ร้านพี่เบ๊นซ์ ร้านโบในตำนาน ที่มีประวัติยาวนานกว่า 30 ปี
การตรวจเครื่องแบบนักเรียน เป็นเรื่องปกติสำหรับโรงเรียนไทย
โดยสำหรับเด็กผู้หญิง นอกจากความยาวกระโปรงและทรงผมแล้ว
อีกไอเทมหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คงจะเป็น “โบผูกผม”
ซึ่งโบที่ถูกระเบียบของแต่ละโรงเรียน จะแตกต่างกันออกไป
แต่ถ้าให้พูดถึงชื่อร้านโบผูกผมยอดฮิต มาสักหนึ่งร้าน
หนึ่งในนั้นจะต้องมี “ร้านพี่เบ๊นซ์” อยู่ในลิสต์ของใครหลายคนแน่นอน
ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโบขวัญใจของเหล่านักเรียนหญิง และอาจเป็นโบที่ถูกอาจารย์ยึดมากที่สุดด้วย
และที่น่าสนใจคือ แม้ว่าโบบางชิ้น จะมีราคาสูงถึงหลักร้อยบาท
แต่นักเรียนหญิงหลายๆ คนก็ยังนิยมซื้อกันอยู่
แล้วโบผูกผมในร้านพี่เบ๊นซ์ แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ร้านพี่เบ๊นซ์ ตั้งอยู่ที่สยามสแควร์ซอย 10 มานานกว่า 30 ปีแล้ว
ซึ่งเจ้าของร้านโบแห่งนี้ ก็มีชื่อเดียวกัน
นั่นก็คือ คุณสุรีรัตน์ เกษมรัตน์ หรือที่หลายๆ คน เรียกว่าพี่เบ๊นซ์
โดยร้านนี้ขายสินค้าประเภทอุปกรณ์ตกแต่งผม เช่น โบผูกผม กิ๊บ ที่คาดผม และยางรัดผม
แต่สินค้าขึ้นชื่อของร้านพี่เบ๊นซ์ ก็คือ “โบนักเรียน” นั่นเอง
ซึ่งร้านพี่เบนซ์ ก็ไม่ใช่ร้านโบขนาดเล็กๆ ธรรมดาทั่วไป เพราะมีถึง 3 ชั้นเลยทีเดียว
และเกือบทุกชั้น จะมีโบที่เรียงรายหลากหลายสีสัน
แต่กว่าที่คุณเบ๊นซ์จะขยายร้านได้ใหญ่โตเท่าทุกวันนี้
ร้านพี่เบ๊นซ์เคยเป็นเพียงร้านห้องเช่าเล็กๆ ในตลาดนัดจตุจักรมาก่อน
โดยตอนพี่เบ๊นซ์เปิดร้านใหม่ๆ เธอมีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น
เธอเปิดร้านโบขึ้นเพื่อเป็นงานอดิเรก และเป็นธุรกิจเสริมจากการเป็นพนักงานออฟฟิศ
และเพราะพี่เบ๊นซ์ชื่นชอบงานที่ต้องประดิษฐ์ประดอยอยู่แล้ว
โบของเธอ จึงเป็นงานแฮนด์เมดทั้งหมด มีความประณีตและเป็นเอกลักษณ์
จนขายดีกว่าร้านอื่นๆ ในท้องตลาด
เมื่องานออกแบบของเธอเป็นที่นิยม ก็ไม่แปลกที่จะมีหลายร้านเริ่มลอกเลียนแบบ
ประกอบกับการที่ร้านค้าในจตุจักร เปิดได้เพียงวันหยุดสุดสัปดาห์
สุดท้ายพี่เบ๊นซ์จึงตัดสินใจ ย้ายทำเลร้านมาอยู่ที่สยามสแควร์
และเปิดขายเครื่องประดับผมแบบเต็มตัว
เริ่มจากห้องเช่าเล็กๆ ก่อนจะขยับขยายสู่ห้องเช่าขนาด 3 ชั้น
ซึ่งจริงๆ แล้วในสมัยนั้น ร้านขายโบแฮนด์เมดก็มีอยู่เยอะมาก
แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป โบแบบสำเร็จรูปมีเยอะมากขึ้นเช่นกัน ทำให้ร้านโบเก่าแก่หลายร้านก็เริ่มทยอยปิดตัวลง
แล้วอะไรคือจุดเด่นที่ทำโบของร้านพี่เบ๊นซ์ ยังอยู่ครองใจลูกค้าได้จนถึงทุกวันนี้?
อันดับแรกคือ “มีสินค้าให้เลือกเยอะ”
นอกจากโบที่มีสีสันหลากเฉดสี ราวกับสีไม้ของเฟเบอร์-คาสเทลล์แล้ว
โบแต่ละชนิดยังมีลวดลายไม่ซ้ำกัน
แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยอย่างเนื้อสัมผัสของโบ
ก็มีให้เลือกหลากหลายตามความชอบ
และด้วย “เอกลักษณ์การผูกโบ” ที่ประณีตไม่เหมือนใคร
ก็ทำให้โบร้านพี่เบ๊นซ์ดูโดดเด่นกว่าโบสำเร็จรูปในท้องตลาด
ที่สำคัญสินค้าแต่ละชิ้น ยังทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ตามความต้องการของลูกค้า
โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ตั้งแต่สีโบ ลวดลาย ความยาว ความกว้าง ลักษณะการผูกโบ หรือแม้กระทั่งว่าจะติดเป็นยางหรือกิ๊บ
อยากได้โบกี่ชั้น พี่เบ๊นซ์ก็เนรมิตรให้ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ
หรืออยากให้พี่เบ๊นซ์เป็นคนออกแบบให้ก็ได้เช่นกัน
ซึ่งไม่ต้องกลัวเชย เพราะเธอจะหมั่นอัปเดตเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ อยู่เสมอ
อย่างสุดท้าย ก็คือ “คุณภาพ” ที่ทำให้ร้านพี่เบ๊นซ์ดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่าไว้ได้
โดยโบหลายๆ อย่างของทางร้าน จะมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ
เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น
ทำให้เนื้อสัมผัสและคุณภาพของโบร้านพี่เบ๊นซ์ แตกต่างจากร้านอื่นๆ
และแม้จะมีราคาที่สูงกว่า ลูกค้าก็ยอมจ่าย เพราะเห็นความต่างของคุณภาพชัดเจน
ที่สำคัญยังมีความทนทาน และใช้ได้นานอีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่า กลุ่มลูกค้าหลักของร้านพี่เบ๊นซ์ ก็คือ กลุ่มนักเรียน
ที่ต้องการโบผูกผมสวยๆ ไปโรงเรียนทุกวัน
แต่จริงๆ แล้วลูกค้าของร้านพี่เบ๊นซ์ หลากหลายกว่านั้น
โดยมีทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา รวมถึงคนทำงานในโรงพยาบาล หรือทำงานสายการบินด้วย
ซึ่งถ้าหากโบร้านพี่เบ๊นซ์คุณภาพไม่ดีจริง ก็คงไม่สามารถชนะใจองค์กรใหญ่ๆ
หรือมีลูกค้ากลับมาซื้อเป็นประจำได้อย่างทุกวันนี้
ใครจะไปคิดว่าเรื่องเล็กๆ อย่างโบผูกผม ที่อาจจะเป็นสินค้าที่คนอื่นมองข้าม
กลับกลายเป็นสิ่งที่สร้างตัวให้กับพี่เบ๊นซ์ จนสามารถขยายธุรกิจได้ใหญ่โต
และเป็นร้านโบในตำนาน ขวัญใจลูกค้ามากว่า 30 ปี..
อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ พี่เบ๊นซ์ได้ประกาศปิดหน้าร้านอย่างเป็นทางการแล้ว
น่าเสียดายที่เราจะไม่ได้มีโอกาสไปเดินเลือกซื้อโบที่ร้านด้วยตัวเอง
แต่ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ เรายังสามารถไปซื้อโบคุณภาพทางช่องทางออนไลน์ได้ที่เพจ “ร้านพี่เบ๊นซ์ โบว์นักเรียน” นะคะ
Reference:
-สัมภาษณ์ตรงกับคุณสุรีรัตน์ เกษมรัตน์ เจ้าของร้าน “ร้านพี่เบ๊นซ์”
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
