7 ก.พ. 2021 เวลา 11:18 • ไลฟ์สไตล์
Chapter 3 : มุมมองความรักที่เปลี่ยนไป..ในวัยที่โตขึ้น
หลังจากที่ได้เขียนแต่บทความเรื่องจริงจัง🤣 วันนี้ทรายจะมาผ่อนคลายด้วยเรื่องความรักมุ้งมิ้งกันบ้าง ใดใดล้วน based on มาจากชีวิตที่เติบโตขึ้น ทำให้ทัศนคติเรื่องความรักก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน...
ทำใจให้ผ่อนคลาย แล้วมาฟังเรื่องราวของทรายกันค่ะ❤️
ก่อนอื่นทรายจะขอหยิบยกอดีตคนรัก 3 คน ที่มีมุมมองความรัก ณ ตอนนั้นแตกต่างกัน มาพูดถึงให้ฟังกันก่อนค่ะ
🧑🏻คนที่1 “รุ่นพี่” : แค่ได้คบกับคนที่ชอบก็พอ
รักครั้งนี้เกิดในวัยที่ poppy love สุดๆ (อารมณ์แบบชอบเดินผ่านห้องเขา ทำให้เขาสนใจ แล้วก็เขินตัวบิด5555555) เขาเป็นรุ่นพี่ที่เราแอบชอบมานาน ในโรงเรียนตอนนั้นเขาถือว่าฮอตมากก ลุคเขาจะเป็นคนสุขุม นิ่งๆ พูดน้อยอะไรประมาณนั้นเลยค่ะ จนวันนึงเราตัดสินใจบอกชอบเขา เราเลยได้คุยกันจนพี่เขาขอคบ ตอนนั้นเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่คิดอะไรมาก 💕“แค่ได้คบกับรุ่นพี่ที่ชอบก็แฮปปี้แล้ว” แต่เมื่อคบไปเรื่อยๆ ทรายก็เริ่มงี่เง่า เอาแต่ใจ ด้วยความเป็นเด็ก จนพี่เขาก็ไม่ทนกับความเด็กน้อยของเราอีกต่อไป จนเราเลิกกันทั้งที่ยังรัก...
🧑🏽คนที่2 “รุ่นเดียวกัน” : สบายใจที่มีกันก็พอ
รักครั้งนี้เกิดในช่วงที่เริ่มโตขึ้น เป็นรักที่ยาวนานที่สุด เริ่มเอาแต่ใจน้อยลง มองหาความสัมพันธ์ที่เป็นเหมือนเพื่อน 💕“สบายใจที่มีกันก็พอ” เราคบกันในช่วงม.ปลาย เป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนเพื่อนสนิทกันมากๆ กลับบ้าน ไปโรงเรียนด้วยกัน (ทำแบบนี้ทุกวันเกือบ3ปี) คนนี้เป็นคนนิ่งๆต่อหน้าคนอื่น แต่พออยู่กับเราเขาเป็นคนขี้อ้อนคนนึง แต่ค่อนข้างเป็นคนที่ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ไม่ชอบโอ้อวด ไม่โรแมนติก ไม่ชอบเซอร์ไพร้ส์ ไม่อินกับการที่ต้องบอก HappyAniversary ในวันครบรอบ จากที่ทรายเคยเป็นคนเอาแต่ใจมากๆ แต่กับคนนี้เราเป็นคนนิ่งขึ้นโดยปริยาย เพราะเราซึมซับนิสัยเขามาเยอะแหละมั้ง...
 
คนนี้แตกต่างจากคนอื่นตรงที่สู้ชีวิตมาก ดิ้นรนหาเงิน รับจ้างทั่วไป ด้วยความที่ฐานะที่บ้านค่อนข้างลำบาก บางครั้งถึงกับมายืมเงินเรา และด้วยความที่เรากับแม่มีอะไรก็คุยกันได้ไม่เคยปิด จนแม่พูดขึ้นมาว่า “เราแน่ใจจริงๆแล้วใช่ไหมคนนี้ โตไปจะลำบากมากนะ แม่เคยเจอมาแล้ว” (แต่แม่ก็ไม่ได้บอกให้เลิก) ตอนนั้นเรารู้สึกว่า เราแน่ใจมากๆเพราะรักก็พอ ฐานะไม่เกี่ยวหรอก ค่อนข้างเห็นต่างกับสิ่งที่แม่พูด แต่จากนั้นรักเราเริ่มถึงจุดอิ่มตัวด้วยความที่คบมานาน และรักเป็นไปด้วยความเนิบๆ ไม่หวาน ไม่โรแมนติก ก็เลยเลิกกันไป...
👦🏻คนที่3 “รุ่นน้อง” : เป็นทั้งแฟนและเพื่อนที่ดี
รักครั้งนี้ไม่ใช่รักที่คบกันนานที่สุด “แต่รักมากที่สุด” เกิดขึ้นในวัยที่โตมากพอสมควร คือวัยมหาลัย ในตอนแรกเราไม่คิดจะคบกับเขา เพราะชื่อเสียงดังมากเรื่องเจ้าชู้ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนเทคแคร์ เอาใจเก่งมาก เขาทำอะไรโดยที่เราไม่ต้องขอเสมอ ให้ความสำคัญกับเราทุกอย่าง ให้สิ่งที่เราไม่เคยได้จากคนก่อนๆ จนเราคบเพราะแพ้ความดีของเขา 💕”เขาเป็นทั้งเพื่อน แฟน คนที่คอยอยู่ข้างๆเสมอไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์” รักเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี แต่...
มาถึงจุดPeak💔เราโตขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ได้ต้องการแค่ความสบายใจ ความรักเอยอีกต่อไป เรามองถึงอนาคตมากขึ้น อยากคบกับคนที่มีอนาคต เพื่อมั่นใจว่าอนาคตจะดูแลเราได้ แต่แฟนเราไม่ใช่อย่างนั้น เขาใส่ใจเราทุกอย่างจริง แต่เขาติดเมา ติดเพื่อน ไม่เรียน ไม่วางแผนอนาคต เราต้องเป็นคนผลักดันเขาให้เป็นคนที่ดีขึ้นเสมอ จนเรารู้สึกว่าเราคบกับคนนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เราต้องการคนที่มีอนาคต... และคำพูดของแม่ในวันนั้นเริ่มทำให้เราฉุกคิดได้💡
ตั้งแต่เลิกกับคนล่าสุดจนถึงตอนนี้ เราก็ไม่ตัดสินใจคบกับใครเลย กลายเป็นคนเลือกเยอะขึ้นมากๆ ด้วยประสบการณ์ในอดีตที่เจอมาหลายแบบ บวกกับทัศนคติของเราเปลี่ยนไปตามวัยที่โตขึ้น คนที่เราจะตัดสินใจคบครั้งนี้ต้องเป็นคนที่เราเชื่อว่าจะพากันเติบโตไปในทางที่ดีได้ พร้อมๆกับมอบความรัก ความใส่ใจที่มีให้กันอย่างสม่ำเสมอ
ตอนนี้เราเลือกที่จะเป็นฝ่ายเข้าหาเอง มากกว่าเป็นฝ่ายโดนจีบแบบแต่ก่อน อธิบายก็คือเวลาเราชอบใครจะค่อยๆทำให้เขารู้ถึงการมีตัวตนของเรา จนกว่าเขาจะเข้ามาจีบเราเอง (กลยุทธ์จีบแบบเนียนๆ555555) เพราะรู้สึกว่าเราสามารถเลือกคนที่ตรงความต้องการได้มากกว่า เนื่องจากแสกนเองมาแล้วในระดับนึง จนสุดท้ายเราก็ได้เจอกับคนๆนึง...
🧑🏻✨คนนี้เป็นคนที่เราแอบมองมานาน เพราะเขาสนใจเรื่องเดียวกันกับเราเยอะมาก ไม่ว่าจะไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว ปาร์ตี้ การเงิน การลงทุน ทัศนคติในการใช้ชีวิต แถมยังเป็นหนุ่มฮอตอีกต่างหาก ทำให้เรารู้สึกว่าเขาต่างจากผู้ชายคนอื่นมาก และเราไม่เคยเจอคนที่รู้สึกตรงเสปคขนาดนี้มาก่อน จนรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เขาสนใจ แต่เราก็ชอบเขามาเรื่อยๆ ค่อยๆมีตัวตนในพื้นที่ของเขา จนเขาทักมาคุยครั้งแรก หลังจากนั้นเราคุยกันเวลามีเรื่องที่สนใจเหมือนกันเป็นครั้งคราว แต่สถานะก็ไม่พัฒนาอยู่ 4-5 เดือน จนวันนึงเขาทักมาขอลองคุยกับเราแบบจริงจัง ตอนนั้นเราแฮปปี้มากกกก รู้สึกความสัมพันธ์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างสักที
หลังจากที่คุยเป็นครั้งคราว ❤️ตอนนี้มาในสถานะคนคุยจริงจังมันต่างกันมาก เราได้เห็นมุมมอง และทัศนคติของเขาในเรื่องต่างๆชัดเจนขึ้น ซึ่งมันช่วยพิสูจน์ว่าเขาเป็นแบบที่เรามองจริงๆ เขาเป็นคนที่เก่งในหลายๆด้าน 🧠มีความเป็นผู้นำ มีอนาคต รู้สึกถึงความมั่นคงในการมีเขาอยู่ เราคุยเรื่องเดียวกันรู้เรื่อง ตั้งแต่เรื่องไร้สาระ ตบมุข ไปยันเรื่องหุ้น คอนเนคชัน การเติบโต📈 เขาเผยมุมน่ารักออกมาแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เขาค่อนข้างถือตัว และจะแสดงมุมนี้ให้กับคนที่เขาอยากให้เห็นเท่านั้น ทุกอย่างเหมือนไปด้วยดี แต่...
เราเริ่มรู้สึกว่าสังคมเราต่างกันเกินไป สังคมของเขาค่อนข้างดูดี มีฐานะ มีหน้าตาในสังคม แต่เราเป็นคนปกติทั่วไป แค่มีทัศนคติแตกต่างจากคนในสังคมที่เราอยู่ ที่เป็นจุดที่ทำให้เขาสนใจเราได้ เรารู้สึกว่าระหว่างเรามันพัฒนาต่อไม่ได้ ไม่อยากมาถ่วงเขาให้อยู่กับเรา และเราก็เชื่อว่าเขาก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน🙍🏻‍♀️🙍🏻
ใช่ค่ะ เราเลิกคุยกัน แม้เราจะสนใจกันแค่ไหน แต่ถ้าสังคมเราต่างกัน มันก็จบ...
รักครั้งนี้เป็นรักที่มาเปลี่ยนมุมมองของเราอีกครั้ง “การเลือกคนที่มีอนาคตก็สำคัญ แต่สังคมระหว่างเราสำคัญมากกว่า” พูดให้เห็นภาพชัดก็คือ สมมุตว่าเขาไปดินเนอร์ที่โรงแรมหรูกับเพื่อนเป็นเรื่องปกติ แต่เรากลับทำอะไรธรรมดาๆ ที่เป็นความสุขง่ายๆในแบบของเรา การชวนเพื่อนไปกินเลี้ยงโรงแรมหรู ดูไม่เข้ากับกลุ่มของเราเท่าไหร่ นั่นแหละค่ะ แม้จะชอบกันแค่ไหน แต่สังคมต่างกันมันก็อึดอัดใจไม่น้อย..
จนมาถึงตอนนี้มุมมองความรักของเราเปลี่ยนไปเยอะมาก ตามเหตุการณ์ต่างๆที่เจอมา บวกกับวัยที่โตขึ้น เริ่มให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่พากันเติบโตในทางที่ดี ควบคู่กับสังคมระหว่างเราที่เข้ากันได้ด้วย หรือเรียกได้ว่าเป็น ”รักที่ดีพอ และพอดี” แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่รีบร้อนที่จะมีรักครั้งใหม่ เราเชื่อว่าโลกจะเหวี่ยงคนที่พอดีกับเรามาให้สักวัน🌤💝
แล้วเพื่อนๆมีมุมมองความรักแบบไหนกันบ้าง❓ลองมาแชร์กันดูนะคะ☺️
ปล.ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ
ปล.2 ถ้าชอบฝากกดติดตาม กดแชร์ด้วยนะคะ🙏🏻
โฆษณา