15 ก.พ. 2021 เวลา 11:00 • ความคิดเห็น
SOUL aholic Podcast EP.6 l 4 วิธีค้นหา งานที่ใช่
(จากเรื่องจริงของผู้เล่า)
 
 
ใครๆก็อยากมีงานที่ใช่ เพื่อจะได้มีแรงบันดาลใจในชีวิต
ลองมาดูกันว่า แต้วค้นพบว่าตัวเองอยากเป็นอินทีเรีย ดีไซน์เนอร์ได้ยังไง
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อาจเป็นแนวคิดให้คุณได้นะคะ
 
Podcast นี้ on air ครั้งแรกใน Youtube
 
 
สร้างสรรค์โดย แต้ว พัชราพรรณ แก้วโลก
อินทีเรียดีไซน์เนอร์
ฝากกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจดีๆให้แต้วด้วยนะคะ..
 
 
แต่ถ้าหากว่าการอ่านทำให้เพลิดเพลินมากกว่า
ติดตามด้านล่างได้เลยค่ะ
 
 
................................
 
 
วันนี้จะมาชวนคุยในเรื่องการค้นหางานที่ใช่
EP นี้อาจจะเหมาะกับน้องๆมัธยมที่กำลังตามหา
ความชอบของตัวเองว่าจะเลือกเรียนทางด้านไหน
หรืออาจจะเหมาะกับคนทำงาน ที่คิดว่าตอนนี้
ตัวเองอยู่ในงานที่ไม่ใช่นะคะ อาจฟังเป็นแนวทาง
แล้วนำไปประยุกต์ใช้ได้เหมือนกันนะ
แต่แต้วจะเน้นกับน้องๆมหาวิทยาลัยที่กำลังจะ
เรียนจบ และต้องบอกก่อนว่านี่เป็นวิธีที่แต้วใช้
ซึ่งเป็นความคิดเห็นและคำแนะนำส่วนบุคคล
เท่านั้นนะคะ สมมติว่าคุณเรียนจบแล้ว
และกำลังจะหางานทำ และคุณเรียนมาตรงสาย
กับสิ่งที่อยากจะทำงานจริงๆนะคะ
ทีนี้เรามาเริ่มกันเลย
1.รู้จักตัวเองให้ลึกซึ้ง ข้อนี้คือจุดเริ่มต้น
ที่สำคัญที่สุดในการหางานที่ใช่เลยนะคะ
แต้วอยากให้คุณลองเขียนเป็นข้อๆ ว่า
คุณเป็นคนที่มีนิสัยอย่างไร และคุณชอบทำอะไร
ถ้าจะให้แบ่งหมวดหมู่ที่ต้องสำรวจตัวเอง ก็ได้แก่
1.1ถามว่าคุณเป็นคนรักสันโดษแบบ Introvert
หรือคุณเป็นคนชอบเข้าสังคมแบบ Extrovert
แต่ถ้าไม่ทราบจริงๆว่าตัวเองเป็นคนประเภทไหน
ให้ถามตัวเองว่า เมื่อคุณไปปาร์ตี้กับเพื่อน
อาจจะเป็นงานเลี้ยงรุ่นที่มีเพื่อนคุณมารวมตัว
กันจำนวนมาก คุณรู้สึกมีความสุขกับบรรยากาศ
แบบนี้มั้ย ที่อยากคุยกับเพื่อนๆทุกคน
ถ้าคำตอบคือไม่ คุณรู้สึกไม่สนุกกับ
การอยู่ในหมู่คนเยอะๆ คุณทำตัวไม่ค่อยถูก
เพราะคุณมักจะเป็นคนที่นั่งฟังเฉยๆ
คุณอาจมีแนวโน้มว่าคุณจะชอบการทานข้าว
กับเพื่อนที่สนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
นั่นมีแนวโน้มว่าคุณอาจจะเป็นคนรักสันโดษ
แบบ Introvert มากกว่า Extrovert
1.2ถามว่าคุณชอบอยู่ในองค์กรเล็ก
ที่มีลักษณะการทำงานที่เป็นกันเอง
ได้รู้จักทุกคนในองค์กรอย่างทั่วถึง
มีวัฒนธรรมองค์กรที่อาจยืดหยุ่นและเป็นมิตร
หรือชอบองค์กรขนาดใหญ่ที่มีลักษณะ
การทำงานแบบเป็นขั้นตอนชัดเจน
อาจจะแบ่งเป็นทีมหลายทีม หรือมีหลายฝ่าย
มีกฎระเบียบที่ชัดเจนเคร่งครัด มีผู้คนมากมาย
ในองค์กร ที่เป็นไปได้ว่าเราไม่อาจทำความรู้จัก
ได้ทั้งหมด ดังนั้นต้องรู้ว่าตัวเองมีจริตแบบไหนนะคะ
2.ลองศึกษาหาข้อมูล หรือถามใครก็ตามที่คุณรู้จัก
ที่เค้าอยู่ในบริษัทหรือตำแหน่งงานที่คุณสนใจ
ให้สอบถามถึงลักษณะงานในตำแหน่งที่คุณจะสมัคร
แต่แต้วแนะนำให้คุณฟังเพื่อเป็นข้อมูลเท่านั้นนะคะ
ไม่นำมาเพื่อการตัดสินใจ เพราะการถามจาก
คนรู้จักที่อยู่ในองค์กรนั้น จะขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้น
มีทัศนคติเชิงบวกหรือลบกับองค์กร
ต้องระลึกเสมอว่า คุณต้องเป็นผู้ตัดสินใจเองอีกครั้ง
หากคุณมีโอกาสได้เข้าทำงานที่นั่นจริงๆนะคะ
แต่ถ้าไม่มีคนรู้จัก แต้วแนะนำให้เปิดดูเว็บไซต์
ของบริษัทหรือเพจของบริษัทก่อน หรือข้อมูล
ในอินเตอร์เนตเท่าที่เราจะพอหาได้นะคะ
แล้วดูว่าตรงกับความชอบของเรามั้ย
หลักๆที่มักจะดูได้ในเบื้องต้นสำหรับข้อมูล
ของเว็บไซต์ก็คือ ลักษณะงานขององค์กรนั้นๆ
ผลงานและลูกค้าขององค์กร และแผนผัง
ตำแหน่งในองค์กร ประมาณนี้
3.ตั้งทัศนคติที่ถูกต้อง แต้วมองว่าถ้าหาก
เป็นวัยเพิ่งเรียนจบ และเริ่มทำงาน แต้วขอตั้ง
สมมติฐานให้ทุกคนยังไม่มีเงื่อนไขในชีวิตมากมาย
ที่ทำให้เลือกงานที่รักไม่ได้นะคะ แต้วอยากให้ลอง
เลือกงานจากแรงบันดาลใจและความชอบ
ที่อยากจะทำจริงๆก่อน อย่าเพิ่งเอาเงื่อนไขของ
ค่าตอบแทนเป็นตัวตั้งในการหางาน
อย่าเพิ่งวัดค่าการทำงานแรกด้วยตัวเงิน
ให้ลองหาประสบการณ์ให้ถึงที่สุดก่อน
แต้วเชื่อว่าถ้าเลือกงานที่รักตั้งแต่งานแรก
ถ้ามันใช่มันจะไปได้ไกลมากเลยล่ะค่ะ
แต่ถ้าไม่ใช่ ในเมื่อเราอายุยังน้อย
จะได้ตามหางานที่ใช่ต่อไปนะคะ
4.เปลี่ยนงานบ่อยๆ บางคนอาจคิดว่าไม่ดีนะคะ
แต่แต้วมองว่าก็เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง ที่มันจะทำให้คุณ
ได้งานที่ตรงใจคุณมากขึ้น การที่คุณเข้าไปทำงาน
ในบริษัทหนี่งและพบว่ามันเป็นงานที่ไม่ใช่ตัวคุณ
แต้วแนะนำให้คุณลองอยู่กับมันอย่างน้อย 1 ปีนะคะ
หลังจาก 1 ปี คุณจะผ่านจุดเคยชินทุกอย่างในองค์กรแล้ว
แล้วถามตัวเองแบบไม่หลอกตัวเองอีกครั้งหนึ่งว่า
ยังชอบงานนี้อยู่มั้ย
ทีนี้แต้วอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้กับเพื่อนๆ
ว่าแต้วรู้ตัวเองได้ยังไงนะคะ ว่างานอะไร
เป็นงานที่ใช่สำหรับแต้ว ต้องเล่าย้อนกลับไป
ตอนที่แต้วเรียนตั้งแต่สมัยมัธยมต้น
แต้วเป็นเด็กชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว
และตอนนั้นคุณพ่อของแต้วซื้อนิตยสาร
บ้านและสวนมาหลายเล่มเลยนะคะ
เพราะคุณพ่อชอบทำสวน แล้วแต้วก็
เอามานั่งอ่าน อ่านแล้วก็เจอบ้านสวยๆนะคะ
แล้วก็คิดฝันเพลินๆไปว่า ถ้าอยากทำ
บ้านตัวเองได้เนี่ย เราต้องเรียนอะไร
เราต้องทำอาชีพอะไรกันนะ
ตอนนั้นยังเด็กก็คิดได้เท่านั้นนะคะ
จนกระทั่งเริ่มโตแต้วอยู่มัธยมปลาย
แต้วก็เริ่มรู้ว่าถ้าอยากสร้างบ้านเอง
ต้องเรียนเป็นสถาปนิก และต้องเรียน
คณะสถาปัตย์นะคะ อ้อ แล้วพื้นฐาน
แต้วตั้งแต่เด็กคือ เป็นคนชอบวาดรูป
ชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็กแล้วนะคะ
ไม่ชอบเรียนพวกเลข ฟิสิกส์ ดังนั้น
อาชีพวิศวะนี่คือ ตัดทิ้งไปได้เลย
พอแต้วรู้ตอนนั้นแล้ว ตอนที่เลือกคณะ
ก่อนสอบโอเน็ตเนี่ย สมัยนั้นยังเป็น
โอเน็ตนะคะ ตอนที่แต้วสอบเข้าเรียน
มหาวิทยาลัย แต้วเลือกไป 4 คณะ
คณะแรกจะต้องเป็นคณะที่เราอยากเข้าที่สุด
ถ้าคะแนนสอบเราถึง เราก็จะได้คณะนี้นะคะ
แต้วเลือกเป็นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
สาขาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
คณะที่สอง ก็เป็นคณะสถาปัตย์ในสาขา
เดียวกันเหมือนกับคณะแรก แต่อีกมหาลัยนึง
ส่วนคณะที่สาม แต้วเลือกเป็นคณะ
สถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาสถาปัตยกรรมภายใน
อีกมหาลัยนึง
และสุดท้ายคณะที่สี่ แต้วเลือกเป็นคณะ
สถาปัตย์ในสาขาเดียวกันเหมือนกับ
คณะแรกและคณะที่สอง
ต้องบอกก่อนว่า
การเรียนสาขาสถาปัตยกรรมคือ
เรียนเพื่อทำงานสถาปนิกนะคะ
ส่วนสาขาสถาปัตยกรรมภายในคือ
เรียนเพื่อทำงานเป็นอินทีเรีย ดีไซเนอร์
หรือนักออกแบบตกแต่งภายในหรือมัณฑนากร
ก็แล้วแต่จะเรียกกันนะคะ
และก็อย่างที่ทราบนะคะ ถ้าใครฟัง EP ก่อนๆ
ที่ผ่านมา คือแต้วเป็น อินทีเรีย ดีไซเนอร์
นั่นก็แปลว่าแต้วได้เรียนในคณะที่สาม
ที่เป็นสาขาสถาปัตยกรรมภายในที่เลือกไว้
แค่อันเดียวนะคะ เหมือนดวงไม่อยาก
ให้เราเป็นสถาปนิก ขนาดเลือกไว้ตั้ง 3 อันนะคะ
ตอนเริ่มเรียนเนี่ยแต้วก็ได้รู้เลยว่าเรามาถูกทาง
สิ่งที่เราอยากเรียนจริงๆคืออินทีเรียค่ะ ไม่ใช่สถาปนิก
เพราะเราชอบดูงานสวยๆงามๆภายในอาคาร
มากกว่าที่จะมาออกแบบตึกสูง หรืออาคารด้านนอก
แต้วเริ่มเรียนรู้ตัวเองไปเรื่อยๆ จากที่ได้เรียน
แต่ละวิชานะคะ แล้วในคณะจะสอนกระบวนการ
แรกในการเริ่มออกแบบภายในคือ เราต้องคิด
คอนเซป หรือแนวความคิด ซึ่งนำมาเป็นแนวทาง
ในการออกแบบนะคะ ซึ่งเราไม่ชอบกระบวนการนี้เลย
เพราะแต้วคิดคอนเซปไม่เก่ง แต่เราไปชอบพวกวิชา
ที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวัสดุหรือการเขียนแบบก่อสร้าง
ที่จะทำให้สร้างได้จริง ก็ทำให้แต้วได้รู้ตัวว่า
ตัวเองไม่ชอบงานที่เป็นนามธรรม คือการคิดคอนเซป
แต่ชอบงานที่มองเห็นเป็นรูปเป็นร่างแบบจับต้องได้
ก็เลยชอบศึกษาพวกงานวัสดุ และวิธีการที่จะทำให้
คอนเซปเหล่านั้นสร้างจริงได้ ก็คือการเขียนแบบ
แล้วก็พบว่าเราทำเกรดได้ดีกว่างานคอนเซปจริงๆ
หลังจากเรียนจบ แต้วประเมินตัวเองว่า
เราเป็นคนสบายๆชิลๆ มาตั้งแต่ตอนเรียน
เลยตั้งใจว่าจะไม่เลือกบริษัทใหญ่ที่มีกฎเกณฑ์เข้มงวด
เพราะแต้วไม่ชอบความกดดัน ชอบชีวิต Slow life
และแต้วเป็นมนุษย์รักสันโดษแบบ Introvert นะคะ
ชอบทำงานที่ไม่ต้องพบเจอผู้คน หรือคุยกับคนเยอะ
ชอบทำงานออฟฟิศ ไม่ค่อยชอบออกไปข้างนอก
การทำงานคนเดียวจะมีความสุขและมีพลังมากกว่า
แต้วเลยเลือกสมัครที่บริษัทแรกนี้ ที่เจ้านาย
เพิ่งก่อตั้งบริษัท ทั้งออฟฟิศมีแต้วกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน
อีกแค่ 1 คนที่เจ้านายเพิ่งรับเข้าทำงานเหมือนกัน
เป็นยังไงกันเองดีมั้ยคะบริษัทนี้
ตอนแต้วเริ่มทำงานในตำแหน่งอินทีเรีย ดีไซน์เนอร์
ก็คือตรงสายที่เราเรียนจบมาเลยนะคะ
แต้วเคยเล่าคร่าวๆช่วงทำงานไว้ใน EP4
งานที่รักเมื่อถึงจุดอิ่มตัว แต้วจะเล่าคร่าวๆ คือ
พอเราทำงานเป็นอินทีเรีย ดีไซน์เนอร์ ไปสักพัก
คือทำทุกกระบวนการเหมือนตอนเรียนนะคะ
แล้วเจ้านายน่าจะเห็นอะไรบางอย่างในตัวแต้ว
เลยให้แต้วทำงานแบบตลอดในระยะหลังๆ
พูดได้เต็มปากเลยว่าเจ้านายคนแรกมีส่วนผลักดัน
ให้แต้วค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆในอาชีพอินทีเรีย
และแต้วก็ได้โอกาสในงานเสริมมากมาย
เพราะฝีมือเขียนแบบอินทีเรียที่พัฒนาขึ้นมาก
จากออฟฟิศแรกเลยนะคะ
จนในที่สุดเกือบ 2 ปี หลังจากนั้น แต้วก็ได้พบ
กับเจ้านายคนที่สอง ที่ให้โอกาสในตำแหน่งที่
เป็นเฉพาะทาง คือ ตำแหน่ง Interior CAD Technician
ที่แต้วต้องรับผิดชอบงานแบบก่อสร้างของอินทีเรียเต็มตัว
ที่ไม่ต้องคิดคอนเซปนามธรรมที่แต้วไม่ถนัดอีกต่อไปนะคะ
เอาล่ะค่ะ เท้าความกันไปยืดยาว ก็คงพอเห็นกันแล้ว
ว่าแต้วรู้จักตัวเองได้ยังไงนะคะ เรื่องราวส่วนนี้ของแต้ว
จะเป็นประโยชน์กับใครที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไรนะคะ
บางทีแค่ลองสังเกตตัวเองดูว่า คุณอยู่กับอะไรแล้วมีความสุข
และมันจะเอาไปต่อยอดเป็นอาชีพอะไรได้บ้าง
แต้วอยากฝากคนที่กำลังหางานนะคะ เมื่อเริ่มเข้าทำงานแล้ว
ให้นึกขอบคุณเจ้านายเสมอที่มองเห็นความสามารถ
และให้โอกาสเรา และทำงานตามหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่
เปิดโหมดเรียนรู้ในสมองตลอดเวลา เพื่อพร้อมที่จะเรียนรู้
สิ่งใหม่ และสุดท้ายเมื่อคุณเลือกงานที่คุณคิดว่าชอบแล้ว
หากคุณเข้าไปทำงานแล้วค้นพบภายหลังว่าคุณไม่ได้ชอบ
หรือไม่ได้มองเห็นคุณค่าในงานของคุณจริงๆ
แต้วแนะนำว่าให้ลองถามตัวเองใหม่ตั้งแต่ข้อ 1 ถึงข้อ 4
สำหรับวันนี้ขอบคุณที่ติดตามรับฟัง
อย่าลืมกดติดตามเอาไว้ จะได้ไม่พลาด Podcast
และบทความใหม่ๆ จาก SOUL aholic นะคะ สวัสดีค่ะ.
โฆษณา