Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สิ่งที่ฉันกลัวคือการไม่ได้เที่ยว
•
ติดตาม
14 ก.พ. 2021 เวลา 08:35 • ท่องเที่ยว
โรงแรมที่แฝงไปด้วยกลิ่นไอของวัฒนธรรมโบราณที่สืบทอดกันมาของชาวภูเก็ตหรือที่เรียกว่า “วัฒนธรรมบาบ๋า”
“Hotel Gahn Khao Lak (โฮเทลกาล - เขาหลัก)”
ที่นี่ไม่ใช่แค่โรงแรมธรรมดา ๆ แต่ทุกส่วนถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันจากเจ้าของโรงแรมที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวบาบ๋า เกิดและโตในครอบครัวชาวบาบ๋า เพื่อถ่ายทอดวัฒนธรรมนี้ให้กับผู้ที่แวะเวียนมาพัก…
เครดิตรูปภาพจากเพจเฟสบุค : Hotel Gahn Khao Lak
“วัฒนธรรมบาบ๋า”
ในสมัยก่อนมีชาวต่างชาติเข้ามาทำการค้าที่ภูเก็ตเยอะโดยเฉพาะชาวจีนและชาวมลายู “ชาวบาบ๋า” คือชื่อเรียกของลูกผสมระหว่างชาวจีน กับ ชาวมลายู หรือ ชาวท้องถิ่น และเกิดการสร้างวัฒนธรรมขึ้นมาเองโดยนำส่วนดีของทั้งสองเชื้อชาติมารวมกัน แต่เดิมลูกผสมที่เป็นผู้หญิงจะถูกเรียกว่า “ย่าหยา” และ ลูกผสมชายเรียกว่า “บาบ๋า” แต่โดยรวมแล้วก็จะเรียกทั้งหมดว่า “ชาวบาบ๋า”
เมื่อเวลาผ่านไปวัฒนธรรมนี้ก็ได้แผ่กระจายไปถึงจังหวัดใกล้เคียงอย่างอ. ตะกั่วป่า จ.พังงาด้วย
ซึ่ง ก๋ง ของเจ้าของโรงแรมก็เป็นชาวจีนที่เดินทางมาตั้งรกรากในตะกั่วป่า ครอบครัวของเจ้าของโรงแรมก็คือ ”ชาวบาบ๋า”ในอดีตกาลนั่นเอง
Hotel Gahn Khao Lak (โฮเทลกาล - เขาหลัก)
ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา มีเจ้าของโรงแรมเป็นผู้ดูแลและคอยบอกเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมและที่มาในการออกแบบตกแต่งโรงแรมด้วยตัวเอง หลังจากที่ได้รับฟังก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจมากสำหรับเรา ทุกสิ่งในที่แห่งนี้ล้วนมีความหมาย มีที่มา และมีคุณค่ามากจริง ๆ…
เครดิตรูปภาพจากเพจเฟสบุค : Hotel Gahn Khao Lak
ชื่อโรงแรม “Hotel Gahn (โฮเทลกาล)”
คำว่า “กาล” หมายถึง กาลเวลา Concept ของโรงแรมนี้คือพาผู้ที่มาพักทุกคนย้อนกลับไปในห้วงของวัฒนธรรมบาบ๋า ซึ่งคำว่า ”กาล” ยังแฝงด้วยความหมายอีกหลายอย่าง
“กาลต้อนรับ” หมายถึง การต้อนรับที่อบอุ่นเป็นกันเองเหมือนอยู่ในบ้านของก๋ง
“กาลนอน” หมายถึง นอนสบายในบ้านของชาวบาบ๋า
“กาลกิน” หมายถึง กินแบบชาวบาบ๋า
“กาลแบ่งปัน” หมายถึง แบ่งปันเรื่องราวของชาวบาบ๋า
การออกแบบสถาปัตยกรรมของโรงแรม
ได้ถูกหยิบยกเอากลิ่นไอของวัฒนธรรมบาบ๋า และ สถาปัตกรรมโบราณของ “เมืองเก่าตะกั่วป่า” ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวบาบ๋า
ภายนอกบริเวณด้านหน้าถูกออกแบบให้เป็นลักษณะคล้าย ๆ กับ “หงอคากี่” คือซุ้มโค้งทรงเกือกม้าที่มีความกว้างประมาณ 5 ฟุต เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเรือนชาวบาบ๋า ที่เชื่อมกันตลอดแนวอาคาร ซึ่งแสดงถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โดยการสละพื้นที่หน้าบ้านให้ผู้คนที่สัญจรไปมาได้หลบแดดหลบฝน หากใครเคยไปเที่ยว “เมืองเก่าตะกั่วป่า” คงจะได้เห็นว่าบริเวณหน้าบ้านทุกหลังจะมีซุ๊มโค้ง “หงอคากี่” เชื่อมต่อตลอดทางเดิน
หงอคากี่ ที่เมืองเก่าตะกั่วป่า
เครดิตรูปภาพจากเพจเฟสบุค : Hotel Gahn Khao Lak
สำหรับภายใน ทั้งบานประตู และ หน้าต่าง ถูกออกแบบตามบ้านสมัยโบราณของเมืองเก่าตะกั่วป่า รวมถึงการตกแต่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน อ่างล้างหน้าล้วนมีลวดลายที่มีความหมาย วัสดุส่วนใหญ่เป็นไม้ และ ทองเหลือง ที่มีการใช้งานแบบสมัยใหม่แต่ถูกออกแบบให้มีดีไซน์เหมือนสมัยเก่า
ภายในห้องนอนมีอ่างอาบน้ำให้แช่น้ำอุ่นผ่อนคลายได้ ซึ่งดีไซน์ออกมาได้เข้ากันดีไม่ขัดกับห้องเลย
บริเวณลอบบี้ด้านล่าง มีตู้โชว์ไม้ที่ตกแต่งด้วยของใช้สมัยโบราณ เป็นของเก่าที่ตกทอดกันมาในครอบครัวเจ้าของโรงแรม รวมถึงมงกุฎ และ รองเท้า ที่หญิงชาวบาบ๋าใช้สวมใส่ในวันแต่งงาน ซึ่งเป็นมรดกตกทอดที่มีคุณค่าทางจิตใจมาก ๆ เลย...
ว่าด้วยเรื่องของ “กาลกิน”
เมื่อเดินผ่านโถงล้อบบี้เข้าไป จะเข้าสู่ร้านอาหาร “จุมโพ่ (Juumpo Family Recipes) เป็นร้านอาหารที่มีเมนูพื้นบ้านของชาวตะกั่วป่า ในอดีตพื้นที่ตะกั่วป่ามีการทำเหมืองจำนวนมาก ก๋งของเจ้าของโรงแรมที่เดินทางมาจากจีนก็ได้เข้ามาเป็นคนงานในเหมือง แต่เพราะมีฝีมือทำอาหารจึงได้ผันมาเป็น “จุมโพ่” ในเหมือง
“จุมโพ่” แปลว่า พ่อครัว ทุกเมนูในร้านอาหารแห่งนี้ล้วนถูกถ่ายทอดมาจากก๋ง รสชาดและเมนูจึงเป็นอาหารพื้นบ้านแบบดั้งเดิมที่หากินได้ยากแล้ว
ของที่ละรึก
โซนขายของที่ละรึกสะดุดตาด้วย "ชุดบาบ๋า" ทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย เป็นชุดที่ผสมผสานหลายเชื้อชาติเข้าด้วยกัน
โซนขายของที่ละรึก
ตัวเสื้อของผู้หญิงมีลวดลายลูกไม้ บริเวณปกเสื้อเป็นคอตั้งแขนจีบแบบจีน ตัวเสื้อเป็นแบบสั้นลอยให้ใส่แล้วสบายตัวไม่ร้อน ผ้านุ่งเป็นลวดลายปาเต๊ะ ในสมัยก่อนลวดลายบนผ้านุ่งจะต้องเพ้นท์ขึ้นมาเท่านั้น แต่ตอนนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไปก็มีขายเป็นผ้าพิมลาย แต่ยังคงไว้ซึ่งลายปาเต๊ะที่สวยงาม (จากที่ได้ฟังมายังมีคนเพ้นลายผ้านุ่งอยู่นะ และมีกลุ่มคนที่ชอบสะสมผ้าแบบนี้อยู่ด้วย ปัจจุบันผ้าเพ้นท์ปาเต๊ะจึงมีมูลค่าสูงทีเดียว) บริเวณเอวจะมีการเหน็บผ้าเช็ดหน้าที่มีลายปักสวยงามเป็นอันครบสูตรชุดบาบ๋าสำหรับผู้หญิง
ส่วนชุดบาบ๋าของผู้ชายจะเป็นเสื้อเชิ้ตทรงจีน นุ่งกับกางเกงทรงปล่อยสบาย ๆ คล้ายกางเกงขาก๊วย เป็นรูปแบบการแต่งกายเหมือนกับชาวจีนดั้งเดิม
ชุดบาบ๋า
ของที่ละรึกที่ซื้อกลับได้จาก Hotel Gahn ก็คือชุดบาบ๋า เครื่องประดับชาวบาบ๋า ผ้าซิ่นปาเต๊ะ และ ป้าเช็ดหน้าปักลาย
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราว "วัฒนธรรมบาบ๋า" บางส่วนที่ถูกถ่ายทอดผ่านโรงแรม จากคำบอกเล่าของลูกหลานชาวบาบ๋าที่มีความตั้งใจจริงในการถ่ายทอดวัฒนธรรมนี้ให้เป็นที่รู้จัก และซึมซับเหมือนดั่งได้ย้อนเวลาไปในยุคนั้นจริง ๆ...
ยังคงมีรายละเอียดอีกมากมายที่รอให้ค้นหา สำหรับเราแล้วคิดว่าต้องได้กลับไปที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองแน่ ๆ...
ท่านผู้อ่านรู้สึกอย่างไรกับวัฒนธรรมบาบ๋ากันบ้างคะ อย่าลืมเข้ามาคอมเม้นต์แชร์ความคิดเห็นกันได้นะคะ
บันทึก
2
3
2
2
3
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย