9 ก.พ. 2021 เวลา 04:11 • หนังสือ
'พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว'
โกะโด โทคิโอะ
หลังจากอ่านเล่มนี้จบ ก็ได้รับพลังในการก้าวข้ามความกลัวในการอยู่คนเดียวมาเยอะเลยค่ะ ก็เลยอยากจะมาแชร์ข้อคิดดีๆจากหนังสือเล่มนี้ค่ะ
ต้องบอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนกลัวทำอะไรคนเดียวมากๆ ทั้งกินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว ไปเที่ยวคนเดียว เพราะจะรู้สึกเหงาและเปล่าเปลี่ยวสุดๆ แต่หลังจากอ่านเล่มนี้จบ เราก็ได้รู้ถึงสาเหตุของความรู้สึกนี้ ซึ่งมีสาเหตุมาจาก
- ค่านิยมและความคิดที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่า ไปโรงเรียนเราต้องมีเพื่อนนะ ใครที่อยู่คนเดียวก็จะถูกมองว่าแปลกเลยพาลให้คิดว่าการอยู่คนเดียวเป็นสิ่งที่แย่ แต่ในความเป็นจริงนั้นบางคนอาจจะสนุกในการอยู่คนเดียว การอยู่คนเดียวถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่น่านับถือด้วยซ้ำ
- การที่สภาวะทางจิตใจสุกปลั่งไม่มากพอ เพราะการที่เราต้องการที่พึ่งพิงทางจิตใจและยึดติดกับผู้อื่นตลอดเวลา ทำให้ต้องกระวนกระวายใจตอนที่ต้องอยู่คนเดียว ทำให้อารมณ์ของเราถูกควบคุมจากปัจจัยภายนอก ส่งผลให้อารมณ์ไม่มั่นคง สิ่งที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือเราถูกจำกัดสิ่งที่อยากทำจริงๆ เช่น อยากดูหนังเรื่องนี้ อยากกินสิ่งนี้ แต่เพราะไม่มีคนที่ทำด้วย ทำให้เราไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำจริงๆ
ในความเป็นจริงนั้นการอยู่คนเดียวคือพลังอันแรงกล้าแถมยังทำให้เราเข้มแข็งและเติบโตในแบบที่เราอยากให้เป็น
1.การสะท้อนตัวตน - คำว่าสะท้อนก็คือการที่ทำให้เรามองเห็นความเป็นจริงจากสิ่งที่เราไม่สามารถเห็น ซึ่งการสะท้อนตัวตนนั้นไม่สามารถเกิดได้จากการอยู่กับคนอื่น เราจะสามารถมองเห็นตัวเองได้ดีที่สุด รู้จักตัวเองได้ดีที่สุดเมื่ออยู่กับตัวเอง เมื่อนั้น เราจะเห็นถึงพลังและความสามารถที่แท้จริงของตน และไม่เกรงกลัวต่อสิ่งเร้าภายนอก
2.ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล - ไม่กลัวว่าจะถูกเกลียด ฝืนคบ เป็นตัวของตัวเองและกล้าเผชิญหน้ากับตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ทำให้เราสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าตัวตนของเราอาจจะไม่สามารถเข้าได้กับทุกคน แต่การทำอย่างนี้จะทำให้เรามีความสัมพันธ์แบบระยะยาวกับคนที่สำคัญกับชีวิตจริงๆ
3.ค่านิยม - มาตรฐานทางสังคมและค่านิยมต่างๆทั้งเรื่องเพื่อนที่จะต้องมีเพื่อนนะ ต้องแต่งงานเมื่ออายุเท่านี้ ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้คือการจำกัดความคิดและอิสระของตัวเอง ความคิดที่แท้จริงของเราถูกควบคุมโดยความคิดเห็นของผู้อื่นเป็นสิ่งน่าเสียดาย เพราะเราจะไม่สามารถแสดงตัวตนและสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ เพราะฉะนั้น เลิกยึดติดกับค่านิยมและหันมาถามใจของตัวเองว่าจริงๆแล้วเราคิดอย่างไร อยากทำแบบไหน
4.ถ้าได้ทำเรื่องที่อยากทำก็ถือว่าสำเร็จแล้ว - ในชีวิตจริง ถึงแม้ทุกคนจะประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน มีรายได้ไม่เท่ากัน แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถการันตีความสุขของเราจริงๆได้ ใช่ มันเป็นปัจจัยอย่างหนึ่ง แต่สำคัญกว่านั้นคือ เราเอนจอยกับเรื่องที่เราทำอยู่หรือไม่ เราได้ทำสิ่งที่อยากทำจริงๆหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
5.เลิกคิดมาก - การคิดมากคือสภาวะที่เราอยู่ในวังวนความคิดและคิดแต่เรื่องเดิมๆซ้ำๆ แต่การทำแบบนี้ไม่ช่วยแก้ปัญหาทั้งยังทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่อีก วิธีเลิกคิดคือการหันเหความสนใจไปยังสิ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาหรืออาจจะเขียนมันออกมาเพื่อสามารถมองในมุมของ'ผู้อื่น'ได้ เมื่อรู้วิธีแก้ปัญหา สาเหตุของปัญหา รายละเอียดต่างๆ ก็จงออกมาจากวังวนความคิดและเดินหน้าต่อไป
บทส่งท้ายของผู้เขียนได้กล่าวถึงเรื่องโชคชะตา ที่คนส่วนมากมักคิดว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วและรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของตนเอง แต่แท้จริงนั้น 'โชคชะตา'คือ สิ่งที่เราสร้างขึ้นจากการฝึกฝนและความพยายามของเราเอง เพราะฉะนั้น อย่าละเลยชีวิตของเราและสร้างมันในแบบที่เราอยากให้เป็น
การอยู่คนเดียวทำให้จิตใจสุกปลั่ง สภาวะทางอารมณ์มั่นคง เป็นบ่อเกิดของไอเดีย ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้เราได้ทำและได้คิดในสิ่งที่ใจต้องการ ทำให้สามารถปรับตัวต่อสังคมภายนอกได้ดีและไวขึ้น เป็นสกิลอย่างหนึ่งในชีวิตที่เราควรหมั่นฝึกฝนให้เป็นประจำ
โฆษณา