10 ก.พ. 2021 เวลา 03:41 • ความคิดเห็น
เหงาหรือเปล่า?
ครั้งแรกที่ฉันเห็น quote ของฌ็อง ปอล ซาทร์ อันนี้ มันทำให้ฉันคิดได้อย่างหนึ่งว่า สุดท้ายแล้วเพื่อนที่ดีที่สุดของเราก็คือตัวเราเอง
ในสังคมปัจจุบันที่การสื่อสารกับคนทั้งโลกนั้นทำได้ง่ายเพียงนิ้วสัมผัส แต่การสื่อสารกับตัวเราเองกลับน้อยลงทุกวัน คนหลายคนเสพติดการใช้เวลากับผู้คนในโลกสมมติที่เครือข่ายการสื่อสารอันทันสมัยสร้างขึ้น จนหลงลืมที่จะให้เวลากับเพื่อนอีกคนที่สนิทแนบแน่นตั้งแต่หน่วยเวลาแรกที่เราถือกำเนิดและรู้จักตัวตนเรามากกว่าใครๆในโลกใบนี้ ‘เพื่อนคนแรก’ (good company ที่คุณลุงซาทร์ หมายถึงนั่นแหละค่ะ ) และแน่นอนเขาไม่เคยมีความลับกับเราเหมือนที่เราไม่สามารถปิดบังทั้งด้านดีด้านร้ายของตัวเองกับเขาเช่นกัน
เมื่อก่อนฉันคิดว่าคนเราเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตด้านต่างๆจากผู้คน สถานการณ์และสิ่งต่างๆที่รายล้อม การออกสู่โลกกว้างมันจะเปิดทัศนของเรามากขึ้น ฉันชอบการพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกับคนอื่น การเผชิญกับโลกภายนอกให้ประสบการณ์ที่ทั้งดีและเลวร้าย หลายสิ่งหลายอย่างต้องแลกกับประสบการณ์เหล่านั้น แต่สิ่งที่ได้กลับมาและมีค่ามากกว่าอื่นใดคือ บทเรียนชีวิต
ในยามสุขฉันหัวเราะ มีรอยยิ้ม และทำตัวกลมกลืนกับกระแสความสุขนั้นอย่างลืมตัว ในยามทุกข์ ฉันก็ทำตัวกลมกลืนกับความอึบทึบนั้นได้อย่างแนบเนียนไม่ต่างกัน (มันคือขั้นตอนต้นๆของกระบวนการสร้าง ‘บทเรียน’) และเมื่อช่วงเวลาที่เหมาะสมมาถึง ’เพื่อนคนแรก’นี่เองที่เป็นฟันเฟืองตัวสุดท้ายที่ทำให้บทเรียนชีวิตแต่ละ chapter ของฉันสมบูรณ์ หาใช่ปัจจัยภายนอกแต่อย่างใด
และฉันเพิ่งสังเกตว่า’เพื่อนคนแรก’มักมีข้อความพิเศษๆสื่อสารกับฉันเสมอ ข้อความเหล่านั้นมักชัดเจนเป็นพิเศษเวลาที่ฉันอยู่คนเดียวและคลื่นสมองฉันนิ่งพอ. บางคนก็เรียกสิ่งนั้นว่า ‘wisdom’ บางคนเรียกว่า ‘สติ’ ‘จิตใต้สำนึก​‘ ฉันคิดว่าคำไหนก็ไม่ผิดหรอก ถ้าคุณหมายถึงสิ่งเล็กๆที่มีแรงขับดันมหาศาลให้เราตกตะกอนอะไรซักอย่าง
หลายๆคนมองว่า คนประเภท introvert นั้นมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงมากและเข้าถึงได้ยาก ในความคิดของฉันการที่เราอยู่เงียบๆ และได้ introvert เข้าไปภายในจิตใจของเรา พูดคุยสื่อสารกับตัวเอง กับ’เพื่อนคนแรก’ของเราบ้าง เราจะได้ประโยชน์อะไรมากมายจากสิ่งนั้น เหมือนที่นักปรัชญาหลายคนกล่าวว่า “แสงสว่างแห่งปัญญาจะปรากฎท่ามกลางความเงียบและสงบเสมอ”
ในทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่าในยามเรามีสมาธิหรือมีความสงบ คลื่นสมองของเราจะยิ่งมีความถี่มากขึ้น และหากความถี่นั้นแตะระดับเดียวกันกับความถี่ของ wisdom เมื่อนั้นไม่ว่าคำถามใดๆในโลกคุณก็สามารถตอบได้ คำตอบมีอยู่ทุกที่ และคำตอบอยู่ในตัวคุณ นี่เป็นหนึ่งในคำอธิบายว่า ทำไมผู้ทรงปัญญาทั้งหลายในทุกๆหลักศรัทธาจึงสนับสนุนให้เราได้ใช้เวลาเงียบๆอยู่กับตัวเอง มองเข้าไปด้านในอย่างพิจารณาและเป็นกลาง เราจะรับรู้ได้ว่ามีสิ่งที่พิเศษที่สุดอยู่ในตัว ทุกคนได้รับมันมาตั้งแต่หน่วยเวลาแรกที่ถือกำเนิดมา และมันไม่เคยหายไปไหน สิ่งที่เราค้นหาซ่อนตัวอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราอย่างเงียบเชียบ สงบเสงี่ยม ไม่ครอบงำ หากแต่รอให้เราหันไปใส่ใจ
โลกสมมตินี้สร้างเหตุแห่งการเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจงกับคนแต่ละคน เพราะเราต่างมีวัตถุประสงค์แห่งการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือกระบวนการที่นำมาซึ่ง ‘บทเรียน’ (ขึ้นอยู่กับว่าเราจะกลั่นประสบการณ์นั้นให้ออกมาเป็นบทเรียนได้หรือไม่) ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราสามารถนำมันติดตัวเราไปแม้เราจะหลุดไปอยู่มิติไหนๆ ในจักรวาลนี้
เพื่อนคนแรกเป็น good company ของเราเสมอ แต่เรานี่แหละจะเป็น good company ให้กับเขาหรือไม่ พูดคุย สื่อสาร สั่งสอน ปลอบประโลม และให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอนะคะ สติและปัญญาของเราเท่านั้นที่จะนำพาเราไปสู่ทางแก้ของทุกๆปัญหา ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษ แล้วเราจะรู้ว่าการสุขได้ด้วยตัวเอง มันทำให้สภาพจิตใจเราแกว่งไกวน้อยกว่าการเอาความสุขไปผูกไว้กับอะไรซักอย่างที่ไม่มีแม้แต่อำนาจจะควบคุมมันได้
การอยู่คนเดียว ไม่เหงาหรอก เชื่อสิ
โฆษณา