14 ก.พ. 2021 เวลา 02:25 • กีฬา
โควิด เป็นเหตุสังเกตได้ บาเยิร์น มิวนิค กับการอัพเกรดร่างกายสุดบึกของนักเตะ และวิทยาศาตร์การกีฬาของ เยอรมัน
หนึ่งในสิ่งที่สื่อลงความเห็นว่าเป็นเคล็ดลับความสำเร็จของทีมเสือใต้ คือร่างกายของนักเตะที่เปลี่ยนไป หลังจากการพักเบรคฟุตบอลหนีการระบาดไวรัสโควิด-19 เมื่อนักเตะบาเยิร์นกลับมาพร้อมกับร่างกายสุดกำยำ หุ่นกล้ามปูกันหลายคน
ย้อนไปก่อนฤดูกาล 2019/20 ร่างกายของนักเตะบาเยิร์น ไม่ได้ใหญ่ยักษ์ล้ำบึกเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน พวกเขามีหุ่นเหมือนนักฟุตบอลปกติทั่วไป
1
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เป็นแบบนั้น เพราะด้วยโปรแกรมการแข่งขันต่อเนื่องยาวนาน ทำให้การฝึกซ้อมของทัพเสือใต้ ต้องเน้นการรักษาสภาพร่างกายของนักเตะ มากกว่าการให้ออกกำลังอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ เพราะแค่เล่นฟุตบอล ร่างกายของผู้เล่นต้องเผชิญหน้าอาการบาดเจ็บมากมาย สลับผลัดเปลี่ยนเข้าโรงหมอเป็นว่าเล่น
อย่างไรก็ตาม การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การแข่งขันฟุตบอลต้องหยุดพักไปนานหลายเดือน ซึ่งไม่บ่อยนักที่นักเตะ จะได้มีโอกาสพักร่างกาย โดยไม่ต้องฝึกซ้อม ไม่ต้องลงทำการแข่งขัน ไม่ต้องทำอะไร นอกจากกักตัวอยู่บ้าน เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของไวรัสตัวร้าย
ท่ามกลางโรคระบาด การใช้ชีวิตเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะในทวีปยุโรป ที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด แต่ท่ามกลางวิกฤติ ย่อมมีโอกาสเสมอ และนี่คือสิ่งที่สโมสรบาเยิร์น มิวนิค ตามหาจนพบ
“วิกฤตที่เกิดขึ้น ทำให้พวกเราคิดถึงฟุตบอล คิดถึงการฝึกซ้อมที่เคยเกิดขึ้นทุกวัน แต่ก็เป็นโอกาสดี ให้พวกเราได้เทรนสร้างกล้ามเนื้อ กับทีมนักกายภาพ” เลออน โกเร็ตซ์กา หนึ่งในแข้งทัพเสือใต้ที่หันมาสร้างร่างกาย ในช่วงพักเบรคหนีไวรัสโควิด-19
บาเยิร์นไม่ได้เห็นโอกาสถึงการสร้างร่างกายให้เหล่านักเตะ ในช่วงโรคระบาดด้วยความบังเอิญ แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้าตัวเก่งของทีม ได้ชิมลางฟิตร่างกาย และเสริมกล้ามเนื้อ จนกลายเป็นกองหน้าหุ่นล้ำบึกมาก่อนหน้านี้
หัวหอกรายนี้ใช้เวลาในช่วงเบรคหนีหนาวของฟุตบอลเยอรมัน ราว 1 เดือน ไปกับการสร้างกล้ามเนื้อในโรงยิม จนเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนก่อนหน้านั้น และที่สำคัญผลงานการเล่นของเขา ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม กับการยิง 7 ประตู และ 3 แอสซิสต์ ใน 7 นัดทุกรายการ หลังการเบรคหนีหนาวของบาเยิร์น มิวนิค ก่อนจะต้องพักการเล่นอีกครั้ง ด้วยการระบาดของไวรัสโควิด-19
การอัพขนาดตัวของผู้เล่นบาเยิร์น ไม่ว่าจะเป็น เลออน โกเร็ตซ์กา, ฟิลิปเป คูตินโญ, อัลฟอนโซ เดวีส์ สร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลจำนวนไม่น้อย ว่าเหตุใดพวกเขาจึงสร้างกล้ามเนื้อให้กับร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
การสร้างกล้ามเนื้อของผู้เล่นบาเยิร์น จะถูกควบคุมอย่างละเอียด โดยทีมงานด้านกายภาพของสโมสร ซึ่งไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่า การเทรนร่างกายด้วยรูปแบบเวทเทรนนิง ยกดัมเบล และบาร์เบลต่อเนื่องทุกวัน ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกำหนด อันเป็นส่วนสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อ สิ่งนี้ผสมผสานไปกับการออกกำลังกายแบบปกติ ที่นักฟุตบอลต้องทำเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, การยืดกล้ามเนื้อ เพื่อรักษาสภาพความฟิตของตัวเอง
“การมีร่างกายสมบูรณ์ รวมถึงสุขภาพจิตที่ดี คือสิ่งสำคัญ กับการแข่งขันฟุตบอลที่เต็มไปด้วยความขับเคี่ยว”
“การที่ผมตัวใหญ่ขึ้นช่วยให้ผมแข็งแกร่งขึ้น เคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเดิม ทั้งการเล่นกลางอากาศ และบนพื้นดิน”
ความสำเร็จของบาเยิร์น มิวนิค ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่การเสริมสร้างสภาพร่างกายให้แข็งแกร่ง ตอบโจทย์วิธีการเล่นของทีม ภายใต้การนำของกุนซือคนเก่ง ฮานชี ฟลิค
การเล่นแบบเกเกนเพรซซิง คือหัวใจหลักของบาเยิร์นชุดนี้ นักเตะของทีมจะต้องวิ่งกดดันกองหลังของฝ่ายตรงข้ามตลอดทั้งเกม รวมถึงแบ็คทั้งสองข้างที่ต้องเติมเกมบุกไม่มีพัก และกองหลังตัวกลางยืนปักหลังบัญชาเกมบริเวณกลางสนาม
นักเตะของบาเยิร์นต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา และมีความฟิตมากพอที่จะวิ่งขึ้นวิ่งลง ช่วยเหลือทั้งเกมรุกเกมรับ ดังนั้นสภาพร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับแผนการเล่นนี้ หากไม่สมบูรณ์ การเพรซซิงที่หนักหน่วง จะกลายเป็นจุดอ่อนอันร้ายกาจของทีมทันที
รากฐาน ที่แท้จริง
ย้อนกลับไป ในฟุตบอลโลก ปี 2014 ทีมชาติเยอรมัน ขึ้นทำเนียบ ของ แชมป์โลก ในปีนั้น และเบื้องหลังความสำเร็จ ของ พวกเขานั้น มาจาก วิทยาศาตร์การกีฬาที่ พวกเขาใส่ใจรายละเอียดมากๆ ในทุกๆการกระทำ ซึ่งการทำงานของพวกเขา ช่างน่าอํศจรรย์ เหลือเกิน
การทำงานที่ใส่ใจในรายละเอียดยิบของสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน (เดเอฟเบ) โดยเริ่มวางแผนหลังจบทัวร์นาเม้นท์ฟุตบอลยูโร 2012 ที่ยูเครนและโปแลนด์ โดยแคมป์ที่พักนักเตะทีมชาติที่บราซิลได้ไปทำการสำรวจล่วงหน้าก่อนการแข่ง ขันจะเริ่มเกือบ 1 ปี ทีมได้เช่าเหมาเฮลิคอร์ปเตอร์สำรวจโรงแรมที่แนะนำโดย FIFA ทั่วประเทศบราซิลกว่า 25 แห่ง แต่ไม่ถูกใจ เพราะโดยมากอยู่ในรัฐทางตอนใต้ซึ่งมีสภาพอากาศเย็นและไกลจากเมืองที่ต้องทำ การแข่งขันในรอบแรก ทั้งนี้ใน 3 เกมรอบแรกนั้นเยอรมันจะต้องทำการแข่งขันในเมืองทางตอนเหนือซึ่งอยู่ในเขต อากาศร้อน จึงมีการประชุมปรึกษาหารือระหว่างทีมงานด้านบริหารของสหพันธ์ ฯ ผู้ฝึกสอนและกัปตันทีมฟิลิปป์ ลาห์ม
ขอเลือกรีสอร์ทกีฬาของนักธุรกิจชาวเยอรมันที่ยังไม่เริ่มสร้างและลงมือ สร้างเองทันทีเพื่อการนี้ ชื่อรีสอร์ท CAMPO BAHIA ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็น a state-of-the-art base camp ตั้งอยู่ที่เมือง Santo Andre ใกล้กับเมือง Porto Seguro เพียง 45 นาที ซึ่งมีสนามบินหลักใช้ในการเดินทางไปแข่งขันแต่ละเกม อยู่ในรัฐ Bahia เป็นเมืองชาวประมงซึ่งเงียบสงบเหมาะกับเป็นที่พักตากอากาศอยู่ติดมหาสมุทร แอตแลนติก ตั้งอยู่ในโซนอากาศร้อนชื้น รีสอร์ทแห่งนี้ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษในลักษณะเป็นวิลล่า 14 หลัง มีนักเตะ 23 คนและทีมงานที่ประกอบไปด้วยผู้จัดการทีมและทีมผู้ฝึกสอน ผู้ฝึกสอนด้านฟิตเนส (นักวิทยาศาสตร์การกีฬา) ทีมแพทย์ ทีมนักกายภาพบำบัด นักจิตวิทยาการกีฬา ทีมผู้จัดการเสื้อผ้าและอุปกรณ์ ทีมงานการจัดการ ทีมงานวิเคราะห์เกมการแข่งขัน เชฟ ทีมประสานงานสื่อมวลชน คนขับรถและการ์ดรักษาความปลอดภัย พักรวม 62 คน
ก่อนการแข่งขัน 1 เดือน มีการประชุมระดมสมองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างทีมงานผู้ฝึกสอน ทีมงานผู้ฝึกสอนด้านฟิตเนส และทีมแพทย์เพื่อวางแผนการฝึกซ้อมตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทัวร์นาเม้นท์ เมื่อไหร่ที่จะต้องฝึกซ้อมอะไร? ความหนักของการฝึกซ้อมในแต่ละช่วง? วัตถุประสงค์ของการฝึกซ้อมแบบนี้เพื่อ? รูปแบบการอบอุ่นร่างกายที่เหมาะสม? โปรแกรมการฝึกซ้อมของทีม? กลุ่มนักเตะในแต่ละตำแหน่ง? และโปรแกรมเฉพาะของนักเตะแต่ละคน? รวมถึงกลุ่มนักเตะที่เพิ่งฟื้นจากการบาดเจ็บ? ปริมาณและความหนักของการฝึกซ้อมในแต่ละวันจะถูกกำหนดเป็นรหัสสี 3 สี แดงแทนการฝึกซ้อมหนัก เหลืองแทนการฝึกซ้อมปานกลาง และเขียวแทนการฝึกซ้อมเบา
1
ซึ่งตัวแปรทางด้านสรีรวิทยาของนักเตะไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ระยะทางการเคลื่อนที่ทั้งหมด อัตราเร่ง อัตราการเต้นของหัวใจ และพลังของนักเตะแต่ละคนจะถูกติดตามและบันทึกข้อมูลด้วย The Adidas miCoach Elite Team System เพื่อวิเคราะห์การใช้พลังงาน การตอบสนองทางด้านเมตาบอลิกของนักเตะแต่ละคนเพื่อวางแผนการฝึกซ้อมที่เหมาะ สมต่อไป
นอกจากนี้ทีมชาติเยอรมันใช้ซอฟท์แวร์ SAP Match Insights ซึ่งทำงานในลักษณะการรวบรวมข้อมูลทุกด้านไม่ว่าจะเป็นระดับความฟิตของนักเตะ แต่ละคน การเก็บข้อมูลเชิงเทคนิค แทคติกเพื่อการตัดสินใจเลือกใช้แทคติกที่เหมาะสมในแต่ละเกมของกลุ่มผู้ฝึก สอน การเตรียมการฝึกซ้อมในแต่ละวันจะถูกอภิปราย การแบ่งช่วงเวลาการฝึกซ้อม (Training Periodization) ของทีมชาติเยอรมันจะแบ่งเป็น 3 cycle คือ Marcrocycle Mesocycle และ Microcycle รวมถึงความใส่ใจในแต่ละ Session และ Unit ของการฝึกซ้อม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้นักเตะมีสมรรถนะและความฟิตในระดับสูงสุดตลอด
เมื่อเดินทางถึงบราซิล ก่อนเกมการแข่งขันเกมแรกกับโปรตุเกส 3 วัน มีการฝึกซ้อมจำลองสถานการณ์การแข่งขันจริงเป็นเวลา 90 นาที ตอน 13:00 น. ซึ่งแดดเปรี้ยง อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์สูงมาก เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับทีมจากยุโรป มีการเปิดเผยข้อมูลโดยอายุรแพทย์ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาเอกทางด้านวิทยา ศาสตร์การกีฬาประจำทีม Prof. Dr. Tim Meyer เกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งทีมให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องโภชนาการทางการกีฬามาก
ทั้งเรื่องการรับประทานอาหารก่อนการแข่งขัน ระหว่างแข่งขัน หลังแข่งขัน ซึ่งได้เชฟชื่อดังชาวเยอรมันเจ้าของภัตราคารหรูในมิวนิค Holger Stromberg มาร่วมงานกับทีมตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ผู้ซึ่งเป็นคนกำหนดเมนูอาหารในแต่ละวันตลอด 55 วันทั้งทัวร์นาเม้นท์ รวมถึงการได้รับน้ำและเครื่องดื่มทางการกีฬา (Sport Drink) เพื่อป้องกันสภาวะการขาดน้ำ (Dehydration) และชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป รวมถึงการใช้ครีมกันแดดเนื้อครีมคุณภาพสูง ค่า SPF 30 ช่วยป้องกันความร้อน รังสี UV และยินยอมให้ร่างกายของนักเตะมีการระบายความร้อนผ่านเหงื่อทางรูขุมขนโดยที่ เนื้อครีมไม่เป็นอุปสรรค ก่อนไปทำการแข่งขันแต่ละเกมทีมจะเดินทางไปที่เมืองนั้น ๆ
1
ก่อนเกม 2 วัน เพื่อให้นักเตะมีเวลาสำหรับการปรับสภาพร่างกาย การฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายที่สนามแข่งขันจริงและแถลงข่าวตามกำหนดของ FIFA และรับประทานอาหารตามเวลาแข่งขันจริง เช่น เกมที่ต้องแข่งขันเวลาบ่ายโมงตามเวลาท้องถิ่น อาหารมื้อหลัก เช้า-กลางวัน จะรับประทานควบกันตอน 9-10 โมง 3 ชม. ก่อนการแข่งขันตามหลักการทางทฤษฏีโภชนาการทางการกีฬา นอกจากนี้ในวันที่ทำการแข่งขันเวลา 13:00 น. หากสังเกตุช่วงที่ FIFA ตัดภาพการถ่ายทอดสดก่อนเกมการแข่งขันให้ชม จะพบว่าทีมงานเยอรมันจะเตรียมถังน้ำเย็นให้นักเตะแต่ละคนในห้องเปลี่ยน เครื่องแต่งกายเพื่อใช้แช่เท้าและขาส่วนล่างในระหว่างช่วงพักครึ่งเวลาการ แข่งขัน เพื่อการฟื้นสภาพของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว คืนความสดชื่นและพร้อมสำหรับการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง
ทีมชาติเยอรมันมีทีมงานชุดใหญ่มืออาชีพ มีทีมงานสอดแนมข้อมูล (Scouting Team) ซึ่งทำงานกับเดเอฟเบมากว่า 10 ปี ไปดูเกมการแข่งขันของคู่แข่งขัน ทำวิดีโอวิเคราะห์จุดดีจุดด้อย และยังมีทีมงานพิเศษมาจากเหล่าโค้ชเยาวชนทีมชาติชุดต่าง ๆ ไปสังเกตการณ์เกมการแข่งขันเอาข้อมูลทีมคู่แข่งที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับ ทีมงานสอดแนม นอกจากนี้เดเอฟเบได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติเยอรมันที่เมืองโค โลญน์ (Deutsche Sporthochschule Köln, DSHS) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
โยอาคิม เลิฟ ได้บทเรียนจากประสบการณ์ฟุตบอลโลกและยูโร ว่าบอลที่เล่นสวยงาม มีเสน่ห์ อาจไม่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้ ดังนั้นกองหลังต้องแพ็กแน่น ช่วง 4 เกมแรก ใช้ผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางยืนในแนวรับทั้งหมด ไม่เน้นการเจาะด้านริมเส้น ไม่จำเป็นจะไม่ดันขึ้นสูงโดยเฉพาะกองหลังคู่กลาง ให้ความสำคัญกับการเล่นในลักษณะเกมคอมแพ็คคือกระชับพื้นที่ระหว่างแดนหลัง แดนกลางและแดนหน้าในขณะที่ทีมเป็นฝ่ายรับ และแทคติกกลุ่มในเกมรุกสำคัญมาก จะเห็นผู้เล่นเป็นกลุ่มขนาด 4-5 คนเสมอที่อยู่รายล้อมลูกบอลขณะทีมเล่นเกมรุก เป็นลักษณะการเล่นเกมด้วยการเน้นผลการแข่งขันเป็นหลัก
ลูกสแตนดาร์ดตามที่เยอรมันเรียกหรือลูกตั้งเตะ/เตะมุมนั้น เมื่อก่อนตอนเลิฟคุมทีมใหม่ ๆ เยอรมันไม่ได้เน้นมากนัก แต่คราวนี้มีการซ้อมลูกสูตรต่าง ๆ เป็นพิเศษ ผลที่ตามมาคือได้ประตูจากลูกตั้งเตะดังกล่าวไป 3 ประตู ตั้งแต่นัดแรกที่เจอโปรตุเกสโดยฮุมเมิ่ลส์จากการเตะมุม เกมรอบ 8 ทีมก็เป็นฮุมเมิ่ลส์ที่โขกประตูชัยเอาชนะฝรั่งเศศอีก และประตู 1-0 ของมุลเลอร์ในนัดเจอบราซิล ที่มาจากการเตะมุม แม้ว่าจะมีลูกสูตรฮา ๆ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเกมกับแอลจีเรียให้แฟนบอลได้งงและตลกคลายเครียดจากเกมบ้าง
ไม่เสี่ยงในการใช้ผู้เล่นที่ไม่ฟิต เห็นได้จากเกมช่วงแรก ๆ ไม่ได้ใช้บริการของชไวน์สไตเกอร์และเคดิร่านักเพราะทั้งคู่เพิ่งฟื้นตัวจาก การบาดเจ็บช่วงท้ายฤดูกาลแข่งขันจากสโมสรมา จนตอนหลังมั่นใจว่าทั้งคู่ฟิตเต็มที่แล้วจึงได้ลงเป็นตัวจริงร่วมกัน จึงเป็นสาเหตุให้กัปตันทีม ฟิลิปป์ ลาห์มต้องเล่นในตำแหน่งกองกลางช่วง 3-4 เกมแรก
เวลามีนักเตะเริ่มมีอาการเจ็บจะรีบให้พักทันทีไม่เสี่ยงไม่ฝืนเพื่อจะได้ไม่ เจ็บมากและนักเตะสามารถทดแทนกันได้ทุกตำแหน่งทั้งทีม เช่น ฮุมเมิ่ลส์เจ็บเข่าเล็กน้อยตอนอบอุ่นร่างกายก่อนเกมเจอบราซิล ลงเล่นไปแล้วเจ็บมากขึ้น พักครึ่งเวลาเจ้าตัวขอเปลี่ยนออกมาทันที นัดชิงเคดิร่าเจ็บน่องตอนอบอุ่นร่างกายก่อนลงสนาม เปลี่ยนเอาคริสตอฟห์ คราเมอร์ลงแทนทันที ต้องขอบคุณทีมแพทย์ซึ่งนำโดย “หมอเทวดา” Dr. Hans-Wilhelm Müller-Wohlfahrt ที่ทำให้นักเตะหายจากอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วเหลือเชื่อในหลาย ๆ ครั้ง
ระเบียบวินัยในแทคติกระหว่างเกมที่มีสูงมาก ๆ และการทำให้ประสิทธิภาพในการยิงประตูดีขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนเป็นข้อด้อยของเยอรมันโดยเฉพาะเมื่อเจอคู่แข่งทีมใหญ่ ๆ
โยอาคิม เลิฟกล่าวหลังเกมนัดชิงบอลโลกว่า รางวัลนี้เป็นผลตอบแทนสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน กว่า 10 ปีต่อความทุ่มเทในการวางรากฐานการพัฒนาฟุตบอลทั้งระบบใหม่ทั้งหมดเริ่ม ตั้งแต่หลังหายนะในฟุตบอลยูโรปี ค.ศ. 2004 สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมันกับทางสหพันธ์ฟุตบอลลีก ลงทุนให้แต่ละสโมสรฟุตบอลมีศูนย์พัฒนานักเตะระดับเยาวชนเพื่อความเป็นเลิศ ให้การศึกษาและการฝึกซ้อมที่ดีเยี่ยม ประกอบกับทีมชาติได้รับประโยชน์จากการยกระดับของทีมในศึกบุนเดสลีกาที่เป็น คู่ชิงในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ ลีก 2013 ระหว่างบาเยิร์น มิวนิคและโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำให้นักเตะมีประสบการณ์มากขึ้น และเช่นเดียวกันกับอิทธิพลของศึกบุนเดสลีกาที่เปิดโอกาสให้ดาวรุ่งมากมาย ทำให้เยอรมันมีทีมพลังหนุ่มที่ยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วเมื่อปี ค.ศ. 2010 ที่แอฟริกาใต้
ท้ายที่สุดนี้ก็ขอแสดงความยินดีกับทีมชาติเยอรมันด้วยนะครับที่ทำได้สำเร็จ กับเป้าหมายที่ตั้งไว้ พวกคุณคือโมเดลของความสำเร็จที่น่าศึกษาจริง ๆ
บทความ By อู๋ FL
โฆษณา