10 ก.พ. 2021 เวลา 11:28 • หนังสือ
หนังสือเซ็ตนี้มีที่มาแปลกกว่าเล่มอื่นๆที่เรามีอยู่อย่างหนึ่งคือตอนปิดเทอมที่เรากลับมาอยู่บ้าน เราอ่านหนังสือจบไปหลายเล่มแล้วก็คิดขึ้นมาว่า ไม่มีหนังสืออ่านแล้ว ไปซื้อเพิ่มดีกว่า คิดเสร็จก็แว้นมอไซออกไปซีเอ็ดแล้วก็หยิบสามเล่มนี้มาเลยแบบไม่ยั้งคิดอะไรทั้งนั้น พอกลับถึงบ้านเรียบร้อยเปิดประตูเข้าห้องมาก็นึกได้ว่า กองดองชั้นยังเหลือเป็นสิบเล่มเลยนี่หว่า 🤣
สุดท้ายเซ็ตนี้ก็โดนดองยาวอยู่บนชั้นมาเป็นปีจนในที่สุดเราก็ได้ฤกษ์หยิบมาอ่านสักที #นิทานล้านบรรทัด จาก Nanmeebooks เป็นหนังสือเบาๆ อ่านง่ายมากๆ เหมือนอ่านนิทานเล่นเพลินๆ แต่มีข้อคิด มีความเสียดสีเล็กๆเต็มไปหมด ก็สนุกดีนะ คือเนื้อหามันจะเป็นนิทานที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เข้าใจยากขึ้นนิดนึง แบบบางเรื่องคือ อ่าว จบแล้ว ยังไงต่อนะ มันไม่เหมือนนิทานอีสปที่เปรียบเปรยเข้าใจชัดเจน
ก่อนจะอ่านเซ็ตนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเนื้อหาของหนังสือมันถูกสร้างขึ้นมาจากมุมมองของผู้เขียน สะท้อนประสบการณ์ที่เขาเคยเจอออกมาเป็นนิทานสั้นๆแต่ละเรื่อง และอย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามันมีความจิกกัดประเด็นทางสังคมอยู่บ้าง ดังนั้นให้เตรียมใจไว้เลยว่าอาจจะมีบางเรื่องในเล่มที่เราไม่ชอบ ที่อ่านแล้วขัดใจ รู้สึกไม่เห็นด้วย ซึ่งสำหรับเรามันก็มีนะ แต่ใดๆมันก็อยู่ที่ทัศนคติแต่ละคน อย่าเอาความรู้สึกแบบนี้มาลดทอนความสุขในการอ่านกันนะคะ 😁
เซ็ตนี้อ่านง่ายมากกกกกก ย้ำว่ามากจริงๆ คืออ่านแป๊ปเดียว หนึ่งวันจบสามเล่มยังได้ เหมาะกับการอ่านตอนว่างๆ อยากพักผ่อนจากงานได้เลย แต่เราใช้เวลานานเพราะต้องทำงานตลอด วันนี้โชคดีอาจารย์เลื่อนวันส่งให้ เลยพอได้หายใจหายคอ มาเคลียร์ให้จบได้ อิอิ
เอาล่ะ มาที่เล่มที่ 1 เล่มนี้มีหลายเรื่องมากที่เราชอบ อย่างเรื่อง "เจ้าหญิงแสนโหล" อันนี้ดีนะ เกี่ยวกับการที่เราพยายามจะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรามากเกินไป อยากเด่น อยากพิเศษ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครจดจำอยู่ดี
"เกมของแม่ทัพ" อันนี้ก็สนุก มันสอนว่าการมุ่งแต่จะห้ำหั่นกัน แก่งแย่งกันย่อมไม่ส่งผลดีต่อใคร และการเอาแต่ป้องกัน ไม่ตอบโต้ พูดง่ายๆคือเป็นคนดีเกินไป ก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเราไปต่อได้ในสังคมจริงๆ รวมถึงสุดท้ายแล้วคนที่มีอำนาจมากที่สุดคือคนที่กุมชะตาของทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้
เล่มที่ 2 เราชอบเรื่อง "เก้าอี้เขียวในบ้านเขียว" ที่สุด ไม่ใช่เพราะเราชอบสีเขียวเป็นการส่วนตัวอะไรนะ 555555 แต่เพราะเป็นเรื่องที่ดูกวนๆและในทางกลับกันก็เป็นเรื่องที่ทำให้เราเห็นว่าชีวิตมันคือการปรับตัว การเอาตัวรอด ใครมีไหวพริบมากกว่า มีมุมมองที่หลากหลายกว่าก็จะเป็นผู้ชนะในโลกนี้
เรื่อง "จารีตนคร" นี้จะแสบหน่อย เป็นเรื่องที่ชี้ว่าการยึดติดกับขนบธรรมเนียมบางอย่างมากไป มันทำให้เราทำอะไรได้ช้าลง กรอบความคิดก็ถูกจำกัดให้แคบลง โอกาสที่จะพัฒนาก็น้อยลง
สุดท้ายเล่มที่ 3 เรื่อง "เกมโชว์" สนุกดี คือคนแต่ละประเภทก็จะมีมุมมองต่อชีวิต มีทัศนคติ มีชุดความคิดที่แตกต่างกัน ยิ่งเราโตมากเท่าไหร่ มีประสบการณ์มากเท่าไหร่ เราก็จะวุ่นวายคิดนั้นคิดนี้ซับซ้อนไปเรื่อย ต้องให้มันเท่ที่สุด เจ๋งที่สุด ทั้งๆที่คำตอบของบางเรื่องมันก็แค่ง่ายๆเรียบๆไม่มีอะไรเลย
"คนบ้า" นี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราเห็นว่ามนุษย์เนี่ยแคร์คำคนพูดเหลือเกิน ไปโกรธไปเคืองคนบ้าว่ามาด่าตนเสียๆหายๆ ซึ่งสิ่งเดียวที่คนบ้าผิดก็คือการพูดสิ่งที่คนอื่นคิดในหัวออกมาดังๆแค่นั้นเอง และเรื่องสุดท้ายที่ชอบมากเป็นพิเศษคือ
"มอเตอร์ไซค์รับจ้าง" เป็นเรื่องที่บอกเราสั้นๆง่ายๆว่าจะตามหาความฝัน ความสุข หรือค้นหาตัวเอง ก่อนจะคิดว่าจะต้องไปที่ไหน จะหาเจอไหม อยู่ไกลไหม สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือลงมือทำ
โฆษณา