14 ก.พ. 2021 เวลา 11:00 • การศึกษา
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018
และแล้ววันนี้ก็มาถึง พวกเราที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยนัดเจอกัน 6 โมงเย็นเพื่อบินออกจากไทยตอน2ทุ่มที่สนามบินสุวรรณภูมิ เริ่มต้นกับการลุ้นว่ากระเป๋าเดินทาง2ใบที่อัดแน่นไปด้วยสเบียงอาหารและอุปกรณ์กันหนาวของเราจะต้องเสียค่าโหลดกระเป๋า1ใบรึเปล่า ทำไมถึงต้องลุ้นน่ะหรอ หึๆๆ โทรไปสายการบินไม่ติดไงล่ะช่วงวันตรุษจีนก็แบบนี้ล่ะ หาในเน็ตก็เจอแต่มีบอกว่าถ้า30ปีขึ้นไปไม่ได้สิทธิ์โหลดกระเป๋าฟรี2ใบของวีซ่านักเรียนแล้วนะ แต่ในตั๋วเราเขียนว่าโหลดได้2ใบเพราะมีวีซ่านักเรียน ปีนี้30ปีพอดีพึ่งผ่านวันเกิดมาได้เดือนนึงกับอีก2วัน โทรยังไงก็ไม่ติดแถมสายการบินจีนอีกอังกฤษก็ไม่แข็งแรงจีนก็ไม่ได้กำเงินสดไปละกันถ้าเค้าบอกไม่ฟรีก็ยื่นเงินให้น่าจะจบ
เจอกันครั้งแรก
อาจจะมีคนรู้มาจากเพจเมื่อเป็ดอย่างฉันออกเดินทางแล้ว ว่าจอยเป็นคนเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์พกไปทุกสิ่งอย่าง ขนาดหม้อหุงข้าวยังเอาไปด้วยเลย เสบียงอาหารสมบูรณ์มากประมาณว่าอัดไปเต็มกระเป๋าเดินทาง1ใบถ้วนขนาด28นิ้วนั้นสรุปว่าจอยเอามาใช้ทำอาหารให้กินกันทั้งกลุ่มตลอดปียังเหลือ! และที่กังวลว่าอาหารที่จีนจะมันๆเลียนๆไม่ถูกปากจะกินไม่ลงนั้น ดูคำตอบจากเนื้อเราที่เพิ่มขึ้นในรูปได้เลยค่ะ วันแรกที่สนามบินกับวันสุดท้ายก่อนปิดเทอมแรกไม่กี่เดือน อ๋อไม่อ้วนๆฮาร์บินอากาศมันหนาวตัวเลยบวม555 ปลายปีก่อนกลับไทยยังมีผงปรุงรสให้บินเอาไปฝากพี่ทรายเพจเมื่อเป็ดอย่างฉันออกเดินทางได้เป็นถุงชดเชยความผิดที่เอาพี่เค้าไปปล่อยผจญภัยเทอมสองที่หางโจวคนเดียว ก็จอยแพ้อาหารทะเลเอามากๆเลยนิเลยกังวลเรื่องอาหารมากเป็นพิเศษยิ่งสื่อสารภาษาอื่นไม่ได้ด้วยเกิดช๊อคไปแย่เลย
ปีนึงก็จะประมาณนี้ กระเป๋า28นิ้วใส่เสื้อผ้า ใบ26นิ้วใส่ของกิน กระเป๋าคอมควรแยกใบจะดีกว่านะคะใส่กระเป๋าอื่นเดี๋ยวคนไม่รู้เอาของหนักมาวางทับ
การผจญภัยไปฮาร์บินนั้นเริ่มต้นลุ้นกันตั้งแต่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเลยน้องคนหนึ่งในกลุ่มของเราเอากระเป๋ามา3ใบ! ใช่ค่ะวีซ่านักเรียนเอามาได้2แต่น้องเอามา3กะจะโหลดเพราะว่าจะอยู่ยาวๆ1ปีที่ฮาร์บินไม่กลับไทยเลย คนนั้นคือน้องหญิงแอดมินตากล้องสาวแสนสวยของเราเองล่ะ พกเครื่องสำอางค์และกล้องและของใช้ไปจัดเต็มทำเป็นเล่นไปตลอดทั้งปีใครออกงานไหนหรือจะไปเที่ยวผับน้องหญิงทั้งช่วยแต่งหน้าเลือกชุดให้พี่ๆแล้วยังให้ยืมเครื่องสำอางค์ไปแต่งหน้าได้ไม่มีหวงเลย พอถึงคิวโหลดกระเป๋าอายุ30ปีโหลดฟรีได้2ใบค่ะ ดีใจมากที่ใช้สิทธิวีซ่านักเรียนได้อยู่ประหยัดไป400หยวนเลยนะ ส่วนน้องหญิงแอดมินตากล้องสาวสวยของเรานั้นวิ่งค่ะ วิ่งไปจ่ายค่าโหลดกระเป๋าตั้งไกลวิ่งไปกลับเหงื่อซึมอยู่คนเดียวปล่อยพวกพี่ๆคุยทำความรู้จักกันรอ ใช่ค่ะน้องเค้าเด็กสุดในกลุ่มเลย23ปีเอง
ทริปนี้เรามีพี่ทรายเพจเมื่อเป็ดอย่างฉันออกเดินทางอายุเยอะสุด32ปี อายุในกลุ่มห่างกันพอสมควรแต่เราก็ดูแลกันและกันเป็นอย่างดีตลอดปีไม่สิต้องบอกว่าจนถึงตอนนี้เลยค่ะ ไปต่างประเทศครั้งแรกทั้งทีราบรื่นไปได้ยังไงเดี๋ยวไม่มีเรื่องให้เล่า พวกเรามาถึงจีนที่อู่ฮั่นเพื่อเปลี่ยนเครื่องตอนประมาณตี2 ของวันที่ 15 กุมภาพันธ์แล้ว กำลังเคลิ้มๆงงง่วงๆก็ประเดิมเลยค่ะ
ได้เหยียบแผ่นดินจีนครั้งแรกตอนตี 2 ที่เมืองอู่ฮั่น กำลังงัวเงียก็ต้องเดินมาต่อแถวเข้าต.ม.จีนกันค่ะ เราช่วยกันกรอกข้อมูลใส่ใบที่ต้องยื่นต.ม.กันเสร็จตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินแล้วเหลือให้เจ้าหน้าที่ประทับตราเข้าประเทศ ทันใดนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาชี้บางคนในกลุ่มให้ไปอีกแถวพอเดินตามกันไปก็โดนไล่กลับมาใหม่ นั่นเพราะว่าบางคนหน้าตาดูจีนมากค่ะเค้าเข้าใจผิดไล่ไปต่อแถวคนจีนแล้วคือเราสื่อสารกันด้วยภาษากายเป็นหลักเลยทั้งกลุ่มตอนนั้นภาษาจีนไม่ได้กันเลยเลยงงๆกัน พอถึงคิวจอยเค้าก็แบมือขอเอกสารไปดูเราก็บอกมาเรียนภาษาจีน เรียนที่ Harbin Institute of Technology(哈工大) อันนี้พูดอังกฤษกันพอสื่อสารได้ เสร็จแล้วเราทั้งกลุ่มก็ออกมายืนรอพี่ทรายกันนานเลยค่ะ ต.ม.สอบเข้มมากเหมือนว่าอายุเยอะแล้วทำไมถึงมาเรียนจีนเค้ากลัวแอบมาทำงานผิดกฎหมายสักพักก็ปล่อยตัวออกมาพวกเราก็ไปเอากระเป๋ามารอเวลาเช็คอินโหลดกระเป๋าอีกรอบ ซึ่งรอบนี้ล่ะค่ะงานเข้ากันทั้งกลุ่ม
ระหว่างรอกระเป๋า แต่ละคนกำลังเบลอจากการหลับๆตื่นๆมาบนเครื่อง
เพราะพระเจ้าคงกลัวเราไม่มีเล่าสนุกๆกลับมาเล่าแน่ๆเลย เลยจัดเรื่องให้เราอีกหนึ่งชุดใหญ่ก่อนไปถึงฮาร์บิน เนื่องจากการบินระหว่างประเทศนั้นน้ำหนักกระเป๋าโหลดได้23กิโล แต่ในประเทศจีนจะได้แค่20กิโลเท่านั้น ใครบินไปจีนแล้วมีเปลี่ยนเครื่องถ้ากระเป๋าไม่ได้เช็คทรูคือโหลดต้นทางแล้วรับที่ปลายทางทีเดียวจะเจอปัญหาแบบเรานะคะถ้าโดนโหลดใหม่กระเป๋าโหลดได้แค่20กิโล งานเข้าซ้ำซ้อนกับน้องหญิงของเราเมื่อเราจะโหลดกระเป๋าสื่อสารกันไม่รู้เรื่องค่ะ เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้กันด้วย พวกเรา8คนพยายามสื่อสารกันทุกท่าทาง พนักงานสายการบินก็เรียกเพื่อนมาช่วยคุยซึ่งก็ทำเราใจชื้นขึ้นมาเลยเพราะเค้าเอาพาสปอร์ตเราไปดูแล้วพูดว่า ไทยแลนด์แล้วยกมือไหว้พูดสวัสดีค่ะ แต่ว่าพูดต่อเป็นภาษาอังกฤษว่าได้แค่นี้ล่ะ อึ้งกันไปทั้งกลุ่มเลย ตอนนั้นทุกคนไม่มีอินเตอร์เน็ตเพราะถอดซิมออกกันหมดกะจะรอซิมจีนที่เอเจนซี่จะให้เมื่อถึงปลายทาง เมื่อโหลดกระเป๋าใบที่3ของน้องหญิงไม่ได้และเกือบทุกคนต้องจัดกระเป๋าใหม่เพราะต้องเอาของออกมาใบละ3กิโล จอยนี่งานงอกเลยดีนะเป็นคนจิตใจดีพอมีถุงโกยของได้เลยเอาของออกมาหิ้วสะพายขึ้นเครื่องกัน
หลังจากเสร็จเรื่องโหลดกระเป๋ากันเราก็แยกย้ายไปล้างหน้าล้างตาเดินถ่ายรูปเล่นกันค่ะ ก็แหม๋ตอนนั้นกำลังเช้าตรู่ตี4แต่ฟ้าสว่างแล้วตาเราก็สว่างตามด้วยค่ะ ไม่สว่างได้ไงน้องหญิงคนสวยคนเดิมของเราเหยียบแผ่นดินจีนได้ไม่นานเข้าห้องน้ำไปก็มีเรื่องเถียงกับอาอี๋พนักงานทำความสะอาด ตอนจอยเดินตามเข้าไปอาอี๋กำลังบ่นเสียงดังชี้พื้นซึ่งจอยกับน้องหญิงนั้นฟังไม่ออกแต่ชี้พื้นละพูดเสียงดังใส่แบบนั้นว่าเราทำน้ำเปื้อนพื้นรึเปล่านะซึ่งแน่นอนน้องหญิงกำลังพยายามเถียงป้ากลับพร้อมโบกมือว่าไม่ได้ทำนะพื้นมันน้ำนองอยู่แล้วน้องหญิงซึ่งพูดไทยกับป้าว่าน้ำมันนองพื้นอยู่แล้วหันมาสบตากับจอยขอความช่วยเหลือซึ่งคิดว่าช่วยได้มั้ยน่ะหรอตอบทันทีว่าไม่ได้หรอกค่ะ ก็ป้าพูดจีนแต่เราพูดได้แต่ไทย! แต่ถ้าตอนนี้ล่ะก็พร้อมค่ะ555+ แต่จู่ๆป้าแกเห็นมีคนมาเพิ่มแกก็หยุดพูดแล้วถูพื้นต่อเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเฉยเลย เราก็ออกไปเดินถ่ายรูปเล่นกันด้านหน้าสนามบินอู่ฮั่นกันนิดหน่อยตอนนั้นอุณหภูมิประมาณ 8 องศาชุดที่เราใส่มากันเป็นฮีทเทคอุ่นสบายๆเลยคิดอยู่ว่าฮาร์บินก็อีกไม่ไกลบินอีก4ชั่วโมงเองคงไม่ห่างกันมากหรอกมั้ง แล้วก็กลับเข้าไปนั่งกินเกี๊ยวที่ร้านในสนามบินรอเวลาเรียกขึ้นเครื่องบินไปฮาร์บินต่อ หารู้ไม่ว่าเมืองจีนนั้นกว้างใหญ่มากอากาศที่ฮาร์บินนั้นหนาวทารุณกว่ากันเยอะ จะโหดขนาดไหนรอต่อพรุ่งนี้นะคะ
1
ค่าใช้จ่าย
ถือเงินสดมาจากไทย 6,800 หยวน
เกี๊ยวที่สนามบินอู่ฮั่น 15 หยวน
ตัวเขียนภาษาไทยไม่สามารถเลียนเสียงภาษาจีนได้เป๊ะๆน้า แต่แอดมินเขียนไว้ให้เป็นไกด์ไลน์แนะนำให้อ่านพินอินเป็นหลักนะคะ
โฆษณา