10 ก.พ. 2021 เวลา 19:06 • ประวัติศาสตร์
บางครั้ง “เนื้อหาข้างใน ก็ สำคัญกว่ารูปแบบ” ที่สร้างขึ้นมาให้เราเห็น
ใครเคยได้ยินคำว่า “Substance over form” หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า “เนื้อหา สำคัญกว่า รูปแบบ”กันบ้างครับ?
Substance over form เป็นหนึ่งในหลักการตรวจสอบบัญชีที่สำคัญทั่วโลก นี่คือหลักการที่ใช้ตรวจสอบถึงความจริง ที่อาจถูกเก็บซ่อนภายใต้อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการใช้ปิดบังความจริง หรือ หลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเอง เสียผลประโยชน์
Substance over form นี้จริงๆแล้ว มีที่มาจากคำพิพากษาของคดีดัง คดีหนึ่งในสหรัฐอเมริกา นั่นคือคดี Gregory v. Helvering, 293 U.S. 465 ในปี 1935 ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ แอดจะขอเล่าแบบย่อๆให้เข้าใจง่ายที่สุด เพื่อผู้อ่านครับ
เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นจาก นาง Evelyn Gregory ที่เป็นเจ้าของบริษัท United Mortgage Company และเธอก็มีหุ้นอยู่ที่บริษัท Monitor Securities Corporation(จะเรียกสั้นๆว่า Monitor) อยู่จำนวน 1,000 หุ้น ซึ่งเธอเองก็อยากจะขายหุ้นทิ่อยู่ในบริษัท Monitor นี้ แต่เธอก็ได้คิดอุบายขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เพื่อใช้หลีกเลี่ยงภาษี นั่นคือ เปิดบริษัทขึ้นมาใหม่ ในนาม Averill Corp. ในวันที่ 18 กันยายน 1928
หลังจากนั้น 3 วัน เธอได้โอนหุ้นทั้งหมดของเธอใน Monitor เข้าไปยัง Averill Corp และหลังจากนั้นในวันที่ 24 กันยายน 1928 ก็ยุบบริษัท Averill Corp ลง ปิดบัญชี และโอนหุ้นเข้าตัวเอง และได้ทำการขายหุ้นจำนวน 1,000 หุ้นนั้นในวันเดียวกันนี้ ในมูลค่า 133,333.33 ดอลลาร์สหรัฐ และเธอได้แจ้งว่า ได้มีค่าใช้จ่ายจากการปรับโครงสร้างองค์กร จำนวน 57,325.45 ดอลลาร์
ดังนั้นเธอจึงควรถูกหักภาษีจากกำไรสุทธิจากการลงทุนที่ 76,007.88 ดอลลาร์ (133,333.33 – 57,325.45) เพราะค่าใช้จ่ายนี้ ตรงตามกับค่าใช้จ่ายในการ”การปรับโครงสร้างองค์กร”ที่ไม่ต้องเสียภาษีภายใต้ข้อกำหนดของสรรพากรปี 1928 มาตรา 112 และนี่คือการจัดฉากด้วยช่องโหว่ของกฎหมาย เพื่อให้ตัวเองนั้นลดภาระภาษีลง ที่ นาง Evelyn Gregory ได้คิดขึ้นมา...
เรื่องนี้ค่อนข้างสะดุดตาต่อ อธิบดีกรมสรรพากรของอเมริกาอย่าง นาย Guy T. Helvering ที่แกจับสังเกตได้ว่า ธุรกรรมในครั้งนี้ ไม่ใช่การทำขึ้นมาเพื่อปรับโครงสร้างองค์กรอะไร แต่หากเป็น การจงใจทำธุรกรรมเพื่อหวังผลในการลดหย่อนภาระภาษีจากการขายหุ้นในครั้งนั้นของ Evelyn Gregory นั่นเอง จึงได้สั่งฟ้อง นาง Evelyn Gregory ในข้อหา “จงใจเลี่ยงภาษี”
เรื่องราวในครั้งนี้ ได้ทำการต่อสู้กันในชั้นศาล ไปจนถึงศาลฏีกา ซึ่งตอนแรก ศาลชั้นต้นได้ตัดสินว่า นาง Evelyn Gregory
มีความผิดจริงโทษฐานจงใจสร้างธุรกรรมเพื่อสร้างค่าใช้จ่ายหลอกๆ มาเพื่อหวังลดภาระภาษี แต่ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้นไป ด้วยการตัดสินที่ว่า ในธุรกรรมครั้งนี้ นาง Evelyn Gregory ไม่ได้มีเจตนาที่จะคิดหลีกเลี่ยงภาษีจากธุรกรรมปรับโครงสร้างองค์กร
ก็อย่างที่เล่าครับ เรื่องราวนี้มันไปจบที่ศาลฎีกา และได้ตัดสินไว้ว่า “แม้ว่าอาจมีการปฏิบัติตามตัวอักษรของกฎหมาย แต่เจตนาของข้อกำหนดนี้ไม่ได้ต้องการให้มีการจัดระเบียบใหม่ เพียงเพื่อวัตถุประสงค์ในการหลีกเลี่ยงภาษี”
ผู้พิพากษา ได้วิเคราะห์แล้วว่า บริษัทใหม่ที่เปิดขึ้นมานี้ ไม่มีจุดประสงค์ทางธุรกิจหรือองค์กร เป็นเพียงเครื่องมือที่ได้รับการวางรูปแบบ เพื่อให้เชื่อว่าเป็นการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเป็นการอำพรางเพื่อปกปิดเจตนาที่แท้จริง การปรับโครงสร้างองค์กรจะต้องมีสาระสำคัญทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นเพียงการพยายามลดภาษี อย่างไรก็ตาม "สิทธิ์ตามกฎหมายของผู้เสียภาษีในการลดจำนวนภาษีของตนหรือหลีกเลี่ยงโดยใช้ช่องโหว่ของกฎหมายที่อนุญาต ไม่สามารถทำได้"
เพื่อคำพิพากษาเป็นเช่นนี้นาง Evelyn Gregory จึงต้องยอมรับสภาพตัวเองในความผิดครั้งนี้ และได้โดนปรับไปเป็นเงินจำนวน 10,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ
Gregory v. Helvering, 293 U.S. 465 (1935) นี้ เป็นการตัดสินคดีความครั้งสำคัญ ของศาลสูงสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายภาษีเงินได้ของสหรัฐอเมริกา จากกรณีนี้ได้ถูกนำมาเป็นแนวทางในการเรียนการสอน ถึงคำว่า “Substance over form” หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า “เนื้อหา สำคัญกว่า รูปแบบ”
คุณอาจจะชอบในรูปแบบของการนำเสนอคอนเท้นท์บางเพจ ที่ทำออกมาน่าสนใจ และเน้นเนื้อหาแค่เพียงจะอิงกระแส หรือแอบใช้ไอเดียจากคนอื่นมาเล่าเรื่องใหม่ เพื่อเรียกยอดไลค์ยอดคนติดตาม โดยที่คุณลืมคิดบ้างหรือเปล่าว่า เนื้อหาข้างใน มันเป็นอย่างไร
เนื้อหาบางอย่าง รูปแบบอาจจะดูไม่น่าสนใจ บทความยาวมากไป ไม่น่าอ่าน แต่เนื้อหาของเราสนุกมากนะ บอกก่อน 5555 ถึงแม้ชื่อเพจของเรา ยังไม่ ”ติดหู” พวกคุณก็ตามที แต่อย่างน้อย เรายังคิดไอเดียขึ้นมาเอง และตั้งใจเรียบเรียงเพื่อนำเสนอคอนเท้นให้คุณ ด้วย “ความคิดของเราเอง”
Thursday with Theory and logical
#Obsoletearticles
#Substanceoverform
โฆษณา