Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิชาคน
•
ติดตาม
22 ก.พ. 2021 เวลา 08:07 • ปรัชญา
เปลี่ยน Mindset จาก “ทำไม” เป็น “อย่างไร”
Mindset ปรับ ชีวิตเปลี่ยน
เราคงคุ้นเคยกับคำถามที่มีคำว่า “ทำไม(Why)” อยู่ในประโยค เช่น
• ทำไมคนนั้นเขาเป็นแบบนี้ คนนี้เป็นแบบนั้น
• ทำไมเขาไม่ทำแบบนั้น
• ทำไมเขาไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นมันมาอย่างไร
• ทำไมเขาไม่จัดการกับคนประเภทนี้
• ฯลฯ
ฟังดูก็คงไม่ผิดแปลกอะไรใช่ไหม แต่ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่าคนที่ชอบตั้งคำถาม ถามคนนั้นคนนี้ด้วยคำถามว่า “ทำไม” มีแนวโน้มที่จะแสดงให้เห็นว่าคนๆนั้นกำลังใช้กรอบแนวคิดที่เรียกว่า “Mindset” ซึ่งหมายถึงความเชื่อ ความคิด และประสบการณ์ไปตัดสินคนอื่นเรียบร้อยแล้ว เขาอาจจะไม่ได้ถามเพื่อต้องการคำตอบที่แท้จริงอะไรหรอก เช่น
ถ้าลูกมาขออนุญาตเราว่าจะไปทำงานกลุ่มที่บ้านเพื่อน แล้วเราถามลูกว่า “จะไปทำไม?”
ลองเดาดูว่าเจตนาที่แท้จริงที่เราถามคำถามนี้คืออะไร
• อยากรู้ว่าลูกจะไปทำอะไร(ลูกก็บอกอยู่แล้วว่าไปทำงานกลุ่ม)
• ไม่อยากให้ลูกไปบ้านเพื่อน
จากตัวอย่างนี้ แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า
พ่อแม่ใช้คำถามนี้ตัดสินสิ่งที่ลูกมาขออนุญาตไปเรียบร้อยแล้วว่า
“อย่าไป”
“ไม่ควรไป”
“ไม่อยากให้ไป”
“เหตุผลไม่มากพอที่จะไป”
“ไม่แนะนำให้ไป”
“น่าจะให้เพื่อนมาบ้านเรา”
ถ้าลูกน้องทำงานมาส่งหัวหน้า แล้วหัวหน้าพูดว่า
“ทำไมคุณทำแบบนี้?”
ลองเดาดูซิว่าหัวหน้าหมายถึงอะไร
• หัวหน้าอยากรู้เหตุผลว่าทำไมลูกน้องทำแบบนั้น
• หัวหน้าอยากจะบอกว่าลูกน้องทำผิด ไม่ตรงกับที่หัวหน้าต้องการ
ทุกคนคงเดาได้ไม่ยากว่าหัวหน้าใช้คำพูดนี้ เพื่อตัดสินว่างานที่ลูกน้องทำมานั้นลูกน้องทำผิด แต่หัวหน้ายอมไม่พูดออกมาตรงๆว่าที่สั่งให้ทำไม่ใช่แบบนี้ แต่มักจะใช้คำพูดว่า “ทำไม” ติดปากมาจนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว
ถ้าเพื่อนมาปรึกษาเราว่าจะเรียนต่อปริญญาโทดีไหม
แล้วเราก็ถามกลับไปว่า “จะเรียนให้เสียตังค์ไปทำไม?”
ลองเดาดูซิว่าเราหมายถึงอะไร
• จะเรียนต่อเพื่ออะไร เช่น เพื่อหางานใหม่ ฯลฯ
• ไม่ควรเรียนให้เสียเวลา เสียเงิน
ถ้าคำถามแค่ “จะเรียนไปทำไม” หรือ “จะเรียนปริญญาโทไปเพื่ออะไรเหรอ” อาจจะยังเดายากอยู่ว่าเราต้องการรู้หรือเราไม่เห็นด้วย แต่พอมีคำว่า “จะเรียนให้เสียตังค์ไปทำไม” แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าเราได้ตัดสินเขาไปเรียบร้อยแล้วว่า การเรียนต่อปริญญาโทเปลืองตังค์ใช้เงินเยอะ เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นจะดีกว่า เงินที่เสียไปจะคุ้มกับใบปริญญาที่ได้มาหรือไม่
จากตัวอย่างทั้งหมดนี้ อยากจะอธิบายให้เห็นว่าคำพูดสะท้อนความคิดได้ชัดเจนมาก ใครที่ชอบตัดสินคนอื่นด้วยกรอบแนวคิดของตัวเอง ก็มักจะใช้คำพูดประมาณนี้เสมอ ใช้จนเคยชิน ใช้จนกลายเป็นนิสัยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังเอากรอบแนวคิดของตัวเองไปตัดสินคำพูดและการกระทำของคนอื่น หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เราจะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครอยากปรึกษาหารืออะไรด้วย เพราะเราฟังเขาไม่เป็น เราชอบตัดสินเขาก่อนที่จะฟังข้อมูลและเหตุผลของเขาจริงๆ
ดังนั้น ถ้าเราต้องการปรับเปลี่ยนกรอบแนวคิด(Mindset)จากเดิมที่เราใช้คำถามว่า “ทำไม(Why)” ในการตัดสินคนอื่น ให้เปลี่ยนมาใช้คำว่า “อย่างไร(How)” แทน
เช่น
• ลูกจะไปบ้านเพื่อนอย่างไร จะให้แม่ไปส่งหรือจะนั่งแท๊กซี่ไปเอง
• เล่าให้ฟังหน่อยซิว่าคุณทำงานนี้มาได้อย่างไร หรือช่วยบอกหน่อยว่าผมสั่งงานคุณว่าอย่างไร ผมไม่แน่ใจว่าผมสั่งงานคุณชัดเจนแค่ไหน
• จะเรียนต่อโทอย่างไร จะเอาเงินที่ไหน จะแบ่งเวลาเรียนกับงานอย่างไร
การเปลี่ยนจาก “ทำไม” มาเป็น “อย่างไร” มีข้อดีคือ
• ป้องกันการด่วนตัดสินคนอื่นด้วยความเชื่อ ความคิด ความรู้สึกและประสบการณ์ชีวิตของเรา
• เปิดโอกาสให้คนที่ถูกถามได้พูดอธิบายเหตุผลของเขา
• เราพร้อมรับฟังเหตุผล แนวคิด ความเชื่อของคนอื่นมากยิ่งขึ้น
• ได้ฝึกทักษะการฟังคนอื่นอย่างที่เขาเป็นไม่ใช่อย่างที่เราคิดและที่เราเห็น
สรุปว่าใครอยากจะพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ฟังที่ดี เปิดใจรับฟังเหตุผลของคนอื่น และไม่ผิดพลาดในการด่วนตัดสินคนอื่นด้วยความเชื่อ ความคิด ความรู้สึกและประสบการณ์ของตัวเอง ต้องเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนคำพูดจากคำว่า “ทำไม” มาเป็น “อย่างไร” แค่นี้ก็จะช่วยให้เราปรับเปลี่ยนกรอบแนวคิดได้ไม่ยาก แต่ต้องฝึกบ่อยๆจนกลายเป็นนิสัยใหม่ให้ได้เสียก่อน
“อย่าด่วนตัดสินใคร ถ้าเรายังไม่รู้จักและไม่รู้ใจของใครคนนั้น”
ณรงค์วิทย์ แสนทอง
3 บันทึก
3
2
3
3
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย