8 ก.พ. 2021 เวลา 07:05 • คริปโทเคอร์เรนซี
Bitcoin เขาประเมินมูลค่ากันอย่างไร ?
ถ้าพูดถึงตลาดการลงทุน ณ ขณะนี้คงไม่พูดถึง Bitcoin คงเป็นไปไม่ได้ เพราะมันได้ให้ผลตอบเเทนในช่วงที่ผ่านมาเอาชนะ ตลาดหุ้น กองทุน เเละทองไปอย่างราบคาบ
เเต่ทว่าคำถามที่หลายๆท่านคงต้องมีก็คงหนีไม่พ้นว่า เจ้าสินทรัพย์ดิจิตอลพวกนี้จะวัดมูลค่าที่เเท้จริงอย่างไร หรือเราจะประเมินมูลค่ามันอย่างไรเวลาจะลงทุน
เพราะว่าสินทรัพย์พวกนี้ไม่มี รายได้ รายรับ หรือ ธุรกิจที่จับต้องได้ให้เราเห็นกันเลย เดี๋ยววันนี้ ThaiTechTalk จะมาเล่ามุมมองการประเมินมูลค่า bitcoin ให้ทุกท่านฟังผ่านบทสัมภาษณ์ของ "Tom Lee" (ผู้จัดการ/ที่ปรักษา กองทุน  FundStrat ผู้ที่เคยทำนายราคา Bitcoin ไว้อย่างเเม่นยำเมื่อปี 2018 )
จะเป็นอย่างไรเชิญอ่านได้เลยคับบ
1.) วิธีในการวัดมูลค่า(Valuation method) ในระยะสั้นเป็นอย่างไร ?
2
-ถ้ามองในระยะสั้นการประเมินมูลค่าของ Bitcoin นั้น คุณทอม ให้ข้อสังเกตว่ามันมีความคล้ายกับการประเมินมูลค่าของ Social Network
นั้นคือยิ่งจำนวนผู้ใช้มากขึ้นเท่าไหร่ มูลค่าของมันจะเพิ่มมากขึ้น แบบตัวอย่างที่ว่า fax machine 1 อันไม่มีค่าเเต่ยิ่งคนใช้มากขึ้นค่ามันก็มากขึ้น (เป็นไปตามหลัก Metcalfe's law : value = n^2 เมื่อ n คือจำนวน user/node)
ถ้าลองนำมาสร้างโมเดลอย่างง่ายก็คือ bitcoin(value) ก็จะเท่ากับจำนวนผู้ใช้ในระบบยกกำลังสองคูณด้วยมูลค่าเฉลี่ยของเเต่ละธุรกรรม(average transaction value)นั้นเอง ซึ่งตลอดช่วง ปี 2013 ถึง 2017 ราคาของ bitcoin สามารถอธิบายได้ด้วยสมการนี้
2.) สำหรับการวัดมูลค่าในระยะยาว (long-term model) ละ?
-ถ้ามองในระยะยาว คุณทอมมองว่า bitcoin จะเข้ามากินส่วนแบ่งของ 'ทอง' นั้นเอง
เพราะว่าเขามองว่าในอนาคตนั้น มูลค่าหรือคุณค่าต่างๆหรือธุรกิจก็จะเกิดขึ้นบนโลกดิจิตอลมากขึ้น เเละถ้าสิ่งที่จะเป็นตัวเก็บคุณค่า(store of value)ในโลกดิจิตอลได้ก็คงต้องเป็น ทองดิจิตอล(bitcoin) นั้นเอง
ซึ่งถ้ามันสามารถทำได้จริง เพียงเเค่ 5% ของ market share ของทอง มูลค่าของมันก็จะเป็น 25k $ เเล้ว (ซึ่ง ณ ขณะนั้นเป็นการประเมินการช่วงปี 2017 เพราะถ้าเทียบในวันนี้มูลค่าของ bitcoin ได้ทะลุไปถึง 38k เเล้วเเละมีเเนวโน้มว่าจะกินส่วนแบ่งที่มากขึ้นเรื่อยๆนั้นเอง)
3.) ปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลต่อราคาละ ?
-คงหนีไม่พ้นหลักการของ demand เเละ supply โดยคุณทอมบอกว่า เมื่อมูลค่าของมันสูงขึ้นความต้องการในระบบมันก็มากขึ้น ทั้งจากนักลงทุนรายย่อย รายใหญ่เเละสถาบันการลงทุนต่างๆ
1
เเต่เมื่อความต้องการมันมากขึ้นเเต่ดันสวนทางกับปริมาณที่มีจำกัด ราคาก็ต้องพุ่งสูงขึ้นเป็นธรรมดา หรือที่เรียกว่า (liquidity spike) ซึ่งเคยเกิดขึ้นกับ comodity อย่างนำมันดิบนั้นเอง โดยถ้ามันเกิดขึ้นจริงเมื่อนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาเยอะ เเต่ไม่มี bitcoin ให้พวกเข้าซื้อราคาอาจจะพุ่งเป็น 75k$ ได้ภายในไม่ช้า
4.) เเต่ที่นี้ ที่กล่าวมาข้างต้นทำไม bitcoin มันคืออะไรละ ?
-คุณทอมให้ข้อสังเกตว่า bitcoin นั้นคือเงินชนิดหนึ่งที่ปลอดภัยมากๆเเละสร้างบนเทคโนโลยีที่เรียกว่า blockchain
ซึ่งเรียกง่ายๆคือ ระบบจัดการข้อมูลที่ถูกออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยมโดยการเข้ารหัสกระจายศูนย์ ซึ่งทำให้การแฮกนั้นยากมากต่างจากระบบดั้งเดิมที่ ความปลอดภัยกระจุดอยู่ที่จุดๆเดียวอย่าง ธนาคารเป็นต้น หรือพูดง่ายๆคือมันง่ายกว่าที่จะแฮกธนาคาร ถ้าต้องแฮก bitcoin หรือคริปโตอื่นๆนั้นเอง
5.) เเล้วนอกจากความปลอดภัยของ bitcoin หรือคริปโตมันจะมีประโยชน์อะไรถ้ามันไม่สร้างมูลค่าออกมา ?
-ประเด็นนี้ถือว่าร้อนเเรงมากว่าถ้า สินทรัพย์มันไม่สร้างมูลค่า ราคาจะถูกกำหนดจากซื้อถูก ซื้อเเพงอย่างเดียว แบบที่ Warren Buffet เคยตั้งข้อสังเกตกับคริปโต
คำตอบที่ ทอมให้ค่อนข้างน่าสนใจ นั้นคือเทคโนโลยี Blockchain ที่อยู่ภายใต้คริปโตนั้นนอกจากจะสร้างความปลอดภัยให้ระบบ เเต่ด้วยการที่มันเป็นการเข้ารหัสแบบกระจายศูนย์ที่อาศัยจำนวน คอมพิวเตอร์หลายๆเครื่อง (node/user) มาช่วยยืนยัน ระบบได้ถูกออกแบบมาให้สร้างผลตอบเเทน(reward) ให้กับผู้ที่มาช่วยยืนยันหรือเรียกว่า miner fees นั้นเอง
ถ้าอ่านมาตรงนี้เเล้วงง อาจจะลองนึกภาพง่ายว่าๆ เช่น Facebook คุณค่าของมันคือจำนวน user เเละมูลค่าของมันถูกส่งขึ้นกลับไปซื้อผู้ถือหุ้น เเต่ในคริปโตทั้งหมดนี้ถูกกลับข้าง นั้นคือสมมุติในตัวอย่างข้างบนมูลค่าทั้งหมดจะถูกเเจกจ่ายสวนกลับให้กับ Facebook User เองเเทน นั้นคือยิ่งใช้ facebookมากขึ้นหรือมีส่วนร่วม คุณก็จะได้เงินมากขึ้นเท่านั้น
ซึ่งนี้ก็เป็นเพียงความคิดส่วนหนึ่งของ Tom lee ที่ได้เเสดงมุมมองของเขากับ bitcoin ซึ่งเขาก็มองว่าหลักการเดียวกันนี้ก็ต่อยอดกับสกุลเงินดิจิตอลตัวอื่นๆได้เช่นกัน เเต่ถึงเเม้สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นจะดูดีเเค่ไหน bitcoin เเละคริปโตก็ยังคงต้องพิสูจน์อะไรหลายๆอย่าง อย่างเเน่นอน เเต่ถึงเเม้อะไรจะขึ้นยังไงเทคโนโลยีก็จะพัฒนาต่อไปต่อให้คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็ตาม !!!
"ถ้าคุณไม่เชื่อมันหรือไม่เข้าใจ, เราไม่มีเวลาจะมากล่อมให้คุณเชื่อหรอกนะ ขอโทษด้วย"
กล่าวโดย Satoshi Nakamoto: กลุ่มคนหรือคนที่เป็นผู้สร้าง bitcoin
(“If you don't believe it or don't get it, I don't have the time to try to convince you, sorry.”
[ ปล.การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทวนควรศึกษาเเละทำความเข้าใจการลงทุนให้รอบคอบ บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอเเง่คิดเเละไม่มีผลต่อการลงทุนเเต่อย่างใด ]
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคับบ
เขียนโดย Sam
อ้างอิง
How to value a bitcoin - YouTube
โฆษณา