Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เสียบสามเหลี่ยม
•
ติดตาม
12 ก.พ. 2021 เวลา 01:00 • กีฬา
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือศูนย์หน้าตัวเป้าที่ดีที่สุดของโลกในช่วงขวบปีที่ผ่านมา
เพราะหลักฐานมันเห็นชัดเจนอยู่แล้ว ด้วยจำนวนประตู และความสำเร็จที่เจ้าตัวคว้ามาครอง
ในฤดูกาล 2019-20 ที่ผ่านมา ดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ถึง 55 ประตูจากการลงสนาม 47 นัดรวมทุกรายการ โดยเป็นผลงานในบุนเดสลีกาถึง 34 ลูก ซึ่งเป็นสถิติการทำประตูใน 1 ซีซั่นได้มากที่สุดในชีวิตของเขา
2
“เลวาน” ยังเป็นกำลังสำคัญอันดับหนึ่งในการพา บาเยิร์น มิวนิค กวาดทริปเปิ้ลแชมป์ฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปลดล็อคคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาเอง
ความพิเศษมันอยู่ตรงที่ทั้ง 3 แชมป์ใหญ่ของเสือใต้ ไม่ว่าจะเป็นบุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ชื่อของ เลวานดอฟสกี้ คือเจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทุกรายการ โดยพ่วงตำแหน่งผู้เล่นที่แอสซิสต์มากที่สุดของ UCL ซีซั่นที่แล้ว (6 ลูก) ร่วมกับ อังเคล ดิ มาเรีย ของ เปแอสเช เข้าไปด้วย
1
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่าและฟีฟ่า ได้รับการโหวตจากเพื่อนร่วมอาชีพให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของฟิฟโปร และถูกแฟนบอลโหวตให้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีจากเกม FIFA 21
1
เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา “เลวานโกลสกี้” เพิ่งช่วยให้ บาเยิร์น คว้าแชมป์สโมสรโลกที่ประเทศกาตาร์มาครอง โดยที่เจ้าตัวคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์
ส่วนสถิติล่าสุดในฤดูกาล 2020-21 เขาซัดไปถึง 29 ประตู จากการลงสนาม 28 นัดรวมทุกรายการ ถือว่ายิงได้มากกว่าจำนวนนัดที่ได้ลงสนามเสียอีก
ปัจจุบัน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อายุ 32 ปี แน่นอนว่าเขาไม่ใช่นักเตะที่เพิ่งมาดังทีหลัง แต่เจ้าตัวรักษามาตรฐานการถล่มประตูเป็นกอบเป็นกำมานานนับทศวรรษแล้ว
ตั้งแต่ฤดูกาล 2011-12 จนถึงปัจจุบัน ไม่มีซีซั่นไหนที่ เลวานดอฟสกี้ ยิงรวมทุกรายการได้น้อยกว่า 20 ประตู
และหากไปย้อนดูผลงานของเขาในช่วง 5 ซีซั่นก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยยิงรวมทุกถ้วยน้อยกว่าฤดูกาลละ 40 ลูก เป็นดาวซัลโวสูงสุดบุนเดสลีกามา 3 ปีติดต่อกัน
และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ฤดูกาล 2020-21 เขาก็น่าจะยิงได้มากที่สุดในลีกเมืองเบียร์ได้อีก เพราะตอนนี้ซัดไปแล้ว 24 ประตู ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่มีใครยิงได้แตะหลัก 20 ลูกเลยสักคน
ณ เวลานี้ เลวานดอฟสกี้ ครองสถิตินักเตะที่ยิงประตูในบุนเดสลีกามากเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ เป็นอันดับ 1 สำหรับชาวต่างชาติของลีกเยอรมัน รวมทั้งเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติโปแลนด์อีกด้วย
ขณะที่สถิติการทำประตูในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลวานดอฟสกี้ ก็ยิงได้น้อยกว่า 2 ซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ เท่านั้น บ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่ได้เก่งแค่ในบุนเดสลีกาเพียงอย่างเดียว
เคล็ดลับของสถิติการยิงถล่มทลาย ก็คือรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมลงสนามอย่างต่อเนื่อง เพราะหากไปดูจำนวนเกมที่เจ้าตัวลงสนาม แทบทุกฤดูกาลเขาจะต้องได้ลงเล่นไม่น้อยกว่า 45 นัด
บางคนอาจมองว่าการยิงประตูในลีกเยอรมันคือเรื่องง่าย แต่ความเป็นจริงก็คือ นอกเหนือจาก เลวานดอฟสกี้ แล้ว ไม่มีศูนย์หน้าคนไหนเลยที่ยืนระยะทำผลงานระดับสูงได้เท่าเขา ตลอดช่วง 10 ปีหลังสุด
ในเดือนพฤศจิกายน 2020 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไปให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์
Goal.com
เอาไว้หลังจากคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า โดยชี้ว่าความกระหายชัยชนะอยู่เสมอ คือเคล็ดลับของการทำผลงานระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง
เขาบอกว่า “ตราบใดที่คุณเล่นฟุตบอล คุณต้องหิวกระหายอยู่เสมอ การขึ้นสู่จุดสูงสุดมันเป็นเรื่องยากแล้ว แต่การคงอยู่ที่จุดสูงสุดให้ได้มันยากยิ่งกว่า”
ชาวโปแลนด์ส่วนใหญ่มักมีชื่อที่อ่านยาก ไม่ว่าจะเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งทีมชาติอย่าง วอยเชียค เชสนี่ หรือ 2 ดาวยิงคนดังทั้ง คริสตอฟซ์ ปิออนเต็ค และ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ล้วนมีชื่อหน้าที่สะกดด้วยตัวอักษรไม่เหมือนชื่อยอดฮิตของชาวยุโรปชาติอื่นๆ
แต่ คริสตอฟ เลวานดอฟสกี้ คุณพ่อบังเกิดเกล้าของหัวหอกตัวเก่งทีมเสือใต้ ตั้งชื่อลูกชายของเขาง่ายๆ ว่า “โรเบิร์ต” ด้วยเหตุผลที่ว่า มันจะเป็นชื่อที่จดจำได้ง่ายขึ้น เมื่อออกไปเล่นฟุตบอลอาชีพที่ต่างประเทศ
ครอบครัวของ เลวานดอฟสกี้ ล้วนเป็นนักกีฬา โดยคุณพ่ออย่าง คริสตอฟ คืออดีตแชมป์ยูโด และเคยเป็นนักเตะที่ค้าแข้งในดิวิชั่น 2 ของโปแลนด์ ส่วนคุณแม่อย่าง อิโวน่า ก็เป็นอดีตนักวอลเลย์บอลหญิง
แม้แต่ แอนนา เลวานดอฟสก้า ซึ่งเป็นภรรยาของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็ยังเคยเป็นอดีตนักคาราเต้ดีกรีเหรียญทองแดงในการแข่งขันชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2009
นั่นทำให้ตลอดชีวิตของ เลวาน เต็มไปด้วยความคุ้นเคยในเรื่องของการแข่งขัน และวางตัวเพื่อเป็นนักกีฬามืออาชีพโดยเฉพาะ
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ โดยเข้าร่วมสโมสรท้องถิ่นที่ชื่อ ปาร์ตีซานท์ เลสซ์โน่ ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ เอ็มเคเอส วาร์โซเวีย วอร์ซอว์ ในปีถัดมา และพัฒนาฝีเท้าที่นั่นจนกระทั่งถึงวัยรุ่น
ในปี 2005 เด็กชายโรเบิร์ตวัยเพียง 17 ปี ได้เล่นฟุตบอลให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกให้กับสโมสรระดับดิวิชั่น 4 ของโปแลนด์อย่าง เดลต้า วอร์ซอว์ ก่อนที่พรสวรรค์อันน่าจับตามอง จะทำให้เขาได้ย้ายไปร่วมทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศอย่าง ลีเกีย วอร์ซอว์ ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี
1
ช่วงเวลาที่ย้ายไปเล่นให้สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ลีเกีย วอร์ซอว์ ถือว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
คุณพ่อของเขาต้องจากโลกนี้ไปตอนที่เขาอายุยังไม่ครบ 18 ปี ขณะที่เจ้าตัวต้องเจอปัญหาบาดเจ็บที่เข่าอย่างรุนแรง จนหมดอนาคตที่จะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่
อย่างไรก็ตามในปี 2006 สโมสรเล็กๆ อย่าง ซนิช พรุสซ์คอฟ จ่ายเงินค่าตัวเพียง 1,000 ปอนด์ซื้อตัวเขามาปั้นในลีกรอง และจ่ายค่าจ้างให้แค่เดือนละ 230 ปอนด์เท่านั้น
1
ซึ่งหากเทียบกับรุ่นพี่ในทีมชุดใหญ่หลายๆ คน ถือว่าค่าเหนื่อยของ เลวาน น้อยกว่าคนอื่นประมาณ 3 เท่า
แต่รายได้ไม่ใช่ตัวตัดสินคุณค่าของคนเสมอไป เพราะในฤดูกาล 2006-07 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ฉายแววสุดยอดดาวยิงด้วยการซัดให้ พรุสซ์คอฟ ไปถึง 15 ประตูจากการลงสนามเกมลีก 27 นัด พาสโมสรเลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 3 ขึ้นสู่ดิวิชั่น 2 ได้ทันที
ซีซั่น 2007-08 เลวาน ยังฟอร์มร้อนแรงไม่หยุด เขากดไปอีก 21 ประตูจากการลงสนาม 32 นัดในดิวิชั่น 2 ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของลีกรอง และแน่นอนว่านั่นคือผลงานที่เข้าตาแมวมองของทีมใหญ่ๆ อีกครั้ง
ยาเซ็ค เกรมบอชกี้ อดีตกุนซือของ ซนิช พรุสซ์คอฟ ซึ่งเป็นคนช่วยปลุกปั้นให้ เลวานดอฟสกี้ ได้แจ้งเกิด ได้เผยกับ บีบีซี เมื่อเดือนธันวาคม 2020 โดยบอกว่า การที่ เลวาน พลาดโอกาสขึ้นทีมชุดใหญ่ให้สโมสรอย่าง ลีเกีย วอร์ซอว์ เพียงเพราะปัญหาเจ็บเข่าไม่กี่สัปดาห์ ทำให้เจ้าตัวยิ่งเพิ่มความมุ่งมั่นในการพิสูจน์ตัวเอง
แน่นอนว่าฟอร์มสุดยอดในการเล่นลีกรอง ย่อมไปเข้าตาสโมสรยักษ์ใหญ่ของโปแลนด์
ในเดือนมิถุนายน 2008 อีกหนึ่งบิ๊กทีมของประเทศอย่าง เลช พอซนัน ยอมทุ่มเงิน 1.5 ล้านเหรียญโปแลนด์ หรือราวๆ 3 แสนปอนด์ คว้าตัว เลวานดอฟสกี้ ที่อายุยังไม่ทันครบ 20 ปีไปร่วมทีม
ในฤดูกาล 2008-09 เลวานดอฟสกี้ ทำผลงานในการเล่นลีกสูงสุดปีแรกในชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง จากการยิงไปถึง 20 ประตูจากการลงสนาม 48 นัดรวมทุกรายการ ทำให้ทีมอย่าง กลาสโกว์ เซลติก ของสกอตแลนด์ โผล่มาให้ความสนใจสุดยอดกองหน้าดาวรุ่งผู้นี้
แต่ เลช พอซนัน ยังไม่รีบร้อนขายดาวยิงอนาคตไกลคนนี้ออกจากทีม ขณะที่ตัวของ เลวานดอฟสกี้ เอง ก็อยากพัฒนาฝีเท้าในการเล่นในประเทศต่อไปก่อน
ฤดูกาลที่ 2 ของเขากับ เลช พอซนัน เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดหนแรกในรอบ 17 ปีได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยซัดในลีกไป 18 ประตู พร้อมคว้าตำแหน่งดาวซัลโวได้อีกด้วย
ซึ่งผลงานสุดยอดขนาดนั้น ทำให้ในช่วงระหว่างซีซั่น 2009-10 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่คุมทีมโดย แซม อัลลาร์ไดซ์ ให้ความสนใจที่จะเซ็นสัญญากับ เลวานดอฟสกี้ อย่างจริงจัง
ฤดูกาล 2009-10 แบล็คเบิร์นมีปัญหาหนัก ในเรื่องฟอร์มการเล่นของบรรดากองหน้าที่นัดกันห่วยแตกทุกคน เพราะไม่มีใครยิงประตูในเกมลีกได้มากกว่า 5 ลูกเลยแม้แต่คนเดียว
ตัวหลักอย่าง เจสัน โรเบิร์ตส์ ยิงได้แค่ 5 ประตู, นิโกล่า คาลินิช ซัดไปแค่ 2 ลูก, ฟรังโก้ ดิ ซานโต ยิงได้แค่ลูกเดียว ส่วน จูเนียร์ ฮอยเล็ตต์ ยิงไม่ได้เลยสักประตู
1
นักเตะที่ยิงได้เยอะที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนั้น กลับเป็นกองกลางอย่าง เดวิด ดันน์ ที่ยิงได้ 9 ลูก ซึ่งหลายๆ ประตูมาจากลูกจุดโทษ
มันจึงเป็นเรื่องชัดเจนว่าพวกกองหน้าทีมกุหลาบไฟฝากความหวังไม่ได้แล้ว และนั่นทำให้ “บิ๊กแซม” อยากได้กองหน้าเก่งๆ ราคาถูกๆ ไปร่วมทีม
ในช่วงปี 2010 ทีมกุหลาบไฟมีหัวหน้าฝ่ายพิจารณานำเข้าผู้เล่นที่ชื่อว่า มาร์ติน โกลเวอร์ และด้วยความที่สโมสรไม่ได้มีงบประมาณมากนัก เขาจึงพยายามมองหากองหน้าฝีเท้าดีที่ไม่ได้เล่นใน 5 ลีกดังยุโรปเป็นหลัก
ในตอนนั้น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ วัยเพียง 21 ปี ที่มีสถิติการทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอในลีกโปแลนด์ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าลองมากๆ
โกลเวอร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าแมวมองของ เซาธ์แฮมป์ตัน เคยเผยเรื่องนี้กับ สกาย สปอร์ตส์ เมื่อเดือนตุลาคม 2019 เอาไว้ว่า เขาเคยเฝ้าจับตาดู เลวานดอฟสกี้ อยู่หลายครั้ง และฟันธงตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่านักเตะคนนี้มีโอกาสกลายเป็นดาวยิงระดับท็อปคลาสในอนาคต
“พวกเรามีดีลนี้อยู่ในใจ และผมก็เห็นพ้องกับ แซม อัลลาร์ไดซ์ ว่าเราจะเดินทางไปดูเขาเล่นให้ เลช พอซนัน ด้วยกัน”
“การพูดคุยกับประธานสโมสรของพอซนันเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เขายอมให้เราได้นั่งคุยกับโรเบิร์ตหลังจบเกม และเราได้ร่างข้อเสนอในการชวนเขามาเล่นที่โรเวอร์ส”
อย่างไรก็ตาม เลวานดอฟสกี้ ไม่ได้รู้จัก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส มากนัก ทำให้เจ้าตัวต้องการเดินทางไปดูบรรยากาศของสโมสร ไปดูสนามซ้อมและสนามแข่งที่อังกฤษเสียก่อน เพื่อเพิ่มน้ำหนักในการตัดสินใจ
ทีมกุหลาบไฟจึงวางแพลนให้เกมพรีเมียร์ลีกนัดที่จะเปิดบ้านพบ เอฟเวอร์ตัน ในวันที่ 17 เมษายน 2010 คือวันที่จะให้ เลวานดอฟสกี้ เดินทางเข้ามาชมเกมที่ อีวู้ด พาร์ค และกำหนดการต่างๆ ก็ถูกกำหนดไว้แล้วทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม มันกลับเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง จนทำให้กำหนดการที่ เลวานดอฟสกี้ จะได้เดินทางไปสัมผัสบรรยากาศสโมสรของ แบล็คเบิร์น ถูกยกเลิกอย่างกะทันหัน
นั่นคือเหตุการณ์ภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็ง “เอย์ยาฟยัลลาโยกูล” ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2010
มีรายงานว่าภูเขาไฟได้ปะทุขึ้นฟ้าสูงเป็นระยะทางถึง 8 กิโลเมตร ทำให้ฝุ่นขี้เถ้าลอยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณประเทศทางตอนเหนือของยุโรป ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับไอซ์แลนด์
กลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ได้แก่ สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์ และ นอร์เวย์ ที่ต้องยกเลิกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกทั้งหมด เพราะการจราจรทางอากาศเสี่ยงอันตรายอย่างมาก
ด้วยเหตุนั้น เลวานดอฟสกี้ จึงไม่สามารถเดินทางเข้าอังกฤษได้ไปพักใหญ่ ก่อนที่หลังจากนั้นไม่ถึง 2 เดือน เขาหันไปเซ็นสัญญากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมจากเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดที่ไอซ์แลนด์ครั้งนั้นแทน ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านยูโร
เลวานดอฟสกี้ เคยออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับกับ เดอะ ไทม์ส เมื่อปี 2017 ว่าถ้าหากในตอนนั้นเขาได้บินไปอังกฤษ บางทีชีวิตปัจจุบันอาจไม่ใช่สุดยอดดาวยิงของบุนเดสลีกาแบบทุกวันนี้
“ผมมีโอกาสที่จะย้ายไปแบล็คเบิร์น แต่ผมอยากเห็นก่อนว่าแบล็คเบิร์นเป็นยังไง ทั้งสนามซ้อม และสถานที่ที่จะได้ไปคุยกับ แซม อัลลาร์ไดซ์”
“หลังจากเจอเขาหลังจบเกมที่โปแลนด์ ผมคิดว่าเขาคือคนที่ดีคนหนึ่ง และเป็นโค้ชที่ดีมาก”
“เขาพร้อมแล้วที่จะนำนักเตะหนุ่มซึ่งเป็นสิ่งใหม่ๆ และมันอาจเป็นอะไรที่พิเศษถ้าผมไปอยู่กับเขา เขาต้องการมาที่โปแลนด์เพื่อเจอผม นั่นคือเรื่องที่ยอดเยี่ยม”
“มันมีข้อเสนอเยอะมาก ที่ผมต้องคิดตอนที่ผมจะย้ายจาก เลช พอซนัน ผมอยากรู้ว่าผมจะไปที่ไหน ผมจะได้อะไร และผมจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง”
“ผมคิดว่ามันอาจเป็นเรื่องดีถ้าผมย้ายไปที่แบล็คเบิร์น แต่ผมอยากจะเดินทางไปดูศูนย์ฝึกซ้อม ไปชมสนามก่อน และผมไม่สามารถไปได้เพราะก้อนเมฆที่โดนเถ้าภูเขาไฟบดบัง”
“มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ และไม่มีใครสามารถบินไปไหนได้ในยุโรป เที่ยวบินถูกจองไว้แล้ว แต่เราบินออกนอกประเทศไม่ได้ มันเปลี่ยนชีวิตผมเลย”
“ถ้าหากผมได้ไปที่แบล็คเบิร์น บางทีผมอาจจะอยู่ที่นั่นไปนานๆ เพราะถ้าผมได้เดินทางไปเห็นกับตา ผมจะรู้ว่าสโมสรไหนที่ดีที่สุดสำหรับผม”
“ผมไม่สามารถเดินทางไปได้ แต่ผมต้องบอกเลยว่าในตอนนั้น แบล็คเบิร์น คือตัวเลือกลำดับที่ 2 ของผม แต่ถ้าหากผมได้ไปที่นั่นและเห็นทุกๆ อย่าง พวกเขาอาจกลายเป็นตัวเลือกแรกของผมแทนก็ได้”
“ในตอนนั้น ดอร์ทมุนด์ คือตัวเลือกแรกของผม และตอนที่ผมคิดถึงทางเลือกอื่นๆ ผมไม่เคยนึกภาพแบล็คเบิร์นออกเลย ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำไมผมอยากไปดูให้เห็นกับตา แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้”
1
ในขณะที่ แซม อัลลาร์ไดซ์ ที่พลาดได้ตัว เลวานดอฟสกี้ ต้องโดนปลดออกจากตำแหน่งกุนซือของ แบล็คเบิร์น ในเดือนธันวาคม 2010 แต่ชะตาชีวิตของดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ หลังย้ายไปเล่นที่บุนเดสลีกา ถือว่าตรงกันข้าม
อันที่จริง ช่วงแรกๆ ที่ เลวาน ย้ายไปอยู่กับทีมเสือเหลืองใหม่ๆ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเป็นตัวสำรอง โดย ลูคัส บาร์ริออส คือคนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ใช้งานเป็นตัวจริงบ่อยกว่า
1
เลวานดอฟสกี้ เคยเล่าให้ฟังผ่านเว็บไซต์ The Players’ Tribune ว่า คล็อปป์ ได้เล่นจิตวิทยา เพื่อเพิ่มแรงกระตุ้นให้ศูนย์หน้าชาวโปแลนด์คนนี้ยกระดับการเล่นให้ดีขึ้นกว่าเดิม
“ตอนที่ผมเพิ่งย้ายไป ดอร์ทมุนด์ ผมแทบจะพูดเยอรมันไม่ได้สักคำ ผมรู้แค่ว่า ดังเค่อ แปลว่าขอบคุณ อากาศมันก็มีฝนฟ้าครึ้ม และการซ้อมของ คล็อปป์ มันก็หนักมากๆ”
“แต่ผมอยากเป็นที่จดจำ และ เจอร์เก้น ก็ท้าทายผม ในช่วง 2-3 เดือนแรกเราพนันกันนิดหน่อย ว่าถ้าผมยิงได้ 10 ประตูในการซ้อม เขาจะจ่ายผม 50 ยูโร แต่ถ้าผมทำไม่ได้ ผมจะจ่ายเขา 50 ยูโร”
“ช่วงสัปดาห์แรกๆ ผมแทบจะต้องเสียเงินให้เขาตลอด เขาหัวเราะใหญ่เลย แต่หลังจากผ่านไป 2-3 เดือนถือว่าเกมพลิก เพราะผมหาเงินจากทางนี้ได้เลย จนวันหนึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องบอกผมว่า “หยุด! พอแล้ว แกพร้อมเป็นตัวจริงแล้ว” ”
1
ฤดูกาลแรกของ เลวานดอฟสกี้ ที่เยอรมนี เขาคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้ทันที แต่ด้วยความที่ไม่ได้เป็นตัวจริงให้ทีมตั้งแต่แรก ทำให้นั่นคือฤดูกาลเดียวในชีวิตที่ดาวถล่มประตูคนนี้ยิงในลีกสูงสุดได้ไม่ถึง 10 ประตู
ซีซั่น 2011-12 ที่เขากลายเป็นตัวหลักของทัพเสือเหลืองเต็มตัว คราวนี้เขายิงรวมทุกถ้วยถึง 30 ลูกจนสร้างชื่อกระหึ่มยุโรป และช่วยให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ป้องกันแชมป์บุนเดสลีกาได้สำเร็จ
จากนั้นในฤดูกาล 2012-13 แม้ “เลวาน” จะไม่ได้แชมป์อะไรเลย แต่สถิติการทำประตูพุ่งขึ้นเป็น 36 ประตูรวมทุกรายการ โดยยิงไป 24 ประตูในบุนเดสลีกา
ทีเด็ดคือการพา ดอร์ทมุนด์ ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยทำผลงานน่าฮือฮาด้วยการซัดคนเดียวถึง 4 ประตู ให้ ดอร์ทมุนด์ ถล่ม เรอัล มาดริด 4-1 ในเกมเลกแรกของรอบรองชนะเลิศ แต่น่าเสียดายที่ต้องแพ้ บาเยิร์น มิวนิค ในนัดชิง
ซึ่งหลังจากนั้น เขาไม่ต่อสัญญากับ ดอร์ทมุนด์ แล้วย้ายไปเล่นให้ บาเยิร์น แบบฟรีๆ แทนในปี 2014
ซึ่งหลังจากนั้นมาก็อย่างที่ทุกคนรู้กันดี เมื่อเขาได้ย้ายไปอยู่กับทีมที่ดีที่สุดของเยอรมนี ผ่านมาแล้ว 7 ปี เขากลายเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ดีที่สุดในโลก
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้สร้างผลงานน่าฮือฮามาแล้วมากมาย ที่ไม่เคยมีกองหน้าคนไหนในบุนเดสลีกาเคยทำได้
1
เขาเคยใช้เวลาห่างกันเพียง 9 นาที ยิงคนเดียว 5 ประตู ช่วยให้ บาเยิร์น มิวนิค พลิกสถานการณ์จากตามหลัง โวล์ฟสบวร์ก 0-1 กลับมาเอาชนะไป 5-1 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2015 ซึ่งเกมนั้น เลวานดอฟสกี้ ลงเล่นเป็นตัวสำรองในครึ่งหลัง
1
เลวานดอฟสกี้ ครองสถิตินักเตะที่ทำแฮตทริกได้มากที่สุดตลอดกาลของบุนเดสลีกา เมื่อได้ลูกบอลกลับบ้านไปครองถึง 11 ครั้ง โดยเกิดขึ้นสมัยที่เล่นให้ต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง บาเยิร์น 9 ครั้งด้วยกัน
เขาคือนักเตะเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ ที่สามารถทำแฮตทริกได้ในเกม เดเอฟแอล ซูเปอร์ คัพ ช่วยให้ทีมเสือใต้ถล่ม ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต ยับเยิน 5-0 เมื่อปี 2018
ในฤดูกาล 2019-20 เขาสร้างสถิติใหม่ให้วงการฟุตบอลลีกสูงสุดเมืองเบียร์ เมื่อกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูได้ 11 นัดติดต่อกันนับตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาล
ขณะที่ผลงานในซีซั่นนี้ เขาสร้างสถิติใหม่ ด้วยการเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา ที่ใช้เวลาแค่ 5 นัดแรกยิงครบ 10 ประตู ก่อนจะสร้างสถิติใหม่ขึ้นมาอีกอย่าง ด้วยการเป็นนักเตะคนแรก ที่ยิงประตูในเกมบุนเดสลีกานัดเยือนได้ 8 เกมซ้อน
ถ้าจะมีใคร “เนิร์ฟ” ฝีเท้าหัวหอกทีมชาติโปแลนด์รายนี้ ว่าเป็นเพราะได้เล่นกับทีมที่ผูกขาดความสำเร็จในเยอรมนีอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ทำให้การยิงประตูเป็นกอบเป็นกำเป็นเรื่องง่าย…
คุณก็คงต้องตั้งคำถามกลับไปยังคนเหล่านั้นอีกที
ว่า “ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ทำไมในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกาที่ผ่านมา ถึงมีแค่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ทำแบบนี้ได้คนเดียว?”
1
#เสียบสามเหลี่ยม #เลวานดอฟสกี้ #โรเบิร์ตเลวานดอฟสกี้ #เลวาน #เสือใต้ #ดอร์ทมุนด์ #บาเยิร์น #บาเยิร์นมิวนิค #โปแลนด์ #บุนเดสลีกา #แชมเปี้ยนส์ลีก
6 บันทึก
24
5
6
24
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย