Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Histofun Deluxe
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
16 ก.พ. 2021 เวลา 12:55 • ประวัติศาสตร์
• Darwin and Lamarck | Battle of Evolution
1
ดาร์วินและลามาร์ก | ศึกแห่งวิวัฒนาการ
1
... มนุษย์เรามาจากไหน?
... สิ่งมีชีวิตรอบ ๆ ตัวเรา มาจากอะไร?
คำถามเหล่านี้ คือสิ่งที่มนุษย์อย่างเรา ๆ พึงสงสัยมาเป็นเวลาช้านาน คำถามที่ดูเหมือนจะง่าย แต่ยากต่อการหาคำตอบนี้ คือหนึ่งในปริศนาที่เร้นลับมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ก่อนหน้าที่องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์จะถือขึ้นมา มนุษย์ทุกคนล้วนมีความเชื่อในเรื่องของสิ่งที่มองไม่เห็น เรื่องของวิญญาณ และเรื่องของศาสนา
มนุษย์ในยุคแรก ๆ จึงอาศัยความเชื่อดังกล่าว ในการใช้อธิบายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาไม่รู้
"โลก มนุษย์ และทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมาจากการสรรสร้างของพระเจ้า" นี่คือความจริงที่มนุษย์พึงเชื่อมาเป็นเวลายาวนานกว่าหลายพันปี
1
ตราบจนกระทั่งถึงช่วงศตวรรษที่ 16 การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ (Scientific Revolution) ที่เกิดขึ้นภายในทวีปยุโรป ได้ส่งผลให้ผู้คนเริ่มตั้งคำถามต่อสิ่งต่าง ๆ ที่พบเห็นในธรรมชาติ โดยการใช้หลักของเหตุผลและตรรกะ
ด้วยองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ก็ได้ทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจ (เกือบ) ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติได้ ซึ่งก็รวมไปถึงเรื่องราวของความเป็นมาเป็นไปของมนุษย์และสิ่งมีชีวิต
ซึ่งองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ที่ใช้ในการอธิบายถึงที่มาที่ไปของสิ่งมีชีวิต ก็คือองค์ความรู้ที่เรียกว่า
"วิวัฒนาการ " (Evolution)
วิวัฒนาการในความหมายของเชิงวิทยาศาสตร์มีความหมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับลักษณะทางพันธุกรรมในประชากรสิ่งมีชีวิต จากบรรพบุรุษที่สืบทอดมาเป็นเวลายาวนานและไม่มีที่สิ้นสุด
หรือพูดแบบง่าย ๆ ก็คือ วิวัฒนาการคือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ในยุคของบรรพบุรุษ ที่สืบทอดยาวนานและไม่มีจุดสิ้นสุด
ดังนั้นการศึกษาในเรื่องราวของวิวัฒนาการ ก็คือสิ่งที่สามารถทำให้มนุษย์สามารถย้อนกลับไปเข้าใจ ถึงจุดกำเนิดของสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลก (รวมถึงตัวของมนุษย์เอง) ได้
โดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของวิวัฒนาการนั้น ก็มีอยู่มากมายหลายคนด้วยกัน
แต่หากต้องนึกถึงจริง ๆ ชื่อของนักวิทยาศาสตร์ทั้งสองคนนี้ ก็น่าจะเป็นเพียงไม่กี่คนที่เราจะต้องนึกถึงชื่อ
"ฌ็อง แบ๊บติสต์ ลามาร์ก" (Jean-Baptiste Lamarck)
และ "ชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน" (Charles Robert Darwin)
ชาร์ลส์ ดาร์วิน และฌ็อง ลามาร์ก
• ฌ็อง แบ๊บติสต์ ลามาร์ก
ลามาร์กเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส โดยมีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1744 จนถึง 1829
โดยลามาร์กได้เสนอทฤษฎีวิวัฒนาการของเขา ที่มีชื่อว่า "กฎการใช้และไม่ใช้" (Law of use and disuse)
ฌ็อง ลามาร์ก
กฎนี้อธิบายว่า ถ้าสิ่งมีชีวิตใช้อวัยวะส่วนไหนมากหรือบ่อย อวัยวะส่วนนั้นจะมีขนาดใหญ่และแข็งแรงมากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าสิ่งมีชีวิตใช้อวัยวะส่วนไหนน้อย อวัยวะส่วนนั้นก็จะเล็กลงและเสื่อมไปในแต่ละรุ่น
ลามาร์กได้ยกตัวอย่างว่า สาเหตุที่ทำให้ยีราฟมีคอที่ยาวนั้น เป็นเพราะว่าในอดีต บรรพบุรุษของยีราฟมีคอที่สั้น
แต่เพราะยีราฟต้องยืดคอเพื่อกินใบไม้ที่อยู่บนต้นไม้ที่สูงบ่อย ๆ ดังนั้นคอของยีราฟก็เลยยาวนั่นเอง
ตามทฤษฎีของลามาร์ก สาเหตุที่ทำให้ยีราฟมีคอยาว เพราะว่ามันใช้คอบ่อย ๆ คอจึงยาว
นอกจากยีราฟที่ลามาร์กนำมายกตัวอย่างเพื่อประกอบทฤษฎีของเขาแล้ว ลามาร์กก็ได้ยกตัวอย่างอื่น ๆ อีก อาทิเช่น
- สาเหตุที่ทำให้งูไม่มีขา เพราะในอดีตงูเคยมีขา แต่มันเอาแต่เลื้อยไปเลื้อยมา ดังนั้นขาของงูเลยหดเล็กจนหายไป
- สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ไม่มีหาง เพราะในอดีตบรรพบุรุษของมนุษย์เคยมีหางเหมือนกับลิง แต่มนุษย์กลับไม่ได้ใช้หางในการปีนป่ายต้นไม้ ดังนั้นหางของมนุษย์เลยหายไป
ในช่วงเวลาที่ลามาร์กเผยแพร่ทฤษฎีของเขา ก็ได้มีนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการหลายคน ที่เชื่อถือและยอมรับในทฤษฎีของเขา
แต่ในอีกหลายสิบปีต่อมา ทฤษฎีใช้และไม่ใช้ของลามาร์ก จะไม่ได้เป็นที่ยอมรับของผู้คนอีกต่อไป เพราะการมาถึงของทฤษฎีที่มีชื่อว่า "ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ" (Theory of natural selection) ของชาร์ลส์ ดาร์วิน
• ชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน
ดาร์วิน (มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1809-1882) เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากเกี่ยวกับด้านวิวัฒนาการและบรรพชีวินวิทยา
ชาร์ลส์ ดาร์วิน
ในปี 1858 ดาร์วินได้เผยแพร่ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ซึ่งทฤษฎีนี้ก็ได้กลายเป็นทฤษฎีที่เรียกได้ว่าปฏิวัติองค์ความรู้ทางด้านวิวัฒนาการไปตลอดกาล
ทฤษฎีนี้มีแนวคิดสำคัญก็คือ สิ่งมีชีวิตที่มีความเหมาะสมและปรับตัวกับธรรมชาติได้เท่านั้น ที่จะสามารถเอาชีวิตรอดอยู่ในธรรมชาติได้
และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดย่อมมีลักษณะที่เด่นและด้อยที่แตกต่างกันไป ซึ่งลักษณะที่ด้อยก็จะถูกธรรมชาติคัดสรรทิ้งไป
ยกตัวอย่างเช่นยีราฟ ทฤษฎีของดาร์วินได้อธิบายว่า ในอดีตยีราฟจะมีทั้งพวกที่มีคอยาวกับพวกที่มีคอสั้น
ปรากฏว่าในธรรมชาติ ใบไม้ซึ่งเป็นอาหารของยีราฟจะอยู่บนต้นไม้ที่สูง
ด้วยเหตุนี้ ยีราฟที่มีคอสั้นจึงไม่สามารถที่จะกินใบไม้จากต้นไม้ที่สูงได้ แต่ในขณะเดียวกัน ยีราฟที่มีคอยาว ก็สามารถที่จะกินใบไม้จากต้นไม้ที่สูงได้อย่างสบาย ๆ
ตามทฤษฎีของดาร์วิน ในอดีตยีราฟเคยมีทั้งที่คอสั้นและคอยาว แต่สุดท้ายธรรมชาติก็ได้คัดสรรให้เหลือไว้แต่ยีราฟคอยาวเท่านั้น
ดังนั้นธรรมชาติจึงคัดเลือกให้ยีราฟคอยาวดำรงอยู่ในธรรมชาติต่อไป เพราะยีราฟคอยาวสามารถที่จะใช้ชีวิตและปรับตัวกับธรรมชาติได้
ส่วนยีราฟคอสั้นซึ่งไม่มีความเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตในธรรมชาติ ก็จะถูกธรรมชาติคัดสรรทิ้งไป
หรืออย่างมนุษย์ ถ้าอ้างอิงตามทฤษฎีของดาร์วิน มนุษย์ไม่ได้วิวัฒนาการเป็นเส้นตรงตามแบบที่เราเข้าใจกัน
เพราะในอดีตมนุษย์มีอยู่มากมายหลายสปีชีส์ แต่สุดท้ายธรรมชาติจะคัดสรรให้สปีชีส์มนุษย์ที่มีความเหมาะสมต่อธรรมชาติเท่านั้น (มนุษย์สปีชีส์ Homo sapiens) ดำรงอยู่ต่อไป
ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติของดาร์วิน เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จและเป็นทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับของผู้คน เพราะทฤษฎีนี้สามารถที่จะใช้ในการอธิบายถึงวิวัฒนาการและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติได้
ส่งผลให้ดาร์วิน ได้รับการยอมรับจากผู้คนว่าเป็น "บิดาแห่งวิวัฒนาการ" (Father of Evolution) และมีบทบาทสำคัญต่อวิชาวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะด้านวิวัฒนาการจนถึงทุกวันนี้
*** Reference
-
https://www.mytutor.co.uk/answers/2529/GCSE/Biology/Explain-the-difference-between-Lamarck-s-and-Darwin-s-theory-of-evolution-Why-was-Darwin-s-more-successful/
-
http://sciencenetlinks.com/student-teacher-sheets/lamarck-and-darwin-summary-theories/
-
https://www.encyclopedie-environnement.org/en/life/lamarck-and-darwin-two-divergent-visions-of-living-world/
#HistofunDeluxe
20 บันทึก
28
13
20
28
13
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย