Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเรื่อยเปื่อยของอันลี
•
ติดตาม
8 ก.พ. 2021 เวลา 00:47 • ดนตรี เพลง
บทเพลงเรียกขวัญระหว่างใจฉันใจเธอ
"เธอ ร้องเพลงนี้ให้เราหน่อย เราเขียนไว้มันต้องเป็นเสียงผู้หญิง" ข้อความจากแก้วใส หนึ่งในสมาชิกวงสามัญชน ผู้เป็นเพื่อนรักนักกิจกรรมของฉันปรากฏขึ้นในหัวค่ำก่อนเราออกเดินทางไปพบ และเล่นดนตรีที่บางกลอยด้วยกันที่บางกลอย
"ได้สิ ขอเนื้อเพลงด้วย" ฉันตอบทันทีอย่างไม่ลังเล ด้วยเชื่อฝีมือการเขียนเพลงที่สะท้อนความระทมทุกข์ของผู้คนของเพื่อน ที่มีทำนองและภาษาเรียบง่ายแต่ไพเราะเสมอ
"กลอยเอ๋ยกลอยใจ คอยใคนคนหนึ่งคืนกลับมา
คอยเอ๋ยคอยใคร คอยใจที่หายไปให้เติมต่อ
ขอให้รักเราจงเจริญ"
ฉันอ่านเนื้อเพลงน้ำตาคลอเบ้า รู้ว่าเสียงผู้หญิงที่แก้วใสต้องการ คือเสียงของมึนอที่รอคอยบิลลี่กลับมานั่นเอง
แก้วใสแต่งเพลงเพื่อบางกลอยไว้สองเพลง คือเพลงที่ฉันต้องร้อง และเพลงที่เขาดัดแปลงมาจากทำนองของพี่น้องชาติพันธุ์ทางใต้ หลังกินข้าวมื้อแรกเสร็จในตอนเที่ยงเราจึงไปซ้อมกัน ฉันช่วยออกแบบตกแต่งเสียงประสานในบทเพลงของเขาหลายส่วน แต่ไม่เปลี่ยนทางดนตรีใดๆที่เขาเล่น เพื่อคงความเรียบง่ายและความสบายใจของเจ้าของเพลง เมื่อจะต้องเล่นคู่เพื่อนนักดนตรีขี้จุกจิกในคืนนี้
หลังพิธีทำขวัญข้าวของชาวบ้านเสร็จสิ้น พวกเราทั้งหมดที่เดินทางมาเยี่ยม ก็มารวมตัวกันกินข้าวในศาลาพอละจี ที่คราวนี้ชาวบ้านทำขนมหวานที่ทำมาจากข้าว และน้ำตาลมะพร้าวให้เรากินด้วย
"ไอหนู เล่นดนตรีสิลูก" คือคำกล่าวเปิดคอนเสิร์ตง่ายๆจากครูแดง เตือนใจ ดีเทศน์ ที่เสมือนเป็นครูใหญ่ของพวกเราในทริปนี้
ฉันเริ่มคอนเสิร์ตเดี่ยวด้วยเพลง "เจ้าผีเสื้อเอย" ตามคำขอของครูแดง เพราะแก้วใสยังอิ่มจัดอยู่
เมื่อดนตรีของฉันเริ่มบรรเลง เด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ก็กรูกันเข้ามาห้อมล้อมศาลาพอละจีจนแน่นไปหมด จบเพลงฉันจึงเรียกพวกเขาเข้ามานั่งกับพวกเราข้างใน เพราะจริงๆคนที่เราอยากเล่นให้ฟังมากที่สุดก็คือพวกเขานี่เอง จบเพลงเจ้าผีเสื้อเอย ต่อด้วยลูกหมูใส่รองเท้าก็อบ กิ๊บ ก็อบ เพื่อเอาใจเด็กๆ แต่ดูเหมือนจะถูกใจผู้ใหญ่เสียมากกว่า เด็กๆกะเหรี่ยงส่งตาแป๋วเป็นคำถามว่าพยาธิไชเข้าเท้าหมูอย่างไร เพราะเราวิ่งเล่นกันแต่ในแม่น้ำ
เมื่อมีผู้ใหญ่มาสมทบมากขึ้น ฉันจึงเปลี่ยนโทนของเพลงกลับมาเป็นเพลงเพื่อชีวิตที่ยกชูการต่อสู้ของประชาชน แสงดาวแห่งศรัทธา ตามคำขอครูแดง ที่เรียกเสียงปรบมือจากผู้ใหญ่ได้เกรียวกราว แต่เด็กๆก็ยังสงสัย ว่าคนจะยืนเด่นและท้าทายอะไรหนอ ต่อด้วยเพลงรามัญคดีที่ฉันเขียน ฉันอธิบายสั้นๆว่าเพลงนี้เขียนให้พี่น้องมอญที่จากบ้านเกิดมาทำงานในแผ่นดินไทย แต่เนื้อหาคิดว่าเหมาะกับเหตุการณ์วันนี้
"เพื่อคงดำรงอยู่ซึ่งเผ่าพันธุ์ เล่าต่อเรื่องเก่าสู่ลูกหลาน
ให้เจ้าไม่ลืมรากลืมที่มา เป็นทางเดินต่อ
จงทนงในสายเลือดไม่คลาย
ยิ่งใหญ่ด้วยศักดิ์ศรี ความเป็นคนเท่าเทียมที่หัวใจ
ยิ่งใหญ่ด้วยศักดิ์ศรี ค่าแห่งคน อยู่ที่หัวใจ"
แรกนั้นฉันคิดว่าเนื้อที่เขียนเด็กๆน่าจะเข้าใจยากสักหน่อย แต่กลับเป็นเพลงที่เรียกเสียงปรบมือจากพวกเขาอย่างสนั่นหวั่นไหว ฉันเริ่มได้เห็นประกายบางอย่างในแววตาของพวกเขา "จำไว้เด็กๆ พวกหนูคือคน เท่าๆกับคนอื่น" ฉันทิ้งท้ายช่วงการแสดงเดี่ยวของตนเองก่อนเชิญแก้วใสขึ้นมาเล่นเพลงที่ซักซ้อมกัน
เราอธิบายว่าเพลงที่เรากำลังจะเล่น เป็นเพลงที่แก้วใสแต่งให้ที่นี่โดยเฉพาะ ถือเป็นเพลงของเด็กๆที่นี่ทุกคนด้วย เพลงแรกคือกลอยใจที่เราทั้งคู่ต้องตีความตัวเองแทนผู้คนที่นี่ที่รอบิลลี่กลับมา ทั้งศาลานิ่งสงัด ในเสียงของความเศร้า และการให้กำลังใจซึ่งกันและกันจากความเจ็บปวดของการอุ้มหาย เสียงปรบดังลั่นปลุกพวกเราจากความเศร้า
เพลงต่อมาคือใจเดียวกัน เป็นจังหวะร๊อค ที่มีท่อนร้องว่า ปาเกอยอ ปาเกอยอ ซ้ำๆวนไปวนมา ฉันจึงชวนแก้วใสสอนเด็กๆร้องท่อนนี้ และช่วยพวกเราร้องเพลงนี้ไปด้วยกัน "ปาเกอยอก็คือคน" ประโยคสั้นๆที่เสียดแทง ในบทเพลงของเขา ที่พยายามสื่อสารให้เข้าใจถึงวิถีและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนกะเหรี่ยงหรือปาเกอยอ
เด็กๆเรียนรู้รวดเร็ว ไม่ถึง 2 นาที พวกเขาก็จำทำนองได้ เมื่อเข้าตัวเพลงจริงๆ พวกเขาร้องมันออกมาเต็มเสียง ฉันเห็นรอยยิ้มและความภาคภูมิใจของพวกเขา ที่ได้เกิดเป็นปาเกอยอจากแววตาและเสียงประสานสนั่นหุบเขาของคำว่า "ปาเกอยอ ปาเกอยอ" วนไปมา
เมื่อจบการแสดงทั้งหมด (หลังจากเด็กๆยังขอเพลงไม่เลิกแต่เรากลัวจะดึกไปแล้วอาบน้ำไม่ได้) เด็กๆเดินออกจากศาลาพอละจี เรายังได้ยินเสียงเพลงนี้จากพวกเขาระหว่างเดินกลับบ้าน หัวใจเราพองฟูแต่คงไม่เท่าแก้วใส ตัวเจ้าของบทเพลง ที่ค่ำคืนนี้เพลงของเขาทำหน้าที่ของมันได้อย่างงดงามที่สุด ไม่ใช่แค่การให้กำลังใจ และคือการสร้างความภาคภูมิใจและความทรนงให้แก่เด็กๆบางกลอย
เช้าก่อนเดินทางเรานัดเด็กๆมาถ่ายวีดีโอเพลงนี้ตอน8 โมง แต่ตัวเองกลับไปสายครึ่งชั่วโมง ฉันไปถึงที่นัดหมายก็ไม่พบเด็กซักคน ฉันคิดในใจ ว่าฉันคงจะเป็นคนไทยที่มีเคียวในท้อง 7 เล่มตามความเชื่อของกะเหรี่ยงไปเสียแล้ว ที่ว่าคนไทยน่ากลัวพูดอะไรก็ไม่เป็นจริง เพราะในท้องพวกเขามีเคียวอยู่ถึงเจ็ดเล่ม ทำให้เด็กๆกะเหรี่ยงต้องหวาดกลัววิ่งหนีไป
แต่เมื่อเจอสาวชาวบ้านที่ผ่านมาเธอก็อธิบายให้ฟังว่า เด็กๆฟังไม่เข้าใจว่าเราอยากให้พวกเขาทำอะไร ก็เลยไม่มีใครมา ไม่ใช่เพราะมาแล้วไม่เจอเราเลยกล้บกันไปหมด "โอเค พี่ได้ล้างเคียวออกจากท้องแล้ว" ฉันบอกน้องสาวไทยและกะเหรี่ยงตรงนั้นอย่างสบายใจ
เมื่อเดินย้อนกลับมาถึงหมู่บ้าน เหล่าเด็กผู้หญิงตัวน้อยวิ่งกรูมาหาและกอดฉัน "พี่คะ เล่นดนตรีอีกสิ" เรากับแก้วใสหัวใจลิงโลด เปิดคอนเสิร์ตกลางแจ้งก่อนเดินทางกลับสู่เมือง นอกจากบทเพลง พิธีขวัญข้าว สิ่งที่เราจะคิดถึงที่สุด ก็คงเป็นการเต้นรำ รอยยิ้มของชาวบ้านตอนฟังเพลง ประกายจากแววตาของเด็กๆ และเสียงประสานในทำนอง "ปาเกอยอ" ที่สะท้อนก้องไปมาท่ามกลางหุบเขา ในคำคืนที่เรารู้ว่า เราทั้งคู่ทำหน้าที่นักดนตรีของตนเองได้อย่าสมบูรณ์ และเราจะทำมันสำเร็จอย่างลำพังไม่ได้เลย หากขาดใครตรงนี้ไปซักคน
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย