10 ก.พ. 2021 เวลา 07:58 • หนังสือ
อิลา-อิลราช สลับร่าง... จนได้เรื่อง
ก่อนจะเล่าเรื่องราวนี้ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบ
ทางผู้เขียนต้องขอย้อนที่มาของนิทานเรื่องนี้ให้ผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจกันก่อน
ว่านิทานเรื่องนางอิลา หรือที่รู้กันดีในอีกชื่อคือ [อิลราชคำฉันท์] เป็นนิทานที่แทรกอยู่ในนิทานอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่มักจะพบได้ในนิทานจากหลากหลายเชื้อชาติ
อาทิ พันหนึ่งราตรี หรือแม้กระทั่งนิทานเวตาล
ใช่... นิทานอิลราชคำฉันท์นี้ก็เป็นนิทานแยกย่อยอยู่ในมหากาพย์ชื่อดังของชาวภารตะอย่าง [รามายณะ]
หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อของ [รามเกียรติ์] นั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านคงจะสงสัย... ทำไมนิทานนางอิลาถึงถูกนำเข้ามาแทรกในมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ของอินเดียอย่างรามายณะได้ล่ะ!?
เรื่องนี้คงต้องย้อนความไปถึงเหตุการณ์ที่พระรามได้กลับมาครองกรุงอโยธยาดังเดิมหลังจากที่ปราบเหล่าอสูรพงศ์แห่งลงกาจนสิ้นไปแล้ว
ภาพจากซีรีส์ "รามายณะ"
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างสงบสุขลงแล้ว พระรามจึงคิดที่จะประกาศพระบรมเดชานุภาพต่อหัวเมืองขึ้นทั้งปวง
พระรามจึงเชิญพระพรต พระลักษมณ์ และพระสัตรุตผู้เป็นอนุชาว่าควรจะทำพิธีราชสูยะ(คล้ายกับพิธีราชาภิเษก)เพื่อบอกกล่าวความยิ่งใหญ่ในบารมีของพระองค์หรือไม่
เมื่อได้สดับฟัง พระพรตก็ทรงปฏิเสธ ด้วยเห็นว่าพระรามเองก็ทรงพระเดชานุภาพอยู่แล้ว
หากจะต้องเชื้อเชิญให้เจ้าเมืองจากหัวเมืองขึ้นต่าง ๆ เดินทางมาร่วมพิธีก็คงจะสิ้นเปลืองเวลาโดยเปล่าประโยชน์
ส่วนพระลักษมณ์ได้ทูลตอบออกไปว่าพระรามจะป่าวประกาศศักดาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์นั้น ควรจะใช้วิธีการประกอบพิธีอัศวเมธ(การฆ่าม้าเพื่อบูชายัญ)เสียจะดีกว่า
พิธีอัศวเมธ
พร้อมทั้งทรงยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่พระอินทร์ที่พลั้งมือสังหารยักษ์ที่กำลังบำเพ็ญตบะจนสิ้นใจในที่สุด
กระทั่งในกาลต่อมาพระอินทร์จึงทรงระลึกได้ว่าพระองค์เองได้กระทำความความผิดลงไป จึงประกอบพิธีอัศวเมธเพื่อไถ่ถอนถวามผิด ก่อนที่บาปของพระอินทร์นั้นได้ถูกชำระไป
พระรามได้สดับฟังเรื่องราวจากพระลักษมณ์ก็ทรงเห็นด้วยกับข้อเสนอ จึงได้เล่าเรื่องราวของนางอิลาให้กับอนุชาฟัง
โดยเรื่องราวนั้นมีดังนี้...
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นจาก ท้าวอิลราช โอรสแห่งพระมหามุนีกรรทมพรหมบุตร ผู้ครองนครพลหิกา(แคว้นพลหิ)ด้วยความร่มเย็นเสมอมา
ในวันหนึ่ง พระองค์ได้เสด็จออกจากเมืองเพื่อเข้าป่าล่าสัตว์อย่างสุขสำราญพร้อมเหล่านายทหารบริวาร
ทว่าเมื่อล่วงเข้าไปถึงเขตเขาไกรลาส อันเป็นแหล่งประทับขององค์พระอิศวรและพระแม่อุมาเทวี ร่างกายของท้าวอิลราชพร้อมทั้งเหล่าบริวารและพืชสัตว์ทั้งหลายก็พลันกลายเพศเป็นสตรีไปเสียสิ้น
นั่นก็เป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ขององค์อิศวรเจ้าที่แปลงองค์เป็นสตรีเพศเพื่อหยอกเย้ากับพระชายาอย่างพระแม่อุมาเทวีอย่างแสนสำราญ ณ ที่เชิงเขาไกรลาสจนทำให้ทุกสรรพสิ่งแปรเปลี่ยนเป็นสตรีเพศไป
ด้วยความตกใจ ท้าวอิลราชอีกทั้งพวกพ้องบริวารจึงรีบไปเข้าเฝ้าองค์พระอิศวรและพระแม่อุมาเทวีเพื่อขอขมาต่อองค์ศิวเทพและอ้อนวอนให้ตนกับบริวารได้เป็นบุรุษดังเดิม
มีหรือที่องค์มหาเทพอย่างพระอิศวรเจ้าจะประทานความเป็นบุรุษอันห้าวหาญให้แก่เจ้าแห่งพลหิกา พระองค์จึงทรงปฏิเสธคำขอร้องจากองค์อิลราชอย่างแสนเย็นชา
หากพระแม่เจ้าอุมาเทวีผู้ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากลับเห็นใจในความทุกข์ยากขององค์กษัตริย์จึงประทานพรให้ท้าวอิลราชอีกทั้งบริวารกลายร่างเป็นชาย 1 เดือนแล้วสลับร่างกลายเป็นหญิงในอีก 1 เดือนถัดมา และเมื่อตนกลายเป็นชาย ก็จะไม่สามารถจำเรื่องราวของตนเมื่อเป็นหญิงได้
อีกทั้งพระแม่เจ้าอุมาเทวีก็ยังประทานนามอันไพเราะชวนฟังให้กับอิลราชจอมราชันย์(ในร่างของอิสตรี)ว่า
[นางอิลา]อีกด้วย
พระแม่อุมาเทวี
(หมายเหตุจากผู้เขียน:เหล่าทหารบริวารไม่ได้รับพรจากพระแม่อุมาเทวีว่าสามารถสลับเพศได้ทุก ๆ 1 เดือนแบบท้าวอิลราชนะคะ ฉะนั้นเหล่าทหารบริวารจะกลายร่างเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์นั่นเองค่ะ)
และนี่เอง... ก็คือจุดเริ่มต้นของความอลหม่านที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่ช้า...!?
ในเพลาชายของวันวันหนึ่ง ขณะที่นางอิลาพร้อมทั้งบริวารสาว ๆ เดินทางกันมาเรื่อย ๆ จู่ ๆ พวกนางก็ต้องตื่นตะลึงด้วยความยินดีพบกับสายธารใสสะอาดข้างอาศรมแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะพากันลงไปเล่นน้ำกันอย่างสำราญใจ
เสียงหัวเราะอันสดใสคลอเคล้าไปกับเสียงน้ำที่สาดกระเซ็นเป็นเหตุให้พระพุธ นักพรตหนุ่มที่นั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ใกล้กันต้องลืมเนตรขึ้นเพื่อสืบหาต้นตอของเสียงที่ลอยแว่วเข้ามาในโสตประสาท
และเมื่อสายตาอันคมกริบของพระพุธได้เหลือบมองไปเห็นนางอิลาผู้งามเลิศที่สุดในหมู่นางทั้งหลายที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานนั้นก็เกิดผูกสมัครรักใคร่ในนางอิลาผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
ท้าวเธอจึงชวนนางอิลาขึ้นมาจากธารน้ำพร้อมเหล่าบริวารก่อนจะซักไซร้ถึงที่มาที่ไปของนางนารีผู้งามจับตาเหล่านี้
แต่คำตอบที่องค์พระพุธต้องการก็ยังหาได้มีไม่ นั่นเป็นเพราะความทรงจำเมื่อครั้งเป็นชายของท้าวอิลราชและบริวารนั้นถูกเลือนหายไปเมื่อร่างกายได้แปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวไปเสียแล้ว
พระพุธจึงทำได้เพียงใช้ญาณที่มีอยู่ระลึกความเป็นมาของเหล่าสตรีปริศนานี้ แล้วจึงรู้ว่าที่แท้นางอิลาผู้นี้คือท้าวอิลราช
และพวกนางบริวารทั้งหลายก็คือเหล่าทหารกล้าที่ตามท้าวเธอมาจากนครพลหิกาแล้วต้องพลังอานุภาพแห่งองค์อิศวรเจ้าผู้เป็นใหญ่แห่งไกรลาสนั่นเอง
หลังทราบความเป็นมา พระพุธจึงตรัสกับเหล่านางบริวารทั้งหลายว่า...
"พวกเจ้าจงกลายเป็นนางกินรีเถิด เราจะคอยหาผลหมากรากไม้ให้พวกเจ้าได้กินอย่างอิ่มหนำสำราญ แล้วจะหาเหล่ากินราหนุ่มมาไว้เป็นสามีของพวกเจ้าเอง"
จบคำร่างของพวกนางบริวารก็พลันมีปีกและหางดังวิหค ก่อนที่พวกนางจะบินหนีไปทันที
เมื่อเหล่าบริวารจากไปแล้ว พระพุธก็เข้าไปเกี้ยวพานางอิลาให้อยู่กินกับพระองค์ และแน่นอน... นางอิลารับคำเสนอของพระพุธด้วยเสน่หา ก่อนที่ทั้งคู่จะมีสัมพันธ์สวาทกันอย่างลึกซึ้ง ณ ที่แห่งนั้น
และเมื่อหมดสิ้นเดือนของการเป็นหญิง ร่างของนางอิลาก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นชายพร้อมกับความทรงจำของท้าวอิลราชจอมราชาก็ได้กลับมาเช่นกัน
แต่แล้วจอมกษัตริย์ก็ต้องแปลกใจ เมื่อเหล่าทหารกล้าที่ร่วมเดินทางกันมาล่าสัตว์ในป่าด้วยกันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้เพียงชายหนุ่มผู้หนึ่งที่นั่งบำเพ็ญเพียรอยู่
องค์อิลราชจึงเข้าไปถามถึงการหายตัวไปของเหล่าทหารบริวารด้วยอาการตื่นตระหนก
"อ๋อ! ทหารของท่านนั่นหรือ!? พวกเขาถูกศิลาถล่มทับจนดับสูญไปหมดแล้วล่ะ" พระพุธเอ่ยหลอกเพื่อปลอบโยนไม่ให้จอมกษัตริย์ทรงโทมนัสเกินไป "ท่านเองก็เบาพระทัยลงเถิด อยู่ในป่าที่นี่กับเราสักพักก่อนก็ได้"
เมื่อได้ฟังดังนั้นท้าวอิลราชจึงตัดสินใจอยู่บำเพ็ญเพียรกับพระพุธเรื่อยมา และเมื่อกลับร่างกลายเป็นนางอิลาก็อยู่กินกับพระพุธดังสามีภรรยาทั่วไปเช่นนี้เรื่อยมา
กระทั่งเดือนที่เก้า นางอิลาก็ได้คลอดบุตรให้กับพระพุธ โดยตั้งชื่อให้กับทารกน้อยว่า ปุรุรพ
เมื่อท้าวอิลราชกลับร่างเป็นชายหนุ่ม พระพุทธก็ได้ใคร่ครวญถึงความเป็นอยู่ของจอมกษัตริย์ว่าหากจะให้สลับเพศไปมาเช่นนี้ทุก 1 เดือนคงจะเป็นการลำบาก
จึงอัญเชิญฤาษีผู้ทรงอิทธิฤทธิ์จากทั่วทุกสารทิศมาเพื่อหาวิธีการให้ท้าวอิลราชกลับมาเป็นชายดังเดิมและไม่ต้องกลับไปเป็นสตรีอีก
พระมหามุนีกรรทมพรหมบุตรผู้เป็นบิดาแห่งท้าวอิลราชจึงบอกกับพระพุธว่าให้องค์อิลราชทำพิธีอัศวเมธเพื่อบูชาพระศิวะเจ้า
กระทั่งพระอิศวรพอใจ พระองค์จึงเสด็จลงมาเพื่อประทานพรให้ร่างกายของกษัตริย์อิลราชกลับมาเป็นชายและไม่เป็นหญิงอีกต่อไป
กษัตริย์อิลราชจึงได้เสด็จกลับไปปกครองนครพลหิกาได้ดังเดิม
แล้วออกไปสร้างเมืองใหม่นามว่า ประดิษฐาน อันเป็นที่สถิตขององค์ปุรุรพ บุตรแห่งนางอิลา
ที่ในเวลาต่อมาท้าวปุรุรพก็ได้ก่อกำเนิดจันทรวงศ์ซึ่งเป็นเชื้อสายของตระกูลเการพและปาณฑพ อันจะเป็นต้นกำเนิดของมหากาพย์สงครามมหาภารตะยุทธในเวลาต่อมานั่นเอง
แล้วเรื่องราวของนางอิลา-ท้าวอิลราชก็จบลงเพียงเท่านี้
ขอขอบคุณ
โฆษณา