8 ก.พ. 2021 เวลา 13:02 • ประวัติศาสตร์
ลงนิ้ว
ลงนิ้ว คือพิธีที่ผู้ร่วมสาบานกรีดนิ้วให้เลือดหยดลงผสมน้ำหรือเหล้า แล้วดื่มน้ำหรือเหล้านั้นประกอบคำปฏิญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดชีวิต
1
มีคำเรียกเพื่อนที่ร่วมดื่มน้ำสาบานนั้นว่า "เกลอ"
และผู้ที่เป็นเกลอกันจะเรียกภรรยาของอีกฝ่ายว่า "แม่รัก"
เมื่อขุนไกรพลพ่ายพ่อขุนแผนถูกประหารชีวิตเพราะต้อนควายป่าเตลิดเข้าไปที่พลับพลาของสมเด็จพระพันวษา หลวงฤทธานนท์สหายของขุนไกรฯ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ รีบเขียนหนังสือลับฝากนายไหมไปบอกนางทองประศรีให้หนีภัย หลวงฤทธานนท์เรียกนางทองประศรีว่า "แม่รัก" ดังกลอนว่า
"...เอ็งเร่งไปสุพรรณบุรี
บอกนางทองประศรีเหมือนกูว่า
รับสั่งให้รีบเอาตัวมา
บอกแม่รักอย่าให้นอนใจ..."
ตอนขุนแผนกับขุนช้างเป็นเด็กก็เคยเล่นลงนิ้วเป็นเกลอกัน แสดงว่าได้เห็นผู้ใหญ่ทำพิธีดังกล่าวมาบ้าง ดังกลอนว่า
“...พลายแก้วกินเหล้าเข้าต้ำอึก
ขุนช้างวางหงึกจนหัวสั่น
ยั่นกูเมาหนักหนาจนตาชัน
เทเหล้าใส่ขันชวนเป็นเกลอ
จึงเอามือพลายแก้วลงจดขัน
เราซื่อต่อกันจนตายเหนอ
ถ้าใครทรยศคดต่อเกลอ
ให้เทพเธอสังหารผลาญชีวัน
อันดาบองครักษ์ทั้งสี่หมู่
อย่าให้แคล้วคอกูเป็นแม่นมั่น
ขอให้พลัดมารดาห้าร้อยกัลป์
จิ้มเอาเหล้าในขันขึ้นควั่นคอ...”
และพบคำว่า "ลงนิ้ว" ในเพลงอีแซวของแม่บัวผัน จันทร์ศรี ศิลปินแห่งชาติ ตอนฝ่ายหญิงร้องตอบฝ่ายชายที่มาชวนเข้าป่าว่า
“...แหมเป็นหญิงเสียได้ถ้าแม้เป็นชายน่ะเหรอ
จะลงนิ้วเป็นเกลอกันเข้าไว้
จะลงนิ้วเป็นเกลอฉันกลัวจะเสียน้ำเกลือ
เพราะยังไม่เห็นน้ำเนื้อหัวใจ...”
พ่อผมเป็นคนสุโขทัย แต่งงานแล้วย้ายมาสร้างครอบครัวกับแม่ที่สุพรรณฯ ทุกครั้งที่ปู่ลงมาเยี่ยม ปู่จะพายเรือข้ามแม่น้ำไปสังสันทน์กับ "ตาหยั่น" ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของแม่เสมอ
โตขึ้นจึงรู้ว่าปู่กับตาหยั่นถูกอัธยาศัยและทำพิธี "ลงนิ้ว" เป็น "เกลอ" กันตั้งแต่ปู่มาสู่ขอแม่ให้พ่อ
1
เยื่อใยแห่งมิตรภาพของปู่และตาหยั่นผูกพันเหนียวแน่นจนตลอดชีวิตของคนทั้งสอง
ที่สุโขทัยปู่มีเพื่อนคนหนึ่งอยู่บ้านใกล้กันพอเรียกได้ยิน มีอาชีพต่อโลงศพขาย
ทั้งสองคนบวชปีเดียวกัน สึกแล้วก็ยังคบหาเป็นเพื่อนกัน กินเหล้าวงเดียวกัน มวนบุหรี่จากยาเส้นกลักเดียวกัน มีหมากมีพลูก็ยกมาสู่กันเคี้ยวทุกวัน เอาธุระกันเหมือนญาติร่วมสายเลือด
แต่วันหนึ่งในวัยปลายอายุ ปู่กับเพื่อนคนนี้มีเหตุขัดเคืองกันด้วยเรื่องไรไม่แจ้ง
หนามแหลมแห่งความบาดหมางกรีดรอยร้าวลึกถึงขั้นที่ปู่ประกาศกับลูกหลานว่า
"ถ้ากูตาย อย่าเอาโลงมันมาให้กูนอน"
ชะรอยผีเหย้าผีเรือนที่ได้ยินคำประกาศคงอยู่ข้างปู่ เพราะในที่สุดแห่งชีวิตเพื่อนคนนี้ได้ชิงล่วงภพไปก่อน ปู่จึงไม่ได้นอนโลงฝีมือเพื่อนสมดังวาจาที่ลั่นไว้ก่อนตาย
ผมสนิทกับปู่มากเพราะเป็นหลานคนสุดท้ายที่ปู่ช่วยเลี้ยงต่อจากยาย
แม้จะเป็นคนดุและเด็ดขาดแต่ปู่รักและตามใจผมมาก
ผมนอนมุ้งเดียวกับปู่ ชอบคุยกับปู่และปู่ก็ชอบคุยกับผม
วันหนึ่งเรื่องราวที่คุยลดเลี้ยวไปถึงเรื่องปู่กับเพื่อนรักเพื่อนชังคนนี้
ผมอาศัยความเป็นหลานรักถามปู่ เรื่องที่ไม่มีลูกหลานคนไหนกล้าถาม
ปู่คายหมาก ตอบเป็นปริศนาว่า "คนเป็นเพื่อนเขาไม่ทำกัน" แล้วเอ่ยคำๆ หนึ่งซึ่งผมจำน้ำเสียงและแววตาของปู่ได้จนบัดนี้ว่า
"...ดีที่ไม่ได้ลงนิ้วกับมัน"
ปู่นิ่งไปสักพัก ก่อนจะก้มหน้าเหลาตอกที่ค้างในมือต่อไป
ปรัชญา ปานเกตุเผยแพร่บนเฟสบุ๊คและแฟนเพจเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓
ปู่ (ขวาสุด นั่งพิงโอ่งน้ำ) และพ่อ (นั่งกลาง มือคีบบุหรี่) มาเยี่ยมลุง (ยืนใส่กางเกงยีนส์ไม่เห็นหน้า) ที่บ้านวันเดินทางถึงสุโขทัย หลังลุงกลับจากไปแสวงโชคที่ประเทศแถบตะวันออกกลาง ปรัชญาอายุราว ๒ ขวบถือรองเท้าผ้าใบยี่ห้อ adidas ที่ลุงซื้อมาฝากน้องชาย ไม่ทราบชื่อผู้ถ่ายและวันเดือนปีที่ถ่าย
นอกจากทำนาแล้วปู่เป็นช่างไม้และมีฝีมือเรื่องทำเครื่องจักสาน ฝีมือการจักตอกเหลาหวายของปู่เป็นที่เลื่องลือทั่วไป ปู่ในวัยปลายอายุ นักศึกษาที่มาขอความรู้ปู่ถ่ายก่อนล้มป่วยและจากไปไม่นาน ไม่ทราบวันเดือนปีที่ถ่าย
โฆษณา