9 ก.พ. 2021 เวลา 08:06 • หุ้น & เศรษฐกิจ
บริษัทในพอร์ตของ ARK น่าสนใจมีเยอะมากๆ แต่เวลาที่จะศึกษาแล้วเอามาเขียนเล่าต่อให้ฟังแทบไม่ค่อยมีเลย ตัวที่อยู่ในใจก็เยอะมากๆ ต่อคิวกันยาวมากๆเลยครับ
แต่วันนี้หุ้นที่ผมต้องขอลัดคิวมาเขียนคงเป็นตัวไหนไม่ได้นอกจาก Shopify ($SHOP)
ที่ผมเลือกหยิบตัวนี้มาเขียนก่อนเลยก็เพราะว่า เมื่อวานมีสัญญาณ Bullish จาก ARK หนักมากๆ เพราะหุ้น $SHOP นั้นราคาขึ้นต่อเนื่องมาเดือนกว่าๆแล้ว และทำ All time high มาตลอดเดือน แต่ปรากฏว่า เมื่อคืน ARKF ได้ทำการซื้อหุ้น $SHOP จำนวนมาก คิดเป็นสัดส่วนการเข้าซื้อเพิ่มถึง 1.2583% ของ ETF ทำให้ Shopify ก้าวเข้ามาติดอันดับ Top10 ของ ARKF ทันที
Shopify คืออะไร?
Shopify คือ Platform E-Commerce ตัวนีง ที่เปิดให้เจ้าของสินค้า หรือ เจ้าของแบรนด์ เข้ามาสมัคร และมีหน้าร้านออนไลน์ ที่เป็นหน้าเว็บของตัวเองได้ทันที ภายในเวลาไม่กี่สิบนาที เพียงแค่สมัครเปิดร้านค้า เลือก Template ลงสินค้า และตั้งค่าการชำระเงิน ก็สามารถนำไปโปรโหมดขายสินค้าได้ทันที โดย Shopify จะเปิดให้ทดลองใช้ฟรี 14 วัน (ในช่วง Covid-19 ได้เปิดให้ทดลองใช้ถึง90วัน) หลังจากนั้นก็จะต้องเสียเงินค่าใช้งานแบบ Subscription Plan
Shopify ไม่ใช่ E-Marketplace ที่จะไปเทียบกับ Amazon โดยตรง แต่เป็นลักษณะเว็บของใครของมันแล้วก็ไปโปรโหมดทำตลาดกันเอง โดย Shopify ก็จะติดตั้งเครื่องมือทางการตลาดที่ครบเครื่องมากๆ(ส่วนมากต้องซื้อเพิ่ม)
Shopify จะคล้ายๆ Wordpress WooCommerce แต่ร้านค้าไม่ต้องดูแลเว็บไซต์เอง ถ้าเป็นเมืองไทยก็จะคล้ายๆ lnwshop และ bentoweb
จุดเด่นของ Shopify (ในมุมของผู้ใช้งาน)
- เปิดร้านค้าออนไลน์ง่ายๆ ไม่กี่นาทีก็เปิดได้เลย
- มีธีมให้เลือกเยอะ ทั้งแบบฟรี และ แบบเสียเงิน นอกจากนี้ยังจ้างคนออกแบบธีมได้วย
- รองรับการขายทั่วโลก สามารเลือกค่าเงินหลักของร้านได้
- รองรับทุกระบบขนส่งทั่วโลก
- รองรับการชำระเงินหลากหลายไม่ว่าจะเป็น PayPal บัตรเครดิต หรือแม้กระทั้ง Apple Pay
- รับเงินง่ายแค่เจ้าของร้าน สมัคร PayPal และผูกบัญชี Paypal เข้ากับร้านค้า เงินก็จะถูกส่งเข้า PayPal ทันที
- ปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ลูกค้าหลายๆคนพอเห็นว่าระบบเป็น Shopify
- มี App ที่เปิดให้ Devloper เข้ามาพัฒนา (คล้ายๆ Plug-in) ทำให้เครื่องมือเสริมต่างๆมีประสิทธิภาพมากๆ เช่น สามารถเชื่อมต่อระบบขนส่งต่างๆได้ สามารถเชื่อมกับระบบการตลาด ระบบการปิดการขายออนไลน์ ระบบแชทบอท หรือแม้กระทั้งระบบ Fulfillment และ Dropship ต่างๆด้วย
- รองรับการขายสินค้าทั้งแบบ Physical Products และ Digiral Products
1
- หาก Setup ร้านดีๆ จะได้ร้านที่เป็น Fully Automate เลย โดยเจ้าของร้านแค่ทำโฆษณาอย่างเดียว ระบบ Shopify จึงเป็นตัวเลือกแรกของเหล่า Digital Nomad ที่ทำ Dropship สินค้า
- มี Shopify POS สำหรับขายสินค้าหน้าร้านด้วย
การหารายได้ของ Shopify
- ให้เช่าใช้บริการแบบ Subsription Model คือจ่ายรายเดือน และมีหลายๆ Package ให้เลือก
- เก็บค่า Commission จากยอดขาย และ ค่า Payment จากการขายสินค้าแต่ละ Order อีก ซึ่งค่า Commission ที่เก็บ ก็จะแตกต่าง กันไปตาม Package ที่ร้านค้าเลือกอีก ประมาณว่า Package ถูกเสียค่าคอมแพง Package แพงเสียค่าคอมมิชชั่นถูก
- มี App Marketplace เปิดให้นักพัฒนามาทำ Shopify App ให้ลูกค้าใช้อีก สำหรับ Shoplify App ก็มักจะเก็บเงินแบบ Subscription Model แบบรายเดือนด้วยเช่นกัน เราจะเห็นนักพัฒนาต่างๆทำ App ออกมาสุดยอดทั้งนั้น และตรงนี้เอง ทำให้ Shopify มีเครื่องมือการตลาดที่เจ๋งๆเยอะมาก เพราะมีแต่นักพัฒนาเก่งๆมุ่งเข้ามาหาลูกค้าในนี้ เมื่อมีระบบเจ็งๆ ก็ยิ่งทำให้ยอดขายของร้านเพิ่มมากขึ้น ก็ได้ค่า Commission เพิ่งมากขึ้น และที่สำคัญทำให้ร้านติดระบบมากขึ้นคือ หากย้ายไปที่ Platform อื่นๆ ก็อาจจะไม่มีเครืองมือการตลาดของ 3rd Party เหล่านี้ตามไปให้ใช้ด้วย
ด้วยกับระบบเจ๋งๆเหล่านี้ ทำให้ร้านค้าบน Shopify มี Convertion Rate ที่สูงมากๆ
- Shopify เป็นเจ้าของ Oberlo ระบบ Dropship ที่ดังที่สุดในโลก โดยการให้เจ้าของร้านทำ Dropship สินค้าจาก Aliexpress เข้ามาใน Shopify ดังนั้น Shopify จึงโด่งดังมากในวงการ Dropshiper (วงการ Dropship นอกจากเขาจะ Dropship สินค้าข้าม Platform แล้ว เขายังมีพวก Print-On-Demands ด้วยนะครับซึ่งน่าสนใจมาก) ซึ่ง Platfrom Dropship ต่างๆล้วนทำ shopify integration กันทั้งสิ้น
จาก Model ต่างๆของ Shopify ทำให้ผมเห็นว่า CEO ของ Shopify มีความเข้าใจในตลาด E-Commerce และ Social Commerce แบบนี้เป็นอย่างดี อาจจะเป็นความมั่นใจเดียวกับที่ผมมองแบบทีม ARK ก็ได้ครับ ที่สำคัญ การเข้าซื้อในจำนวนมากๆในราคา All time high แบบนี้เราไม่ค่อยเห็นในสไตล์ของ ARK เลย
1
โฆษณา