Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Self Dialogue
•
ติดตาม
15 ก.พ. 2021 เวลา 22:44 • ปรัชญา
ฟังก่อนอย่าเพิ่งตัดสิน
ตอนนั้นหันมาสนใจ สุนทรียสนทนา ( dialogue ) เพราะได้ทำ workshop กับอาจารย์ท่านหนึ่ง จนตอนหลังมีโอกาสได้ลองทำ dialogue กับพี่ๆ น้องๆ ที่บริษัท จึงได้พบประสบการณ์ ทั้งที่เข้าใจผิดคิดเอง ทั้งที่ได้รู้จากประสบการณ์ตรง และรู้ด้วยใจมาเล่าให้อ่านกัน
ประเด็นหลักหนึ่งของการ dialogue คือการฟังอย่างลึกซึ้ง และห้อยแขวนการตัดสินใจ ตรงนี้ตามกระบวนการ เราก็พลัดกันพูด โดยไม่ขัดจังหวะกัน เรียกว่าฟังก่อน ค่อยว่ากันทีหลัง ซึ่งอันที่จริงแล้วเราทุกคนก็คงนั่งตัดสินสิ่งที่ฟังอยู่ภายในใจอยู่ดี เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย คิดสนับสนุนคิดโต้แย้งกันไป พอมีประสบการณ์เรียนรู้ตนเองบ่อยเข้าจึงรู้ว่าเราไม่ได้ฟังหรอก แค่เงียบและทำตามขั้นตอน เมื่อมีโอกาสเราก็มัก บอกสิ่งที่เราคิดต่อเรื่องราวนั้น ด้วยชุดความคิด เหตุผล การเรียนรู้ การศึกษา ความเชื่อ ศาสตร์ ศาสนา ที่แตกต่างกัน เคยได้ยินครูบาอาจารย์ท่านว่า เหตุผลนี่ละทำคนเราทะเลาะกัน
1
ขอตัดสั้นเข้ามาประเด็นที่อยากเล่าคือ เรื่องราวหนึ่งที่ผมมักจะนำมาอธิบาย เมื่อมีโอกาสได้เป็นวิทยากร ส่งต่อเรื่องราวของสุนทรียสนทนา คือการไม่ฟังอย่างแท้จริง และใช้เหตุผลตัดสินใจ จนมองข้าม ความรัก ความเมตตาที่ควรมีให้ต่อกันนั้นเป็นอย่างไร
เรื่องมีอยู่ว่า ผมมักบ่นและดุลูกสาวตัวน้อยเมื่อเธอดูทีวีใกล้ไป "ดูใกล้จัง ระวังสายตาเสียนะ" เวลาเราเดินทางนั่งรถส่วนตัว ไปไหนใกล้ไกลเธอมักเบื่อง่าย และถามตลอดว่าเมื่อไหร่ถึง ผมก็จะบ่น และสอนเธอ ว่าทำไมไม่นั่งดูถนนหนทาง ดูวิว ดูผู้คนให้เพลินไป เราไปเที่ยวนะเราเดินทางนะ มันก็ต้องใช้เวลา จนบางครั้งก็หงุดหงิดใส่เธอ ผมและแม่ของเธอก็มักจะพูดกับเธอซ้ำๆ ทั้งสองเรื่องนี้อยู่ประจำโดยไม่ได้เอะใจ
มีครั้งหนึ่งเธอกลับจากโรงเรียนก็มาเล่าว่า เธอเอาแว่นของเพื่อนมาลองใส่เล่น เราก็ดุเธอทันทีว่าเอามาใส่ทำไม ไม่ใช่ของเล่น อยากสายตาเสียหรืออย่างไร โดยไม่ได้ฟังต่อ เมื่อภายหลังจึงนึกได้ว่าเธอบอกด้วยเสียงแผ่วเบาว่า มันเห็นชัดดี
เวลาผ่านมาพอประมาณเมื่อมีโอกาสได้พบคุณครูในการประชุมผู้ปกครอง คุณครูก็เล่าว่า เธอไม่ค่อยสนใจการเรียน ไม่สนใจดูว่าคุณครูสอนอะไร และพูดคุยเก่งมากเวลาอยู่ในห้องเรียน จนการเรียนเธอเริ่มไม่ดีเหมือนก่อน ตอนนั้นคงเป็นโชคที่เราเอะใจ
เราไม่ตำหนิเธอ เรารู้ทันที เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นสิ่งที่ลูกสาวตัวน้อยพยายามบอกอยู่ตลอด ทั้งจากคำพูด เรื่องเล่า หรือสิ่งที่เธอแสดงออก มันชัดเจนและเหมือนภาพแฟลชแบ็คย้อนกลับมาให้สะเทือนใจ
หลังพบครูเราพาเธอไปตรวจวัดสายตาที่ร้านแว่นใกล้บ้าน สายตาเธอสั้น 300 กว่า และเอียง หลังจากนั้นเราจึงพาเธอไปปรึกษาหมอตาเพื่อตรวจซ้ำ และตัดแว่น แม่ของเธอน้ำตาไหลที่รู้ว่าลูกสาวตัวน้อยมีปัญหาเรื่องสายตา
1
เราไม่เคยเปิดใจที่จะฟังและเข้าใจเธอ เราสองคนรู้สึกผิดในทันที เธอดูอะไรใกล้ๆ ดูทีวีใกล้ เพราะเธอมองไม่เห็น เธอเบื่อนั่งรถ เพื่อเมื่อเธอมองออกไปมันเป็นเพียงภาพมัวๆ เธอเอาแว่นเพื่อนมาลองใส่ เพราะในห้องเรียนเธอมองไม่เห็นกระดาน เธอไม่สนใจครูเพราะเธอมองไม่เห็น เธอคุยกับเพื่อนเพราะคอยถามว่า ครูกำลังสอนอะไรบนกระดาน
เรามักตัดสินเรื่องราวจาก หลักการ วิธีคิดประสบการณ์ ความเชื่อ การศึกษา อะไรอีกเยอะแยะที่รวมตัวมาเป็นคำว่า เหตุผล เพื่อตัดสินอะไรบางอย่าง นั่นละสิ่งที่เกิดกับการตัดสินของเรา กับลูกสาวตัวน้อยของผม ยังโชคดี ที่เรายังเปิดใจและมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ทัน และกลายเป็นบทเรียนชีวิต
หลังจากกลายเป็นสาวแว่น เธอก็ไม่ได้ดูทีวีใกล้เหมือนเดิม นั่งรถก็ไม่ได้บ่นตลอดทางเหมือนเดิม การเรียนกลับมาปกติเช่นเดิม
แบ่งปันเรื่องดี และเปิดใจรับฟังให้มากขึ้น ฟังด้วยหัวใจ วางเหตุผลลงบ้างก็ได้
บันทึก
4
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เขียนไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย