9 ก.พ. 2021 เวลา 18:44 • ประวัติศาสตร์
" ตำนานรักสามเศร้าของ Hades-Persephone-Minthe "
2
มาดึกแต่ก็มาตามคำขอแล้วนะคะ กับตำนานรักของ "เฮดีส (Hades)" และ "เพอร์ซิโฟเน (Persephone)" นอกจากนี้เรายังแถมเรื่องราวของมือที่สามให้อีกคนนึง นั่นก็คือ "มินเธ (Minthe)" บอกเลยว่าแซ่บมาก และยาวมาก แต่เราถึงจะยาวแค่ไหน เราก็จะเล่าค่ะ
Hades
"เฮดีส (Hades)" เป็นเทพเจ้าที่ดูแลโลกใต้พิภพ หรือโลกหลังความตาย (Underworld) ดินแดนหลังความตายของเฮดีสจะมีลักษณะเป็นโลกที่มืด ๆ ทึบ ๆ และมีแม่น้ำทั้ง 5 สาย ไหลมารวมกันที่เฮดีส (เฮดีส เป็นทั้งชื่อของเทพและชื่อสถานที่ด้วยนะคะ) ซึ่งแม่น้ำทั้ง 5 สายนี้ประกอบไปด้วย
1) Acheron - อะเครอน คือแม่น้ำแห่งความวิปโยค โศกเศร้า หรือความเจ็บปวด แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำสีดำสนิท และเป็นแม่น้ำที่สำคัญที่สุดในบรรดาแม่น้ำทั้ง 5 สาย ตามความเชื่อของชาวกรีก เมื่อคนตายวิญญาณก็จะมาขึ้นเรือข้ามแม่น้ำอะเครอน เพื่อไปสู่ดินแดนของคนตาย
2) Cocytus - โคไซตัส แม่น้ำแห่งความกำสรวล คร่ำครวญ เป็นแม่น้ำที่เกิดจากน้ำตาของผู้ถูกทรมานในนรก จึงมีรสเค็ม
3) Lethes - ลีธี แม่น้ำแห่งความหลงลืม เมื่อดวงวิญญาณดื่มน้ำในแม่น้ำนี้ ก็จะลืมอดีตทั้งหมด
4) Phlegethon - เฟลกีทอน แม่น้ำแห่งการแผดเผา เป็นแม่น้ำไฟ ที่มีเปลวไฟลุกท่วมตลอดเวลา ล้อมรอบนรกขุมที่ลึกที่สุด
5) Styx - สติกซ์ แม่น้ำแห่งความเกลียดชัง เป็นแม่น้ำสาบานของเหล่าทวยเทพ ซึ่งถ้าสาบานต่อแม่น้ำสายนี้แล้ว จะผิดคำสาบานไม่ได้ เป็นแม่น้ำที่อยู่ใกล้ระหว่างโลกปกติกับโลกหลังความตาย
ซึ่งเฮดีสปกครองโลกหลังความตายร่วมกับ "เพอร์ซิโฟเน (Persephone)"
"เพอร์ซิโฟเน (Persephone)" เป็นลูกของเทพทั้ง 2 องค์ ก็คือ เทพซุส (Zeus) และ เทพีดีมีเทอร์ (Demeter) ทั้ง 2 เป็นพี่น้องกัน และนอกจากนี้ยังเป็นพี่น้องกับเฮดีสอีกด้วย เทพีดีมีเทอร์เป็นเทพแห่งการเก็บเกี่ยว ต้องบอกว่าสมัยก่อนโลกของเราเป็นโลกที่ไม่มีฤดูหนาวนะคะ ตลอดทั้งปีจะมีแต่แสงแดด มีต้นไม้ ดอกไม้ที่ผลิบาน ผลไม่ก็ออกผลให้เก็บเกี่ยวอยู่ตลอดทั้งปี พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นโลกที่ไม่มีฤดูกาลนั่นเอง
Demeter
ซุสและดีมีเทอร์มีลูกด้วยกัน นั่นก็คือ เพอร์ซิโฟเน ซึ่งเพอร์ซิโฟเนเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ๆ จนทำให้เฮดีสหลงรักเธอ จนกระทั่งวันหนึ่ง เพอร์ซิโฟเนออกไปเก็บผลไม้ดอกไม้ จังหวะที่เพอร์ซิโฟเนกำลังก้มลงไปเด็ดดอกไม้จากพื้น และดินที่หลุดติดดอกไม้ขึ้นมาไม่ใช่ดินแค่ก้อนเดียว แต่เป็นดินทั้งยวง ทำให้พื้นโลกแยกออกจากกัน เฮดีสเห็นว่านี่เป็นโอกาสเดียว เขาจึงขับรถม้าสีดำคันใหญ่พุ่งออกมาจากรอยแยกนั้น เฮดีสเงยหน้ามองเพอร์ซิโฟเนและรีบคว้าเอวเพอร์ซิโฟเน ลักพาตัวเธอลงไปยัง Underworld ทันที เมื่อลงไปถึงแล้ว เฮดีสก็ยื่นข้อเสนอและสัญญากับเพอร์ซิโฟเนว่า ถ้าเพอร์ซิโฟเนยอมเป็นของเขา เขาจะแต่งตั้งในเพอร์ซิโฟเนเป็นราชินี และปกครองโลกหลังความตายร่วมไปกับเขา แน่นอนว่าเพอร์ซิโฟเนไม่ต้องการ และไม่ได้รักเฮดีส เพอร์ซิโฟเนจึงโวยวาย ร้องไห้ลั่น และเรียกร้องให้ซุสพ่อของเธอลงมาช่วยเธอออกไป แต่ซุสก็ไม่ยอมช่วย (ตรงนี้บางตำนานเล่าว่า ซุสคือคนที่ร่วมมือกับเฮดีสในการให้เฮดีสลักพาตัวเพอร์ซิโฟเนมายัง Underworld ด้วย)
2
เนื่องด้วยเพอร์ซิโฟเนเป็นลูกคนเดียวของดีมีเทอร์ จึงทำให้ดีมีเทอร์รักเพอร์ซิโฟเนมาก ดีมีเทอร์พยายามตามหาลูกของตัวเองไปทั่วทั้งโลก แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เมื่อดีมีเทอร์หาไม่เจอก็ร้องไห้ฟูมฟาย จนอาการเศร้าของเทพีดีมีเทอร์ส่งผลให้ผลไม้ไม่ออกดอกผล อากาศก็ค่อย ๆ เย็นยะเยือกลงเรื่อย ๆ โดยปกติเทพีดีมีเทอร์จะเป็นคนที่สดใส ร่าเริง ทำให้อากาศดีและเกิดใบไม้ผลิ เมื่อเหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ พระอาทิตย์ทนไม่ได้ จึงลงมาบอกเทพีดีมีเทอร์ว่า เพอร์ซิโฟเนโดนเฮดีสลักพาตัวไปที่โลกหลังความตาย ดีมีเทอร์จึงไปขอให้ซุสช่วย และขู่ซุสว่า ถ้าไม่ช่วยพาเพอร์ซิโฟเนกลับมา เธอจะร้องไห้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ให้ทั้งโลกมีแต่อากาศที่หนาวตลอดไป ให้คนทั้งโลกตายด้วยน้ำมือของเธอเอง ซุสจึงยอมช่วย แต่เมื่อซุสลงไปจะช่วยพาเพอร์ซิโฟเนกลับมา ปรากฎว่าไม่ทันแล้ว เพราะระหว่างที่เพอร์ซิโฟเนโดนจับตัวลงไป เฮดีสได้ยื่นผลไม้ชนิดหนึ่งให้เพอร์ซิโฟเนกิน ผลไม้นั้นก็คือ ทับทิม คือในโลกหลังความตายมีกฎอยู่ว่า ถ้าใครก็ตามที่กินอะไรของ Underworld เข้าไป จะต้องกลายเป็นคนของ Underworld ตลอดไป และไม่สามารถกลับขึ้นมาได้อีก และหลังจากชาวกรีกจึงถือว่า ทับทิม เป็นผลไม้แห่งความตาย เมื่อเพอร์ซิโฟเนกินเข้าไปแล้ว จึงจำเป็นจะต้องอยู่เป็นราชินีที่โลก Underworld ต่อไป
Hades and Persephone
แต่เนื่องจากซุสกลัวว่าดีมีเทอร์จะโศกเศร้าเสียใจมากจนทำให้โลกขาดผลผลิต จึงตกลงกับเฮดีสว่า ให้ปล่อยเพอร์ซิโฟเนกลับไปอยู่กับแม่ของเธอ แต่เนื่องจากเพอรืซิโฟเนได้กินของใน Underworld เข้าไปแล้ว จึงให้เพอร์ซิโฟเนลงมาอยู่กับเฮดีส 3 เดือนต่อปี และช่วงเวลาที่เหลือก็ให้เพอร์ซิโฟเนขึ้นไปอยู่กับแม่ของเธอ ดังนั้น ช่วงปลายปีของทุกปี เพอร์ซิโฟเนจะลงมาอยู่กับเฮดีส 3 เดือน และในเวลานั้นทำให้เทพีดีมีเทอร์โศกเศร้า ร้องไห้ฟูมฟายด้วยความคิดถึงลูก อากาศจะเย็นลงในช่วงนั้น นั่นทำให้โลกของเราเกิดฤดูหนาวขึ้นค่ะ และเมื่อเพอร์ซิโฟเนเดินทางกลับมาที่โลกมนุษย์หลังจากที่ครบ 3 เดือนแล้ว ช่วงเวลานั้นเทพีดีมีเทอร์จะอารมณ์ดีขึ้น ทำให้ต้นไม้ผลิใบ ถือเป็นการสิ้นสุดฤดูหนาวนั่นเองค่ะ
1
Demeter and Persephone
ทีนี้ถามว่า มินเธ คือใคร? และมินเธเป็นมือที่สามได้ยังไง? เรื่องที่เราจะเล่าต่อจากนี้ จะเริ่มมีมินเธเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วนะคะ
1
จำที่เราเล่าไปเมื่อตอนต้นกันได้ไหมคะ เกี่ยวกับแม่น้ำทั้ง 5 สายที่ไหลมารวมกันที่โลก Underworld ในแม่น้ำแต่ละสายจะมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่อยู่กับแม่น้ำนั้น ๆ สิ่งมีชีวิตชนิดนี้เราเรียกว่า "นิ้มฟ์ (Nymph)" ค่ะ นิ้มฟ์คือ หญิงเป็นร่างตัวแทนของสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นร่างที่ยึดติดกับสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือเป็นผู้ติดตามของเหล่าเทพ เช่นเดียวกับแม่น้ำทั้ง 5 สายนี้ ก็มีนิ้มฟ์คอยดูแลอยู่ ซึ่งนิ้มฟ์ที่เราจะพูดถึงนี้ เธอมีชื่อว่า "มินเธ (Minthe)"
1
Minthe
มินเธ เป็นนิ้มฟ์ที่อาศัยอยู่ที่แม่น้ำโคไซตัส หนึ่งในแม่น้ำที่ไหลไปที่ Underworld ตามที่เราเล่าไปเมื่อตอนต้นนะคะ มินเธเป็นนิ้มฟ์ที่สวย และมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากทั้งในเรื่องของรูปร่างและหน้าตา
2
ในตำนานที่พูดถึงกันมากที่สุดก็คือ มินเธหลงรักเฮดีสมานาน แต่เนื่องจากเพอร์ซิโฟเนที่อยู่กับเฮดีสแค่ 3 เดือนต่อปีเท่านั้น ทำให้มีช่องว่างในช่วงที่เฮดีสไม่ได้อยู่กับเพอร์ซิโฟเน เฮดีสจึงเริ่มมีใจให้กับมินเธเหมือนกัน ทั้งคู่จึงเป็นชู้กันซะงั้นเลย
1
ถึงแม้ว่าในตอนแรกเพอร์ซิโฟเนจะไม่ได้รักเฮดีส แต่พออยู่กับเฮดีสและช่วยเฮดีสดูแล Underworld ไปเรื่อย ๆ เธอก็เปลี่ยนนิสัยไปเป็นราชินีผู้ไร้อารมณ์พอๆกับเฮดีส และเริ่มหวงเฮดีสอยู่พอสมควร เมื่อเพอร์ซิโฟเนรู้เรื่องเฮดีสกับมินเธเข้า เธอจึงโกรธมาก บุกไปหามินเธถึงที่ ด่าทอและทำร้ายมินเธ โดยการผลักมินเธล้มลงและกระทืบที่กลางอกของมินเธซ้ำ และหลังจากตรงนี้ ตำนานเล่าออกมาเป็น 2 แบบค่ะ ตำนานแรกคือ เพอร์ซิโฟเนกระทืบมินเธจนตาย พอตายไปแล้วมินเธจึงกลายเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งก็คือ "ต้นมิ้นท์" แต่อีกตำนานที่ถูกพูดถึงกันเยอะ และมีความน่าสนใจมากไปกว่านั้น ตำนานนี้บอกว่า มินเธพยายามจะหนีเพอร์ซิโฟเน แต่ไม่รู้จะหนียังไง ก็เลยกลายร่างเป็นต้นไม้ที่อยู่ติดพื้น นั่นก็คือ "ต้นมิ้นท์" นั่นเอง และที่แสบยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อทุกครั้งที่เพอร์ซิโฟเน่กระทืบเข้าไป ต้นมิ้นท์ก็จะส่งกลิ่นหอมสดชื่นออกมา ยิ่งกระทืบก็ยิ่งส่งกลิ่นหอมสดชื่นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
1
หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง ต้นมิ้นท์ก็กลายเป็นต้นไม้ประจำตัวของเฮดีส และยังกลายเป็นต้นไม้ที่ชาวกรีกนิยมใช้ในพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย และสามารถใช้กลบกลิ่นศพได้ดีอีกด้วย
Mint
เป็นยังไงกันบ้างคะ เรื่องนี้ยาวมากเลยนะคะ แต่ทำให้เราได้รู้ต้นกำเนิดของอะไรหลาย ๆ อย่างเลย ทั้งฤดูหนาว และต้นมิ้นท์ จริง ๆ มีหลากหลายเวอร์ชั่นมากเลยนะคะ บางคนเคยอ่านมา อาจจะมีบางช่วงที่เนื้อเรื่องไม่ตรงกันกับที่เราเล่า แต่เราเลือกเวอร์ชั่นที่สนุกที่สุด และดูสอดคล้องกันมากที่สุดมาเล่าให้ทุกคนอ่านกันค่ะ
ครั้งต่อไปเราจะหยิบตำนานเทพกรีก-โรมันเรื่องไหนมาเล่า รอติดตามได้เลยนะคะ
-Lynn Yi Wu-
#เรื่องมีอยู่ว่า #hades #persephone #minthe #mint #demeter
แหล่งอ้างอิง : Greek Mythology
โฆษณา