6 มี.ค. 2021 เวลา 05:49 • ท่องเที่ยว
เปิดประสบการณ์แปลกใหม่ ที่โอมานนนนน!
ไปสัมผัสโอเอซิส หรือแหล่งน้ำกลางทะเลทรายของจริง
ไม่อิงหนังสือภูมิศาสตร์ที่เรียนตอน ม.ปลาย แล้วค่า...
1
สืบเนื่องจากโพสที่แล้วเกริ่นไปว่า
การไปเที่ยวในเวอร์ชั่นของเราเอง
ไม่ต้องตามรอย Blogger แบบเป๊ะๆ ก็สนุกดีเหมือนกันนะ
และหนึ่งทริปที่เราไปในเวอร์ชั่นของเราเองก็คือ
ประเทศโอมาน หรือชื่ออย่างเป็นทางการ “รัฐสุลต่านโอมาน”
เอาล่ะๆ เรื่องมีอยู่ว่าเราเกิดความกระหายอยากลอง
ไปเที่ยวประเทศแถบตะวันออกกลาง
ก็ลิสต์รายชื่อออกมาในใจ
ตอนนั้นก็มีดูไบ แต่รู้สึกว่าน่าจะแพง
อียิปต์ จอร์แดน ก็เหมือนต้องใช้เวลาไป น้อยๆก็ 7 วัน
ซึ่ง... ลางานทั้งอาทิตย์ไม่ได้จ้าาา ชีวิตมนุษย์เงินเดือนอะเนอะ
โอมาน ได้ยินมาว่าถูก สวย ไปสัก 5 วันก็เก็บที่หลักๆครบ
ก็เลยอะ! โป๊ะเชะ! ที่นี่แหละ ถูกและดี ลางานไปได้
หลังจากนั้นเราก็เริ่มหาข้อมูล ดูตั๋วเครื่องบิน ทำแพลน
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก คือ "จะไปโอมานต้องทำวีซ่า"
มี 2 วิธีค่ะ วิธีแรกเข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ของเค้า
จ่ายเงิน ตอนเราไปเราจ่าย 500 ค่ะ
(แต่ลองอัพเดทค่าวีซ่าอันอีกทีน้า ได้ข่าวว่ามีปรับ)
วิธีที่สอง...คือไปทำตอนที่ถึงโอมานเลย
หรือที่เค้าเรียกว่า Visa On Arrival
แต่ด้วยความที่เราอยากไปเที่ยวเร็วๆ
เลยเลือกที่จะเตรียมไปก่อน
เกร็ดความรู้ก่อนไป "รัฐสุลต่านโอมาน"
ภูมิประเทศส่วนมากเป็นทะเลทรายกว่า 80%
รองลงมาคือเทือกเขา และที่ราบชายฝั่งทะเล
ผู้หญิงที่จะไปเที่ยว ควรแต่งกายสุภาพมิดชิด
เพราะคนโอมานเกือบทั้งประเทศ เค้านับถือศาสนาอิสลาม
อาหารเที่ยงที่นี่เริ่มทานกันประมาณ 14.00 น.
ใครเป็นโรคกระเพาะ ต้องเตรียมตัวส่วนนี้ไปด้วยน้า
ค่าเงินคือ โอมานเรียล (OMR) โดยปัจจุบัน 1 OMR
คิดเป็นประมาณ 77 บาท แต่เราไป 2 ปีที่แล้ว 90 บาทจ้า
โอเค... พอเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ออกเดินทางได้!
1
เราออกเดินทางด้วยสายการบินไทย รักคุณเท่าฟ้า
เครื่องออก 10 โมง ถึงโอมานบ่ายโมง
ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมงค่ะ
และที่โอมานเวลาช้ากว่าไทย 3 ชั่วโมงนะ
ภาพถ่ายจากบนเครื่อง เป็นภูมิศาสตร์ที่แปลกตามากจริงๆ
หลังจากเครื่อง Landed แล้วก็ Welcome to Oman
มาเหยียบตะวันออกกลางแล้ว! ทะเลทรายจ๋าาาา
เรารีบพุ่งตัวไปยัง ตม. ตรวจเอกสารเข้าเมือง
เราเดินเข้าไปยื่นเอกสารตามปกติเลย
เค้าก็มองหน้าเรากับรูปใน Passport
สลับไปมาสักพัก แล้วถามว่า...
Officer: Are you from Thailand?
JJ: Yes, I am.
Officer: สวัสดีครับบบ ขอบคุณครับบบ เร็วๆๆๆ
JJ: (เราก็เร็วๆอิหยังวะ... แต่ก็ตอบกลับไป) ขอบคุณค่าาา
และแล้วก็มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น!
สมาชิกผู้หญิงในทริปเราอีก 2 คนไม่ผ่านด่านตรวจ
รวมถึงหญิงไทยใจงามคนอื่น ที่มาในไฟลท์เดียวกัน
นี่ก็ยืนเอ๋อไปเลยค่ะ เอาไงดีวะ แต่ไหนๆ ตูเข้ามาได้แล้ว
จะไม่ยอมโดนส่งกลับประเทศเด็ดขาด!
เพื่อนจะไม่ได้เข้าก็...เรื่องของมันละ ทำไรไม่ได้
แต่ตูต้องได้เที่ยว (เรายังมีสมาชิกร่วมเดินทางอีก 3 คน
เป็นผู้ชายที่ผ่านด่านมาได้นะคะ ซึ่งหมายความว่า
เราเป็นผู้หญิงไทยคนเดียวของไฟลท์นี้ ที่รอดมาได้)
เรารีบสาวเท้ายาวๆ ออกมาจากตรงนั้น
เพราะกลัวเจ้าหน้าที่เค้าเปลี่ยนใจเรียกเรากลับเข้าไป
ตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไง ติดต่อเพื่อนก็ไม่ได้
ต่อ Wifi ในสนามบินก็ไม่ได้ ได้แต่ยืนรอๆๆ
กับเพื่อนที่เหลือ ผ่านไป 30 นาที เพื่อนผู้หญิงก็ออกมาค่ะ
เย้!! นึกว่าต้องส่งเพื่อนกลับประเทศซะแล้วววว
เพื่อนเล่าว่าเค้าเอาเข้าไปนั่งในห้องแยก
ตรวจเอกสารละเอียดยิบ ถามคำถามเพิ่มเติม
มากับใคร มาทำอะไร พักที่ไหน บลาๆๆ
ซึ่งเราก็สันนิษฐานกันเอาเองว่า
อาจจะเกิดจากที่มีหญิงไทยบางกลุ่ม
บินมาที่โอมานเพื่อทำอาชีพค้าประเวณี
เค้าก็เลยมาตรวจเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านั้น
ในเมื่อหลุดออกมาได้ทุกคนแล้ว
ต่อไป ซื้อซิมมือถือของ Omantel
เลือก Packages ตามที่ชอบได้เลย เราอ่านรีวิวมาแล้วว่า
เจ้านี้สัญญาณดีไม่มีสะดุด ยกเว้นตอนเข้าทะเลทราย
ต่อด้วยรับรถเช่าของ Budget
ราคาย่อมเยาว์ แต่รอนานมากกกก...
คนจองเยอะหรอ ป่าวเลย!
แต่พี่แกช้ามากกกกก ชิวมากกกกก
คุยเล่น กินขนม กว่าจะได้รถค่ะ เสียเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง
อ้อ! ลืมบอกว่าที่นี่ขับรถเช่าเที่ยวเองสะดวกที่สุดแล้ว
เตรียม International driving license กันมาด้วยน้าาา
และที่นี่เป็นรถพวงมาลัยด้านซ้าย เวลาขับขับชิดขวา
ทำตรงข้ามกับบ้านเราทุกอย่างเลย
เบ็ดเสร็จกว่าจะออกมาจากสนามบินได้ก็บ่ายสาม
หิวมากกกก หิวที่สุด เพราะถ้าเทียบเวลาที่ไทยคือ
ได้เวลาอาหารเย็น พอดิบพอดี
เพราะฉะนั้น ต้องหาของกินแล้วค่ะ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง! เราเลือกร้านอาหารง่ายๆ
เหมือนเป็น Fast-food chain ชื่อ German Doner Kebab
รูปบนคือวิวฝั่งตรงข้ามร้าน ที่เป็นบ้านพักสีขาวi ส่วนรูปล่างคือเคบับเนื้อ ที่เราสั่งมาทานคู่กับเฟรนช์ฟราย และน้ำโค้ก
อิ่มท้องแล้วก็ไม่รอช้า รีบไปเที่ยวต่อกันดีกว่า
จะบอกว่าเป็นประเทศที่ถนนดี ไม่ขรุขระ ไม่มีหลุมบ่อ
แถมสะอาดดดด สะอาดมาก ไม่เห็นขยะตามถนนเลย
โดยจุดหมายของเราในช่วงเย็นนี้คือ Old Muscat
เป็นย่านเมืองเก่า ของเมืองหลวงหรือกรุงมัสกัตนั่นเอง
ซึ่งในบริเวณนั้นเนี่ย ก็จะมีทั้งพระราชวัง
สถานที่ราชการ กระทรวงต่างๆไรงี้
คล้ายกับเขตพระนคร ของกรุงเทพบ้านเราค่ะ
และใกล้ๆกันก็ยังมีตลาดชื่อว่า Mutrah Souq
(Souq ในภาษาอาหรับแปลว่า ตลาดนะคะ)
ข้างในก็จะขายพวกชุดพื้นเมือง หมวก ผ้าไหม
เครื่องหอม รวมถึงเครื่องประดับตกแต่ง
วันที่เราไปคนเยอะมากกกก ที่จอดรถก็แอบหายาก
แล้วเดินเข้าไปแรกๆก็หอมกลิ่นกำยานดี
หลังๆเริ่มเวียนหัว บวกกับคนเยอะ
สรุปแล้วไม่ได้อะไรกลับออกมาเลย 5555555
ตอนลงไปตลาด ลืมถ่ายรูปเก็บไว้
มัวแต่ตื่นตา ตื่นใจอยู่
เลยมีแต่รูปพระราชวังมาฝากนะคะ
ภาพแรกคือพระราชวัง Al Alam แต่ว่าไม่ได้มีการเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมแต่อย่างใด ส่วนภาพที่เหลือก็คือบริเวณรอบๆ ของพระราชวังนะคะ
จบจากตรงนี้เรากลับไปพักโรงแรมที่จองไว้
และอิ่มท้องก่อนนอนด้วย ไก่ทอด Texas
ร้านข้างโรงแรมค่ะ มาถึงวันแรกค่อนข้างเหนื่อย
และอาจจะยังไม่ชินกับเวลาที่ช้ากว่าเมืองไทย
เพราะมันเหมือนจำนวนชั่วโมงที่เราใช้ชีวิตในวันนี้
มันเยอะกว่าปกติ ส่วนพรุ่งนี้เราจะเริ่มออกเดินทาง
ไปต่างจังหวัดของโอมาน เพื่อไปดูโอเอซิสกันๆๆ
1
Day 2: Muscat - Sur
แพลนของวันนี้คือ... ออกเดินทางไปเมือง Sur (ซูร์)
ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลของโอมานกันค่ะ
แต่ในช่วงเช้าเราแวะเข้าไปชมมัสยิด
ที่ใหญ่ที่สุดในโอมานกันก่อน
ชื่อว่า Sultan Qaboos Grand Mosque
ที่นี่จะมีการตรวจเครื่องแต่งกายก่อนเข้าด้วย!
ใครแต่งตัวมาไม่เรียบร้อย
ด้านหน้าเค้ามีชุดพื้นเมืองให้เช่าใส่เข้าไป
หรือใครอยากจะมาเช่าใส่ เพื่อความสวยงาม
ไว้ถ่ายรูปเล่นก็ย่อมได้ ส่วนราคาขึ้นอยู่กับแบบของชุด
พิเศษเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลายยยย
คุณต้องคลุมผมด้วยนะค้าาาา
บรรยากาศโดยรอบของมัสยิด
ผ่านประตูเข้าไป ด้านในจะมีไฮไลท์เป็น chandelier ที่พึ่งตกอันดับมาเป็นใหญ่ที่สองของโลกอยู่ (ถูกเพื่อนบ้านมาล้มแชมป์ไปหมาดๆ)
โอเค... หลังจากเที่ยวชมความอลังการณ์งานสร้าง
ของมัสยิดหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุดไปแล้ว
เราจะมุ่งหน้าออกจากตัวเมืองไปหาธรรมชาติกัน
ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง
จะถึง Stop ที่ 2 ของเราในวันนี้
และเราจะหาอาหารเที่ยงกินกันแบบตามมีตามเกิด!
ก็คือมีอะไร ก็อันนั้นแหละค่ะ ถ้าไม่มีก็เสบียงบนรถ
กินรองท้องกันไปก่อน เพราะซื้อมาเยอะม๊ากกก
บอกเลยว่าพอขับออกไปนอกเมืองแล้ว
หาของกินยากจริงๆๆๆ ตลอดทางไม่มีอะไรเลย
นอกจากวิวที่สวยมากกกกก เหมือนหลุดมาคนละโลก
ทำให้ลืมหิวไปได้นิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยังโชคดี
เจอร้านอาหารในปั๊มค่ะ พวกเราแวะเติมน้ำมัน
แล้วเดินเข้าไปสอดส่องในร้านเล็กๆ
มีไม่กี่โต๊ะ มีตู้แช่น้ำอัดลมขายอีกตู้
แต่ว่ามีคนนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่หนึ่งโต๊ะถ้วน
ด้วยความหิวก็เลย เอาวะ... ลองดู!!
โชคดีที่เมนูอาหารมีรูปด้วย และพี่เจ้าของร้านก็ใจดี
พยายามอธิบายว่าอะไรเป็นอะไร
แถมยังเอาของสดมาให้ดูอีก
ทั้งเนื้อไก่ วัว ปลา ขนออกมาหมด
ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกค่ะ ว่าพี่แกเอาให้ดูทำไม
จะบอกว่ามีของหรอ หรือจะบอกว่าของสดใหม่จากตลาดนะ
ยังไงก็แล้วแต่... ตัดสินกันตอนกิน
โอ้โห!! กินแล้วอร่อยมาก!! เราชอบมาก กินง่าย อาหารมีกลิ่นเครื่องเทศนิดๆ หอมดีค่ะ
จากนั้นเราเดินทางไปอีกสักพักก็ถึงแล้วค่ะ
Bimmah Sinkhole (บิมมาร์ ซิงค์โฮล)
จุดนี้เป็นหลุมน้ำธรรมชาติที่เกิดจากการทรุดตัว
ของแผ่นดิน แต่ว่าคนโอมานสมัยก่อนเค้าก็เชื่อว่า
เกิดจากอุกกาบาตตกใส่ไรงี้ ส่วนไฮไลท์
ของเจ้าบิมมาร์ ซิงค์โฮล ก็คือ สีน้ำสีเขียวมรกตสวยมาก
ใสมาก สีเหมือนทะเลบ้านเราเลยยยย...
และเค้าเปิดให้ลงไปเล่นน้ำ โดดน้ำกันได้ด้วยนะคะ
ใครอยากเล่นก็เตรียมชุดเผื่อเปียกไปด้วยเล้ย!!
Bimmah Sinkhole
สำหรับทุกท่านที่รักกิจกรรมทางน้ำแบบนี้
ขอแนะนำตรงนี้เลยว่า อย่าเล่นน้ำตรงนี้จนเพลิน !!
เพราะเรามีอีกทีที่เป็นโอเอซิสเหมือนกัน
และจุดนั้นต้องใช้งานร่างกายหนักกว่า
Adventure กว่าหลายเท่าตัวค่ะ !
Wadi Shab คือจุดหมายต่อไปของเรา
ที่นี่คือโอเอซิสที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่งของโอมาน
และมีการเดินทางที่ค่อนข้างจะ... ลำบาก
สำหรับเรา ฮ่าๆๆ เพราะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชม.
ในการเดินไป-กลับ ไม่รวมเล่นน้ำนะคะ
แล้วก็จะต้องนั่งเรือเข้าไปก่อนด้วย แล้วค่อยเริ่มเดิน
เราจะเดินเรียบโขดหินผากันไปอีกราว 50 นาที
ก็จะถึงจุดเล่นน้ำ แต่เส้นทางภายใน Wadi shab
ไม่ได้จบแค่นี้ เรายังสามารถว่ายน้ำลึกลงไปอีก
แล้วมุดถ้ำไปเจอน้ำตกในถ้ำได้ด้วย ! สุดยอดไปเลย
แต่มันเหมาะกับคนที่ว่ายน้ำแข็งเท่านั้นนะ
เพราะน้ำค่อนข้างลึก มืด และไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูนะค้าาา
ทางทีดีพกเสื้อชูชีพไปด้วยเผื่อความสบายใจ
Wadi Shab
ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าใครมีเวลาไม่มาก
จะข้าม Wadi Shab ไปก็ได้นะคะ ถึงแม้มันจะสวยก็จริง
แต่มันใช้เวลาค่อนข้างนานเลย รวมเดิน รวมเล่นน้ำงี้
มีครึ่งวันแน่ๆ และเราก็ยังมีอีกที่ที่ภูมิใจนำเสนอม๊ากกกก
เดินง่าย ชิว สวยไม่แพ้กัน เล่นน้ำได้เหมือนกันด้วย
ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปต่อพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้นั้น...
เหนื่อยไม่ไหวแล้วค่าาา
หลังเคลื่อนตัวออกมาจาก Wadi Shab
ด้วยความเหนื่อยและหมดสภาพเอามากๆ
แต่เรายังต้องขับรถไปอีกประมาณ 1.30 ชม.
เพื่อเข้าที่พักในเมือง Sur (ซูร์) โชคดีที่ข้างๆโรงแรม
มีร้านอาหารอยู่ มื้อเย็นพวกเราก็เลยฝากท้องที่นั่นกันซะเลย
ราคาคาไม่แรงเลยค่ะ เริ่มต้นจานละ 100-400 บาท
ให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว เราสั่งมา 6 คน 6 อย่าง
สรุปกินเหลือจ้าาา
อร่อยอีกแล้วววว มาโอมานก็คือกินอร่อยทุกมื้อเลยค่ะ
Day 3: Sur - Wahiba sand (Desert Camp)
เช้าวันที่ 3 ก่อนจะเริ่มต้นความสนุกสนานของวันนี้
อยากจะขออวดวิวจากห้องนอน
และวิวจากห้องอาหารของโรงแรมก่อน
เพราะว่ามันสุดยอดมากๆจริง แบบว่า stunning ไปเลย!
เราพักโรงแรมชื่อ Al Ayjah Plaza
อันนี้เป็นวิวจากภายในโรงแรมทั้งหมดนะคะ
ส่วนนี่คือด้านหลังโรงแรม เดินอ้อมภูเขาขึ้นไป ถามทางกับ staff ของโรงแรมได้เลย เส้นทางไม่ถึงกับชันมาก เดินประมาณ 10 นาที แต่ก็ต้องมีสติเวลาเดินพอสมควร ฮ่าๆๆ แต่แลกกับวิวที่ได้แล้ว! ให้ท่านผู้อ่านเป็นคนตัดสินค่าาา...
เมื่อกินลมชมวิวจนพอใจ ได้รูปเป็นพันกลับเมืองไทย
เราก็จะออกเดินทางไปยังอีกหนึ่งโอเอซิสกัน
ที่เราคิดว่าสวยที่สุดในทริปนี้แล้ว ชื่อว่า Wadi Bani Khalid
เทียบกับเมื่อวาน เดินง่ายผิดกันคนละเรื่อง
ให้ฟีลเหมือนไปสวนน้ำเลยจ้า มีที่ให้กินข้าว
กินเสร็จจะโดดลงน้ำ ถ้าหิวก็กลับขึ้นมานั่งกินใหม่
กินได้เรื่อยๆ เพราะเป็นบุฟเฟ่ต์ เยี่ยมไปเล้ยยยยย!
เป็นอีกที่ที่ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกอื่นเลยค่ะ มันคือประสบการณ์ที่ดีมากจริงๆ เมื่อเราได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่โคตรสวยๆๆๆ แล้วมันอยู่ตรงหน้าแล้วอ่ะ เราสัมผัสมันได้ ไม่เหมือนตอนเป็นเด็กที่ทำได้แค่มองผ่านภาพในหนังสือเรียนภูมิศาตร์ของเราเท่านั้น
เอาล่ะ...พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันนานพอสมควร
ได้เวลาไปต่อแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าตื่นเต้นรอเราอยู่อีก!
จุดหมายปลายทางต่อไปก็คือทะเลทรายวาฮิบา
คืนนี้เราจะไปนอนกลางทะเลทรายกันค่ะ
โดยเราต้องขับรถไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง
ซึ่งจะเป็นการขับเข้าทะเลทรายด้วยตนเอง
และความพีคก็ยังเกิดขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน
เมื่อพวกเราหลงกลางทะเลทราย สัญญาณเน็ตก็ตายไปแล้ว
ขากลับออกจากทะเลทราย ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก
ซึ่งคิดว่าถ้าเขียนเล่าเรื่องทริปโอมานของเรา
จบในโพสเดียว มันจะต้องเป็นโพสที่ยาวววววว มากๆๆแน่ๆๆ
เราจะขอมาต่อเรื่องความพีคกลางทะเลทราย
ในโพสต่อไปนะคะ หรือถ้าใครคิดว่า เห้ย ไม่ยาวหรอก
เอาให้จบในโพสเดียวไปเลย รบกวนช่วยบอกเราหน่อยน้าาา จะได้แก้ตัวในทริปเที่ยวอื่นๆ แล้วก็ใครที่ชอบ
ก็มาติดตามกันได้นะคะ เดี๋ยวจะรีบปั่นๆๆๆ
ตอนที่ 2 ของทริปโอมานเลย คือมันพีคจริงๆ
เรื่องมันยาวและมันก็เป็นอุทาหรณ์
ให้นักท่องเที่ยวคนอื่นได้ดีสุดๆไปเล้ยยย
โฆษณา