9 ก.พ. 2021 เวลา 13:17 • ท่องเที่ยว
ตูนิเซียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่โดดเด่นทางด้านประวัติศาสตร์และสถานที่ที่งดงาม ดินแดนแห่งอารยะธรรมโรมัน - คาร์เธจโบราณ ประเทศอาหรับมุสลิมที่ตั้งอยู่ในแอฟริกาเหนือ เราจะขอพาไปแนะนำส่วนนึงของสถานที่ท่องเที่ยวและประวัติศาสตร์เล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจกันครับ
ขอกำลังใจเล็กๆน้อยช่วยกดติดตามบทความเล็กๆของเราด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ขอขอบคุณแหล่งอ้างอิง เรียบเรียงจาก
أهم المعالم السياحية في سوسة
โดย مؤمن منصور فنون
مرسى القنطاوي المعلم السياحي الأول في تونس والأكثر استقطابا للسياح
โดย صهيب شنوف
تونس وليبيا | المساكن الحفرية في مطماطة وفي غريان | عال عربي‎
โดยعالم عربي
::เมืองซูว์ซะห์
(Sousse - مدينة سوسة)
อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อน ที่เพียบพร้อมด้วยโรงแรมรีสอร์ตหรูริมทะเล บริเวณอ่าวหัมมามาต ฝั่งท่าเรือแน่นขนัดไปด้วยเรือยอชต์และเรือใบ  แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นตูนิเซียด้วยอาคารสไตล์อันดาลูเซียนสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า ถนนปูลาดด้วยก้อนหิน อากาศร้อนกำลังดีเมืองแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องน้ำมันมะกอก
ซูวซะห์ เมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือห่างจากตูนิสเมืองหลวง 140 กิโลเมตร ได้รับขนานนามว่า
ลุอ์ลุอะตุซซาหิล (لؤلؤة الساحل)
แปลว่า ไข่มุกแห่งชายฝั่ง
เมืองใหญ่อันดับ3 หนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดในตูนิเซีย เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ย่านเมืองเก่าของ ซูวซะห์ หนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมอาหรับในตูนิเซียซึ่งแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ถนนที่ปูด้วยก้อนหินเหลี่ยมตลอดทางเดิน 2 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 859 ด้วยบล็อกหินขนาดใหญ่ที่นำกลับมาใช้จากซากปรักหักพังของเมืองโรมันโบราณ
แม้ว่าเมืองนี้จะมีกิจกรรมให้ทำมากมายรวมถึงการช้อปปิ้ง แต่ก็คงเพลิดเพลินดีไม่น้อยที่ได้ใช้เวลาช่วงบ่ายไปกับการเดินชมย่านเมืองเก่า
::ป้อมปราการแห่งซูว์ซะห์
(Sousse Ribat - رباط سوسة)
ป้อมปราการแห่งซูวซะห์
" ริบาฏุซซูวซะห์ - (رباط سوسة)"
ป้อมปราการแห่งนี้ถูกสร้างในช่วงศตวรรษที่8 สมัยราชวงศ์ อัลอะฆอลิบะห์(الأغالبة) โดย
อิบรอฮีมที่1ได้รับการบูรณะและขยายเพิ่มเติมภายหลัง
::มัสยิดใหญ่แห่งซูว์ซะห์
(Great Mosque of Sousse - الجامع الكبير بسوسة)
ห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตร ก็จะพบกับ มัสยิดใหญ่แห่งซูวซะห์(الجامع الكبير بسوسة) สร้างในปี 850 สมัยราชวงศ์ อัลอะฆอลิบะห์(الأغالبة)
โดยอบุลอับบาส มูฮัมมัด บิน อัลอัฆลับ
(أبو العباس محمد بن الأغلب)
ทั้งสองแห่งถูกสร้างเป็นทั้งป้อมปราการและมัสยิด และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในเมือง
::โรงเรียนสอนศาสนาซะกัก
(Zawia Zakak - زاويه زكاك)
ไม่ไกลจากป้อมซูวซะห์ หากคุณมองหาสถาปัตย์กรรมในสมัยออตโตมานที่หลงเหลืออยู่ในเมืองแห่งนี้เดินไปตามตรอกไม่ถึง100เมตร คุณจะพบกับ ซาวียะห์ ซะกัก(زاويه زكاك) ถูกสร้างในศตวรรษที่17 สมัยที่ตูนิเซียอยู่ใต้อาณัติของจักรวรรดิออตโตมัน
ด้วยเอกลักษณ์หอขานละหมาด ทรงแปดเหลี่ยมด้านในเป็นลานกว้างเสาโรมันโบราณถูกนำมาประยุกต์ใช้ สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นมัสยิดและโรงเรียนสอนศาสนา
(ประมาณการสอนฟัรดูอีน คือการสอนอ่านอัลกุรอ่านและศาสนาอิสลามเบื้องต้น) ปัจจุบันถูกปิดชั้วคราวแต่สามารถถ่ายรูปจากด้านนอกได้
::สุสานใต้ดินโบราณซูวซะห์
(catacombs of sousse - دواميس سوسة)
หากคุณอยากรู้เรื่องราวของชาวคริสต์ในยุคแรกๆช่วงถูกจักรวรรดิโรมันข่มเหงเพิ่มเติมแล้วละก่อ! ใต้ดินของเมืองแห่งนี้มีสุสานที่ฝังชาวคริสต์ในยุคแรกๆกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันคน
"ดะวามีซุซ ซูวซะห์(دواميس سوسة)
สุสานใต้ดินโบราณซูวซะห์
(catacombs of sousse)"
เป็นทั้งสถานที่หลบภัย,ที่ประกอบพิธีสวดภาวนาและเป็นสถานที่ฝังศพของชาวคริสต์ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่สองถึงสี่ ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าเยี่ยมชมได้
::พิพิธภัณฑ์โบราณสถานซูวซะห์
(Sousse Archaeological Museum - المتحف الأثري بسوسة)
หลังจากเยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ย่านเมืองเก่าจนพอใจ ถ้าคุณอยากรู้เรื่องราวในอดีตของเมืองนี้ให้ลึกซึ้งคุณต้องมาเยี่ยมชม
พิพิธภัณฑ์โบราณสถานซูวซะห์ เปิดในปี1951 อาคารของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือปราสาทที่ถูกสร้างในศตวรรษที่19 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่เก็บรักษาภาพโมเสคที่ใหญ่ที่สุดในตูนิเซีย
การจัดแสดงหลักประกอบด้วยคอลเล็กชันโบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ต่างๆที่มีอายุย้อนไปในยุค พิวนิกโรมันและศาสนาคริสต์ตอนต้น
คุณจะเพลิดเพลินไปกับการค้นพบประวัติศาสตร์ผ่านทางกระเบื้องโมเสคในสมัยโรมันและสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายเช่นหน้ากาก,แจกัน,รูปปั้นและข้าวของที่พบในสุสานใต้ดินโบราณซูวซะห์
::ท่าเทียบเรือกอนฏอวีย์
( Port El Kantaoui - مرسى القنطاوي)
หลังจากเดินเที่ยวชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์จนเหนื่อยแล้ว หากคุณรุ้สึกอยากพัก
มัรซัลกอนฏอวีย์ หรือก็คือ ท่าเทียบเรือกอนฏอวีย์(مرسى القنطاوي) คือสถานที่รวมทุกสิ่งที่นักท่องเที่ยวคาดหวัง สำหรับวันหยุดพักผ่อนของครอบครัว
ไล่ตั้งแต่ชายหาดที่สวยงามร้านค้า,คาเฟ่,ร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความบันเทิงต่างๆครบครัน คุณสามารถเพลิดเพลินกับกีฬาทางน้ำ กิจกรรมบนชายหาดรวมถึงการแล่นเรือใบวินด์เซิร์ฟหรือพายเรือคายัค
และจากท่าเทียบเรือคุณสามารถล่องเรือโดยเรือท้องกระจกหรือเลือกไปดำน้ำชมความงดงามใต้ท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้อีกด้วย
ท่าเทียบเรือแห่งนี้ถูกสร้างในปี1979 โดย ฮะบีบ บูร์กีบะห์(الحبيب بورقيبة) ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตูนิเซีย โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใน ภูมิภาคซาฮิล(ชายฝั่ง)
::มัฏมาเฏาะห์
( Matmata - مطماطة)
หากคุณเป็นแฟนตัวยงภาพยนตร์ Star War ต้องไม่พลาดตามรอยภาพยนตร์ดัง คุณจะพบที่พักที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
มัฏมาเฏาะห์ เมืองที่โดดเด่นทางภาคใต้ของตูนีเซีย มัฏมาเฏาะห์มีที่พักอาศัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยการขุดหลุมขนาดใหญ่ใต้ดินลึกลง
ไปราว 15 เมตร มีลักษณะเป็นลานกว้างตรงกลาง
โดยรอบหลุมขุดเป็นโพรงถ้ำเพื่อใช้เป็นที่พักอาศัย มีทางเดินที่เชื่อมต่อแต่ละห้อง เรียกว่า
ซะกีฟะห์(السقيفة) และมีบันไดทอดสู่ลานบ้าน
สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างโดยเผ่า อะมาซิฆ (أمازيغ) หรือที่รู้จักกันทั้วไปในชื่อเผ่า เบอร์เบอร์ เพื่อเป็นที่หลับภัย พวกเขาหลบหนีภัยจากเผ่าฮิลาลที่รับใช้ราชวงศ์ฟาติมิยะห์แห่งอียิปต์ ในช่วงที่ขยายอำนาจมาทางภูมิภาคนี้ในอดีต
เมืองแห่งนี้ตั้งชื่อตามตระกูลนึงในเผ่าเบอร์เบอร์โบราณ นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นฐานที่มั้นกองกำลังปลดแอกตูนีเซีย ภายใต้การนำของ
มูฮัมมัด อัลดัฆบาญีย์(محمد الدغباجي) นักต่อสู้เรียกร้องเอกราชของตูนีเซีย ในช่วงสงครามเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศสและอิตาลี
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าถึงบรรยากาศ ที่นี่ยังมีโรงแรม Sidi Driss ที่พักแบบชาวเบอร์เบอร์ให้บริการ ในปี1969 โรงแรมนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ Star War Episode IV: A New Hope อีกด้วย
โฆษณา