจจะมีบ้างที่มีความคล้ายคลึงกัน เเต่อาจจะต้องอาศัยระยะเวลาในช่วงระหว่าง 4-5 ปีถึงจะเกิดขึ้น เเต่ละวันจะเเตกต่างกันออกไปทั้งด้วย จำนวนผู้เล่น เงินทุนหน้าตัก ความเหลื่อมล้ำทางเวลา ปริมาณการซื้อขาย ข่าวสารบ้านเมือง ฯลฯ เเละที่สำคัญกว่านั้นตลาดจะชอบส่งเซอร์ไพรส์มาในเวลาที่หลายๆคนไม่คาดคิดเเละคาดไม่ถึงอีกด้วย.
20. ทักษะการเข้าสังคม (66.75%)
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นทักษะที่จำเป็นหรือไม่ก็ได้ เพราะบางคนทำงานเป็นทีมถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีผลตอบเเทนที่น่าพอใจ เเต่สำหรับบางคนอาจจะชอบลุยงานคนเดียวเพราะชอบความสงบ ความเงียบ ความเป็นส่วนตัว เเละอีกข้อดีก็คืองานเทรดนั้นสามารถทำการซื้อขายที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ขอเพียงเเค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น.
Tonrak_A
7 Feb 2021
โฆษณา