นาค มาจากไหน🐍
หากพูดถึงเรื่องราวของ พญานาค สัตว์ในตำนาน เชื่อว่าหลายคนคุ้นชื่อจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ในคืนวัน 15 ค่ำเดือน 11
อีกทั้งมักมีข่าวรอยประหลาดที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นรอยพญานาคปรากฏอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงมีการนำมาสร้างเป็นละครเพื่อความบันเทิง เรียกได้ว่าเป็นความเชื่อที่สั่งสมมาช้านาน จากเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลว่า นาค มาจากไหน และเกิดขึ้นได้อย่างไร
ในคัมภีร์ทางศาสนาของอินเดีย ต่างเต็มไปด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างลัทธิพราหมณ์ พุทธ กับความเชื่อเรื่องนาค ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินมากมายสรรสร้างผลงานอันงดงามตามศาสนสถานต่างๆ ทั่วทั้งอุษาคเนย์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นาคสิ่งที่ผู้คนในดินแดนแถบนี้เชื่อว่าศักดิ์สิทธ์ ทรงพลังอำนาจและมีอิทธิฤทธ์ สามารถแปลงกายเป็นคนได้ นาคยังได้ความเคารพว่าเป็นเทพเจ้าแห่งน้ำ และสามารถดลบันดาลความสมบูรณ์ให้แก่โลก แท้จริงแล้วความเชื่อเรื่องพยานาคปรากฏขึ้นในอินเดียก่อนการเกิดพระพุทธศาสนา ซึ่งแน่นอนว่าพุทธศาสนาตั้งแต่ยุคต้นได้หลอมรวมความเชื่อเรื่องนี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วย
บันไดโบสถ์ที่ตกแต่งด้วยพญานาค
คำว่านาคมีรากศัพท์มาจากภาษาตระกูล อินโดยูโรเปี้ยน แปลว่าเปลือย หรือ แก้ผ้า คำนี้มีแพร่หลายในหมู่ชนชาว ชมพูทวีป หรืออินเดีย มาตั้งแต่ในยุคดึกดำบรรพ์
แล้วคำว่านาคนี้ในที่สุดได้กลายมาเป็นภาษาอังกฤษในคำว่า NAKED ที่แปลว่าเปลือย
นาค จึงมีความหมายที่พวกอารยันในชมพูทวีป ในเรียกคนที่วัฒนธรรมต่ำกว่าในดินแดนตะวันออกดังปรากฏชนเผ่ากลุ่มหนึ่งใน นากาแลนด์ของอินเดียจนถึง ปัจจุบัน
ชาวพื้นเมืองโบราณกลุ่มชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อราว 2,500 ปีมาแล้ว เมื่อชาวชมพูทวีปเดินทางมาค้าขายแลกเปลี่ยนกับกลุ่มชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ยังล้าหลัง พวกเขาพบว่าชาวพื้นเมืองยังนุ่งห่มเพียงใบไม้หรือผ้าผืนเล็กๆ จึงเป็นที่มาของคำเรียกอย่างดูแคลนว่า “นาค” ซึ่งหมายถึงคนพื้นเมืองที่เปลือยเปล่านั่นเอง
เมื่อศาสนาพราหมณ์ และพุทธ เข้ามายังดินแดน อุษาคเนย์เอเชียตะออกเฉียงใต้ คำว่านาคใด้ถูกนำมาใช้ในตระกูลภาษาไทย-ลาว และมอญ เขมร ในความหมายของ งู นั้นเพราะงูเป็นสัตว์เปลือยเพราะไม่มีขนปกปิด และสร้างจินตนาการเพิ่มเติมต่อมาให้หัวหน้างูทั้งหลายคือ นาค มีถิ่นที่อยู่ใต้ดินเรียกว่า บาดาล
ตามตำนาน นาค คือผู้ที่ศรัทธา และปกป้องพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ชนพื้นเมืองสร้างขึ้นใหม่ให้สอดรับกับความเชื่อทางพุทธศาสนานั่นเอง
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีตำนานเรื่องพญานาคอย่างแพร่หลาย ชาวบ้านในภูมิภาคนี้มักเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือเมืองบาดาล และเชื่อกันว่าเคยมีคนเคยพบรอยพญานาคขึ้นมาในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของ งูขนาดใหญ่ และเมื่อไปเล่นน้ำในแม่น้ำโขงควรยกมือไหว้เพื่อเป็นการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือพญานาคนั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี และที่สำคัญคือนาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช(อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียณสมุทร อนันตนาคราชนั้นเล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะ พญานาคนั้นมีทั้งเกิดในนำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้
ความเชื่อเรื่องพญานาคนั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ในดินแดนของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
