8 ก.พ. 2021 เวลา 06:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ว่าด้วยการปันผล ของหุ้นอสังหาริมทรัพย์
08/02/2021
1
สวัสดีชาวเม่าทั้งหลาย ในฤดูกาลล่าปันผล
จากที่เคยมีคนขอว่าให้ทำรีวิว การจ่ายเงินปันผลของกลุ่มหุ้นอสังหาริมทรัพย์ออกมาแชร์บ้าง
วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะมานั่งเทียน เอ้ย นั่งวิเคราะห์ ถึงความคุ้มไม้คุ้มที่เราจะทำการซื้อหุ้นตัวนึง เพื่อเอาปันผล
โดยเฉพาะหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ที่มักจะให้ผลตอบแทน ในรูปของ%เงินปันผลที่สูงกว่ากลุ่มอื่นๆทั่วไป
บ่อยครั้ง ที่เม่าๆอย่างเรามองแต่เงินปันผลที่จะได้รับจนลืมดูว่าราคา ของหุ้นตัวนั้นๆปรับขึ้นมาสูงเท่าไหร่แล้ว และหลังวันที่หุ้นขึ้นเครื่องหมาย XDแล้ว
ราคาของหุ้นบางตัวอาจจะลดลงมากกว่าเงินปันผลที่เราจะได้รับก็เป็นได้ รึเปล่านะ?
2
เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะขอมาลองศึกษาพฤติกรรมราคาของหุ้นอสังหาริมทรัพย์บางตัวหลังวันจ่ายเงินปันผลว่าจะเป็นยังไง
 
รวมไปถึงการคาดการณ์เงินปันผลที่จะจ่ายออกมาในปีนี้ด้วย
1
หลังจากอ่านหัวข้อนี้จบ เพื่อนๆ อาจจะทดลองลองใช้คอนเซปนี้ไปคำนวณดูว่าหุ้นตัวที่เราสนใจนั้น จะคุ้มค่ากับเงินที่เราจะเสียไปเพื่อลงทุนแลกกับเงินปันผลที่จะได้รับหรือเปล่า ได้เหมือนกันครับ
2
ก่อนการซื้อหุ้นทุกครั้ง ผมอยากให้เราตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเราจะซื้อหุ้นตัวนี้เพื่ออะไร
1. จะซื้อเพื่อหวังเก็งกำไรจากเงินปันผล
2. จะซื้อเพื่อถือยาวเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
โปรดจำไว้เสมอว่า
เราซื้อหุ้นด้วยเหตุผลอะไร จงขายหุ้นด้วยเหตุผลอันนั้นเสมอจะเป็นการดีมากกก
1
เช่น
เราซื้อหุ้นด้วยเหตุผลข้อที่1 คือต้องการเก็งกำไร
เพราะฉะนั้นผลลัพธ์ของการเก็งกำไรมี2อย่างคือ ได้กำไร กับขาดทุน เมื่อมีกำไรจงขาย
จงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ว่า หลังปันผลแล้วราคาหุ้นยังขึ้นอยู่นิ งั้นเราเปลี่ยนมาเป็น VI ถือยาวดีกว่า ..ฮา
หรือ เมื่อประสบสภาวะขาดทุนทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คิด ก็พาลไม่ยอมคัทลอส แต่กลับเปลี่ยนใจมาบอกว่าไม่ขายไม่ขายทุน ถือยาวเป็น VI ก็ได้วะ (ซะงั้น) ไม่ดีๆนะครับ 55
ในกรณีนี้ถ้าคุณติดหุ้นที่พื้นฐานดีก็แล้วไป เพราะโอกาสที่ราคาหุ้นจะกลับมาที่เดิมนั้นพอมี
แต่ถ้าคุณติดหุ้นที่ไม่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งพอ มูลค่าหุ้นอาจจะลดลงเรื่อยๆ จนทำให้คุณขาดทุนเยอะขึ้นๆ ในอนาคตก็เป็นไปได้
แต่ถ้าเราซื้อหุ้นด้วยเหตุผลที่2
โดยจะซื้อเพื่อถือยาวเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
เราต้องมั่นใจว่าบริษัทนั้นจะอยู่ยาวๆ และทำการจ่ายเงินปันผลให้เราได้ในอนาคตยาวๆด้วยเช่นกัน
และถ้าบังเอิญราคาหุ้นตัวนั้นปรับตัวลดลงหลังจากปันผล เราก็มองว่านั่นเป็นโอกาสอันดีที่จะนำเงินปันผลที่ได้มาถัวเฉลี่ย ต้นทุนของหุ้นตัวนั้นๆลงไป เข้าคอนเซป พลังดอกเบี้ยทบต้นที่เราเพิ่งกล่าวถึงไปเลยใช่มั๊ยล่ะ
Case study วันนี้
เราจะขอยกตัวอย่างAP ซึ่งเป็น หุ้นอสังหาริมทรัพย์ ตัวนึง ใน SETHD มาลองศึกษากันดูนะครับ
**ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่มีหุ้นตัวนี้ในพอทนะครับผม
เราสามารถศึกษาหาข้อมูลได้ว่าหุ้น มีปันผลปีละกี่ครั้งและแต่ละครั้งปันผลเท่าไหร่ได้จาก นี้เลยครับ
1
ส่วนตัวเลข วิธีการคำนวณประเมินว่าหุ้นแต่ละตัวจะปันผลเท่าไหร่ ลองย้อนกลับไปอ่านหัวข้อการประเมินปันผล ที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้านี้ได้เลยนะครับ
ซึ่งหลังจากคำนวณคร่าวๆแล้วผมคิดว่า หน้าตาของการปันผลปีนี้ของ AP น่าจะ,จะมีหน้าตาประมาณนี้
1
จะเห็นได้ว่า ที่ราคาหุ้น 7.5 บาทนั้น ในเดือนพ.ค.64 ที่จะถึงนี้จะมีการจ่ายปันผลออกมาจากการดำเนินงานของทั้งปี63
ซึ่งผมคิดว่า อัตราเงินปันผลขั้นต่ำน่าจะได้เห็น 0.5 บาท/ต่อหุ้น หรือคิดเป็น% ผลตอบแทนเท่ากับ 6.7% เลยทีเดียว
ขั้นตอนต่อไป
เราลองมาศึกษา พฤติกรรมราคาหุ้น ในปีที่ผ่านๆมาก่อนครับ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ในที่นี้ตัวผมผมชอบใช้ข้อมูลของ Siamchart
ซึ่งลิงค์อยู่ด้านล่างเลยครับในการช่วยดูราคาย้อนหลัง
1
จากตรงนี้ผมจะเอาข้อมูลย้อนหลัง ตรงนั้นมาเรียบเรียงใส่ตาราง excel เพื่อใช้วิเคราะห์พฤติกรรมราคาของหุ้นตัวนี้ดูว่าเป็นยังไงบ้าง ได้ดังนี้ครับ
ซึ่งเราจะเรียบเรียงข้อมูลตั้งแต่ปี 2016 เรื่อยมา
จนถึงปัจจุบัน
โดยที่เราจะตั้งสมมุติฐานการลงทุนของเรา ดังนี้
- ตัดสินใจซื้อหุ้น AP ก่อนขึ้นเครื่องหมาย 1 วัน
- ได้รับปันผลแล้ววันถัดมาขายทันที
- ได้รับปันผลแล้วรอหลังจากนั้น 1เดือนค่อยขาย
- ได้รับปันผลแล้วรอหลังจากนั้น 2 เดือนค่อยขาย
- ถือยาวมาตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน
จากตาราง เมื่อนำมาวิเคราะห์ จะพบว่าราคาหุ้นจะมีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลงในวันแรกๆ (ส่วนใหญ่)
หลังการปันผลของทุกๆปี
แต่หลังจากนั้นจะเริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง
ซึ่งนั่นอาจจะเกิดจากผลพวงของประกอบการณ์ของ Q1 ณ ปีนั้นๆ ออกมาดี
เลยเป็นหนึ่งปัจจัยทำให้ราคาหุ้นดีดขึ้นมา(ตรงนี้ถ้ามีเวลาเราน่าจะไปเจาะผลกำไรQ1 ในแต่ละปีมาเทียบด้วย)
จากตรงนี้ เราพอจะสรุปได้อย่างคร่าวๆว่า
ถ้าใครจะซื้อเพื่อเก็งกำไร ก็อย่าเพิ่งด่วนขายหุ้นออกไปในวันหลังขึ้นเครื่องหมายซะล่ะ
1
เพราะถ้าเราเก็บหุ้นไว้นานขึ้น ผลตอบแทนจะมากขึ้นนั่นเอง (ควรถือยาวหลังจากการปันผลมากกว่า1-2 เดือน)
1
(อีกเช่นเคย คุณเห็นบทความนี้ คนอื่นก็มีโอกาสเห็นเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณ ในการตัดสินใจก่อนการลงทุนทุกครั้งครับ)
***แต่ถ้าเราตัดการเก็งกำไรระยะสั้นออกไปล่ะ จะเป็นยังไงน้า...
สมมุติถ้าผมซื้อหุ้นตัวนี้ มาตั้งแต่ปี2016 และไม่ทำการขายออกไปเลย แต่กลับเอาเงินปันผลที่ได้ไปซื้อ หุ้นAP เพิ่มในแต่ละปี
แต่อาจจะมีบางปีที่เราไม่สามารถนำเงินปันผลไปซื้อหุ้น ให้ครบ100 หุ้นได้
แต่เราก็เก็บเงินไว้เพื่อไปรวมกับเงินปันผลในปีถัดไปเพื่อให้จำนวนเงินเพียงพอในซื้อหุ้นเพิ่ม100หุ้น (ขั้นต่ำในการซื้อหุ้นคือ100 หุ้นน่ะครับ)
หรือถ้าในระหว่างปีราคาหุ้นอาจจะมีบางช่วงเวลาปรับตัวลดลง จนเราสามารถใช้เงินสดในพอทที่เรามีอยู่ซื้อหุ้นเพิ่มในระหว่างปีก็อาจเป็นไปได้เช่นเดียวกัน
ในกรณีนี้ จากตารางเราสมมุติ
ผมเริ่มซื้อหุ้น AP เมื่อปี2016 ในวันก่อนขึ้นเครื่องหมายที่ราคา 6.10 บาท จำนวน 2 พันหุ้นด้วยเงิน 12,200 บาท
และ เมื่อเราได้รับเงินปันผลในปี2016 จำนวน600 บาท
ผมก็นำเงินตรงนี้ไปซื้อหุ้นเพิ่มมา 100 หุ้น
ที่ราคาหลังวันปันผลที่หุ้นละ5.70 บาท
2
เมื่อมาเฉลี่ยเข้ากับต้นทุนเดิมที่6.11 บาท
จะทำให้ราคาต้นทุนต่อหุ้นของผม ลดลงจาก 6.11 บาทมาเป็น 5.81 บาท
พร้อมกับจำนวนหุ้นในพอทเราจะเพิ่มจาก 2000 หุ้นเป็น2100 เมื่อสิ้นปี 2016
และเราจะทำวนไปเช่นนี้ทุกๆปี
โดยที่เราไม่ต้องเติมเงินในพอท
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ลำพังแค่เงินปันผลที่เราซื้อหุ้นเพิ่มมาจนถึงปัจจุบัน (2016-2020)
1
แค่ระยะเวลา4 ปีกว่าๆ จำนวนหุ้นของเราจะเพิ่มมาอีกถึง 600 หุ้น จาก2000หุ้นเริ่มต้นเป็น 2600 หุ้นเมื่อสิ้นปี2020
พร้อมกับต้นทุนต่อหุ้นที่ปรับตัวลดลง
จากตอนแรกที่ 6.11 บาทต่อหุ้น เหลือแค่ 4.62 บาทต่อหุ้นเท่านั้นเอง
1
นั่นหมายความว่าไง
หมายความว่า% เงินปันผลในแต่ละปีที่เราได้รับก็ยิ่งทวีคูณขึ้นไปด้วยนั่นเองสิครับ (เพราะต้นทุนในหุ้นเราจะถูกลงไปเรื่อยๆ พร้อมกันกับจำนวนหุ้นของเราก็จะเพิ่มเรื่อยๆในอนาคต)
 
ซึ่งจากการคำนวณเงินปันผลของเราที่จะออกมาในปีนี้ ที่0.50 บาทต่อหุ้นเป็นขั้นต่ำแล้ว
2
ผลตอบแทนเงินปันผลของคนที่มีวินัยตั้งแต่ปี 2016 ที่มีต้นทุนต่อหุ้นเหลือแค่ 4.62 บาทต่อหุ้นนั้น เงินปันผลที่ได้ในปีนี้จะแตะ 10.82 % กันเลยทีเดียวเชียวนะ (แหม.. อยากมีไทม์แมชชีน เพื่อย้อนเวลา จังเลย)
และถ้าเราใช้ราคาหุ้น ณ กรอบปัจจุบันที่ 7.5-7.6 ในการคำนวนผลตอบแทนสะสม ตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน
จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนของพอทสมมุตินี้
จะอยู่ที่ 63.8 %
ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยใช่มั๊ยล่ะครับ 55
นั่นเป็นแค่การยกตัวอย่างหุ้นอสังหา ที่เรามองเงินปันผลเป็นปัจจัยหลัก ขึ้นมาให้ดูแค่ตัวเดียว
ซึ่งเพื่อนๆ อาจจะใช้วิธีนี้ปรับเปลี่ยนไป
คำนวณกับหุ้นตัวอื่นๆที่เราสนใจ ก็ได้เช่นเดียวกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากเน้นย้ำให้ศึกษาพื้นฐานบริษัทนั้นๆให้ดีก่อนทุกครั้ง (เดี๋ยวจะนำมาแชร์ โอกาสต่อไปว่าทำแบบไหนได้บ้าง)
หรือเราอาจจะเช็คประวัติผู้บริหารของบริษัทนั้นๆจากช่องทางอินเตอร์เนต ว่าอดีตผู้บริหารเคยพูดอะไรไว้บ้าง ทำได้จริงมั๊ย ในปัจจุบัน เป็นต้น
สุดท้ายผมหวังว่าทุกท่านจะมีความสุขในการลงทุน ในฤดูกาลปันผลที่จะมาถึงนี้ ตามประสา เม่าไทบ้าน กันนะครับผม
โฆษณา