Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Ordinary Mystery
•
ติดตาม
12 ก.พ. 2021 เวลา 11:24 • ประวัติศาสตร์
ในอดีต ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในพื้นที่ห่างไกลจากผู้คนจากประเทศสวีเดน ได้กลายเป็นเหมือนกับฉากหลังของนิยายที่โด่งดัง และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหมู่บ้านแห่ง "เจ้าหญิงนิทรา" ตัวจริง
หมู่บ้านนี้ ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ทางฝั่งตะวันออกของสวีเดน ที่เรียกว่า โอ๊คโน (Oknö) เด็กหญิงอายุ 14 ปีคนหนึ่ง เธอชื่อว่าแคโรลิน่า โอลซัน (Karolina Olsson) ได้อาศัยอยู่กับครอบครัวของเธอที่นั่น
ครอบครัวของแคโรลินา ค่อนข้างที่จะเป็นครอบครัวใหญ่ โดยมีคุณพ่อ คุณแม่ และเหล่าพี่ชายน้องชายอีก 5 คน โดยบ้านนี้ประกอบอาชีพด้วยการทำฟาร์ม และตกปลาเลี้ยงชีวิต เหมือนกับครอบครัวอื่นๆ ที่อาศัยอยู่บนเกาะนั้นทั่วไป แต่มีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้ลูกสาวคนเดียวของบ้านนี้ ได้กลายเป็นเรื่องเล่าและตำนานขึ้นมา
แคโรลินา เด็กสาววัยสิบสี่ปี ต้องหลับไหลไปยาวนานกว่า 32 ปี แม้ว่าจะหลับไปยาวนานขนาดนั้น แต่ร่างกายของเธอกลับไม่เปลี่ยนแปลง และยังคงความสาวไว้ เมื่อตื่นมา เธอเหมือนกับว่าเป็นคนหลงยุคไปเลย เพราะสภาพแวดล้อม บ้านเมืองเปลี่ยนไปเยอะมาก และนี่คือเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นในอดีต "เจ้าหญิงนิทราแห่งโอ๊คโน"
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1876 ข้อมูลตรงนี้มีอยู่สองแหล่งที่อ้างว่าเป็นเรื่องจริง บ้างก็ว่าในขณะที่แคโรลินา กำลังจะกลับบ้าน เธอได้เดินผ่านทุ่งน้ำแข็งที่เป็นทางกลับบ้านของเธอ แต่น้ำแข็งดันเปราะบางเกินกว่าจะรับน้ำหนักของเด็กสาวไหว เธอจึงตกลงไปในแม่น้ำที่เย็นเฉียบ จนทำให้เกือบจมน้ำตาย แต่โชคดีที่มีคนมาช่วยให้เธอขึ้นจากน้ำได้ทันเวลา ต่อมาเธอจึงปวดฟัน แต่บางแหล่งข้อมูลก็บอกว่า เธอเดินแล้วพื้นลื่น จนทำให้ฟันของเธอบางส่วนหลุดออกมา และกลายเป็นปวดฟัน ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่สุดท้าย เธอก็ถึงบ้านอย่างปลอดภัย
2
แม้ว่าจะมีรอยขีดข่วนจากการบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ร่างกายส่วนใหญ่ของเธอก็ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไร มีเพียงอย่างเดียวที่กวนใจเธอก็คือ อาการปวดฟันที่ทวีคูณความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เธอปวดหัวอย่างรุนแรง
คุณพ่อกับคุณแม่ของแคโรลิน่าคิดว่า นี่ลูกสาวฉันอาจจะโดนคำสาปจากแม่มดก็เป็นได้ ซึ่งถ้าดูตามยุคนั้น ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ค่อนข้างรุนแรง แถมหมู่บ้านโอ๊คโนนี้ ยังอยู่อย่างสันโดด ห่างจากหมู่บ้านและพื้นที่อื่นๆ ค่อนข้างมาก จึงทำให้การรักษาไม่ได้ดีอะไรมาก นอกจากนอนหลับพักผ่อน เพื่อดูอาการว่าตื่นมาพรุ่งนี้ว่าจะดีขึ้นไหม แต่ใครจะไปรู้ว่าการนอนหลับของเธอครั้งนี้ เธอจะนอนยาวถึง 32 ปี
พ่อกับแม่ของเธอ เห็นลูกสาวหลับลึกแบบนี้ก็เกิดความกังวลใจ แต่ว่าครอบครัวนี้ก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังอะไรมาก เลยไม่มีเงินที่จะจ้างหมอมาดูอาการ ก็เลยแต่แต่ลองวิธีต่างๆ ที่อาจจะทำให้แคโรลิน่า ตื่นขึ้นมา อย่างเช่น นำไฟร้อนๆ มาจี่ผิวหนัง หรือการนำเข็มมาจิ้มร่างกายเธอ เผื่อว่าเธอจะรู้สึกและตื่นขึ้นมา จิ้มทั้งร่างกายก็ยังไม่ตื่น แม้จะพยายามจิ้มไปยังใต้เล็บของเธอ แต่ก็ไม่มีวี่แววที่เธอจะตื่นขึ้นมาเลย
ในที่สุด ทางครอบครัวก็ต้องจำใจ เรียกหมอมาดูอาการให้ลูกสาว ซึ่งในขณะนั้นเอง ทางครอบครัวของเธอต้องป้องกันไม่ให้เธอขาดสารอาหารตาย โดยแคโรลิน่า จะถูกกรอกนมสด ผสมน้ำตาลให้ดื่ม วันละสองแก้ว จนหมอก็มาถึง และวินิจฉัยว่าเธอตกอยู่ในสภาวะโคม่าผิดปกติบางอย่าง แต่ทำไมเธอถึงตกอยู่ในสภาวะนี้กันล่ะ?
ทางคุณหมอเองเมื่อเห็นกรณีคนไข้ที่แปลกประหลาดนี้ ก็พยายามหาคำตอบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยคุณหมอศึกษาเป็นเดือน เลื่อนไปเป็นปี แต่ก็ไม่มีวี่แววที่เธอจะตื่นขึ้นมาเลย จนทำให้ต้องเกณฑ์คนในวงการแพทย์จากหลากหลายที่ มาช่วยกันศึกษาและวิเคราะห์ปัญหานี้อย่างจริงจัง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้กันแน่
ในการศึกษาร่างกายของเธออยู่สักพัก ทางเหล่าคุณหมอได้สังเกตเห็นว่า เส้นผม และเล็บของเธอ ไม่ยาวขึ้นเลยในขณะที่เธออยู่ในสภาวะหลับลึกนี้ ที่น่าแปลกก็คือ น้ำหนักของเธอไม่ลง ไม่ผอมไปจากเดิม ทั้งๆ ที่เธอได้รับสารอาหารเพียงแค่นมผสมน้ำตาลวันละสองแก้ว สรุปก็คือ ร่างกายค่อนข้างสมบูรณ์มากๆ แม้ว่าจะนอนหลับมาอย่างยาวนานขนาดนั้น กล้ามเนื้อก็ไม่หดเล็กลงไป เหมือนกับว่าเธออยู่ในสภาวะจำศีล ที่ระบบเกือบทุกอย่างของร่างกายถูกหยุดไว้
16 ปี ผ่านไป เดือนกรกฏาคม ปี 1892 เธอก็ยังคงนอนหลับโดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา แต่พ่อแม่ของเธอก็ได้พาแคโรลิน่า ไปตรวจวินิจฉัยที่โรงพยาบาล Oskarshamn (ชื่ออ่านยากมาก น่าจะอ่านว่า โอสคารแชม) เหล่าแพทย์ก็พยายามที่จะปลุกเธอด้วยการกระตุ้นด้วยไฟฟ้า แต่นั่นก็ไม่มีประโยชน์เลย
เหล่าแพทย์ในยุคนั้น ต่างอับจนหนทางที่จะทำให้แคโรลิน่าตื่นขึ้นมา และวินิจฉัยว่าเธอได้รับผลกระทบทางระบบประสาทอย่างรุนแรง ศัพท์ทางการแพทย์ก็คือ "dementia paralytica" (ดีเมนเทีย พาราไลทิกา) เรียกง่ายๆ ก็คือสวาะสมองเป็นอัมพาต แต่นั่นก็เป็นเพียงการวินิจฉัย ยังไม่ได้รับการยืนยันใดๆ เพราะดูเหมือนว่าร่างกายเธอ จะไม่ได้ทรมาณอะไรเลย เป็นเหมือนคนนอนหลับปกติเท่านั้น
ทางครอบครัวก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องทำใจและหวังว่าสักวันหนึ่ง แคโรลิน่า จะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง รออยู่นานแสนนาน จนเวลาล่วงผ่านไป โลกภายนอกเปลี่ยนแปลง คนในครอบครัวก็เริ่มล้มหายตายจาก แต่เธอก็ยังคงนอนต่อไป แต่เธอเริ่มมีการคราง หรือขยับตัวบ้าง จนไปถึงการเดินละเมอ และพูดอะไรไม่รู้พึมพัมตอนนอน แต่เธอก็ยังไม่เคยเข้าสู่สภาวะตื่นเต็มตัวเลยในเวลานั้น
1
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เหมือนเธอจะตื่นขึ้นมา แล้วมีปฏิกิริยาบางอย่าง นั่นก็คือ แคโรลิน่า เริ่มร้องไห้อยู่บนเตียงของเธอในขณะกำลังนอนหลับ เพราะว่าหนึ่งในพี่น้องของเธอ ได้เสียชีวิตลงไปอีกคน ในปี 1907 และแม่ของเธอที่คอยดูแลเธอมาตลอดตอนนอน ก็เสียชีวิตลงไปอีก จนครอบครัวที่เหลืออยู่ ได้จ้างคนรับใช้มาดูแลประจำ ซึ่งคนรับใช้ก็สังเกตเห็นได้ว่า แม้จะนอนอยู่อย่างนั้น แต่ร่างกายต่างๆ กลับดูสะอาดสะอ้าน ผมของและเล็บของเธอ ก็ดูเหมือนจะไม่เคยงอกเพิ่มหรือยาวขึ้นเลย
อีกอย่างหนึ่งที่คนรับใช้สังเกตได้ก็คือ ลูกอมที่เธอพกมากินเล่น เธอวางไว้ในห้อง แต่มีบางส่วนที่มันหายไป จนทำให้สาวรับใช้คนนี้เริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง หรือว่าแคโรลิน่าจะตื่นแล้ว? ครอบครัวก็เลยพยายามปลุกเธออีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ อีกอย่างหนึ่งก็คือ ดูเหมือนว่าเธอ จะไม่แก่ไปตามเวลาสักเท่าไหร่ แม้ว่าเวลาจริงจะผ่านไปหลายสิบปี อายุจริงของเธอก็ราวๆ 30-40 แต่ใบหน้า ผิวพรรณ กลับดูเหมือนหญิงสาวอายุ 20 จนเมื่อเวลาผ่านไปถึง 32 ปี กับอีก 42 วัน จู่ๆ แคโรลิน่าก็ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลอย่างยาวนานนี้
แคโรลิน่า โอลซัน ตื่นขึ้นมาในวันที่ 3 เมษายน ปี 1908 หรือ 32 ปี 42 วัน นับตั้งแต่วันที่เธอนอนหลับลงไป จู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมาโดยไม่มีสัญญาณบ่งบอกใดๆ ก่อนเลย เธอลุกขึ้นมานั่งบนเตียง และเริ่มร้องไห้ ซึ่งคนรับใช้ที่ชินกับการดูแลเธอคิดว่า นี่คงเป็นเพียงแค่การนอนละเมอตามปกติเท่านั้น แต่เปล่าเลย เธอตื่นขึ้นมาจริงๆ และมองไปรอบๆ ตัวเธอ งุนงงกับทุกสิ่งอย่าง เมื่อคนในครอบครัวทราบข่าวดีก็เข้ามาหาเธอในห้อง แต่เวลาผ่านไปนาน จากพี่ชายน้องชายตัวเล็กๆ ก็กลายเป็นคุณลุง จนทำให้เธอจำคนในครอบครัวแทบไม่ได้ ทำให้แคโรลิน่าตกอยู่ในสภาวะตกใจ และหวาดกลัว แต่ไม่นานนักเธอก็เริ่มปรับตัวได้
ในช่วงแรกของการตื่น เหมือนเธอจะแพ้แสงแดดอย่างรุนแรง และมีปัญหากับการพูดออกเสียง แต่ในที่สุด ด้วยการค่อยๆ รักษา เธอก็กลับมาพูดได้จนเป็นปกติ แต่ในช่วงที่เธอหลับลึกยาวนาน พอตื่นขึ้นมาเธอบอกว่า จำอะไรที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นไม่ได้เลย แต่จำความฝันบางอย่าง ที่มีทั้งดีและร้ายได้
เมื่อข่าวการตื่นขึ้นของแคโรลิน่าถึงหูของแพทย์ พวกเขาก็ได้มาตรวจร่างกายเธอแล้วก็พบกับความน่าตกตะลึงที่ว่า ร่างกายของเธอ แทบไม่มีผลข้างเคียงจากการนอนหลับเป็นเวลานานกว่า 30 ปีเลย ณ เวลานั้นเธออายุ 46 ปี แต่ร่างกายและใบหน้าเหมือนกับหญิงสาวอายุ 20 ต้นๆ และผลการตรวจระบบสมอง ระบบประสาทของเธอก็เป็นปกติมากๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย นอกจากการปรับตัวกับโลกภายนอกที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ในขณะที่เธอหลับอยู่
เรื่องราวนี้โด่งดังมากในสวีเดนจนได้ลงข่าว ผู้คนต่างขนานนามเธอว่า "Soverskan på Oknö" (โซเวอสกาน พา โอ๊คโน) เจ้าหญิงนิทราแห่งโอ๊คโน และตัวแคโรลิน่าเองก็มีชื่อเสียงขึ้นมา มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง จู่ๆ ก็นอนหลับเป็นเวลากว่าสามสิบปี แต่ตื่นขึ้นมาก็ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย? แถมในช่วงเวลาที่เธอนอนนั้น เธอใช้ชีวิตอยู่ด้วยนมผสมน้ำตาล สองแก้วต่อวันเท่านั้นเอง? มันเลยมีข้อสงสัยและทฤษฏีต่างๆ ตามมา
บ้างก็ว่า มันเป็นเพียงอุบาย ที่ครอบครัวนี้หวงลูกสาว และขังไว้ไม่ให้ออกไปไหน นายแพทย์ Frödeström (โฟรเดอสตอม) ได้ให้ความเห็นว่าที่เธอหลับนี้ น่าจะเป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่ง ไม่ใช่สภาวะจำศีลของร่างกาย แต่ก็ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมเธอถึงดูอ่อนกว่าวัย และแคโรลิน่า โอลซัน ก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนเสียชีวิตลงเมื่ออายุได้ 88 ปี ในปี 1950
เหตุการณ์จริงในอดีตที่เคยเกิดขึ้นนี้ ก็ได้แต่ทำให้เราสงสัยและตั้งคำถามกับมัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ กันแน่ และที่น่าสนใจก็คือ ในยุคปัจจุบัน ก็ได้มีกรณีคล้ายๆ กันนี้ เกิดขึ้นหลายเคสเหมือนกัน เช่น ในปี 2012 สาวน้อยวัย 15 ปี ชาวอังกฤษที่ชื่อว่า สเตซี่ คอมเมอฟอร์ด (Stacey Comerford) ที่หลับลึกไปกว่าสองเดือน ซึ่งอาการของเธอถูกวินิจฉัยว่าเป็น ไคลน์-เลวิน ซินโดรม (Klein-Levin Syndrome) หรือโรคเจ้าหญิงนิทรานั่นเอง
แต่นั่นก็ยังไม่ได้ใกล้เคียงกับเรื่องของแคโรลิน่า ที่ปัจจุบันก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า ทำไมร่างกายเธอถึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการนอนหลับหลายสิบปีนี้เลย สุดท้ายมันก็กลายเป็นอีกปริศนาหนึ่ง ที่เราได้แต่หวังว่าสักวัน จะหาคำตอบที่แท้จริงเกี่ยวกับมันขึ้นมาได้จริงๆ
ขอขอบคุณบอสทุกคนที่โดเนทมาให้นะครับ ขอบคุณมากจริงๆ ♥
ชอบเรื่องราวแบบนี้กันไหมครับ ถ้าชอบล่ะก็ อย่าลืมสนับสนุนได้ง่ายๆ ด้วยการกด Like กด Share และกดติดตามเพจไว้ด้วย
พบกับเรื่องราวลึกลับจากทั่วโลก คดีแปลกๆ ปริศนาชวนขนหัวลุกที่ไม่ได้รับการไข และอื่นๆ อีกมากมายได้ที่เพจ Ordinary Mystery ปริศนาธรรมดาๆ ในโลกที่ไม่ธรรมดา
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด
สามารถสนับสนุนผู้เขียนเป็นค่าข้าวได้ที่
พร้อมเพย์ - True Money
0972217753
เลขบัญชี 328-2-96012-3
ธนาคารทหารไทย TMB
อนิรุทธ์ เสริมสุข Anirut Sermsuk
ขอขอบคุณทุกการสนับสนุน
ถ้าหากข้อมูลผิดพลาดตรงไหน เรียบเรียงไม่ดียังไง มีคำผิดตรงไหน
คอมเมนต์ติชมได้ และจะน้อมรับไปปรับปรุงนะครับ
6 บันทึก
1
1
3
6
1
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย