15 ก.พ. 2021 เวลา 06:16 • ไลฟ์สไตล์
ที่พี่ทำนั้นมันเกิดจาก "ความเก๋าล้วน"
1
ผมอยู่ในเมืองใหญ่ที่ใครๆก็อยากอยู่เมืองแห่งนี้ เพื่อนรอบตัวหลายคนบอกว่าเมื่อแก่แล้ว หรือ เกษียณแล้ว จะมาอยู่ที่นี่ เค้าชื่นชอบสังคมและความเป็นอยู่ ในเมืองไม่ใหญ่ไม่เล็กแห่งนี้ยังมีเรื่องราวคล้ายๆเมืองใหญ่ เกี่ยวกับเรื่องราวในสังคม เอาละมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ
1
ผมมีโอกาสได้ไปนั่งร้านอาหารแห่งหนึ่งของเมืองนี้ และพยายามทำความเข้าใจเด็กหนุ่มที่พยายามเข้ามาชนแก้วด้วย ด้วยส่วนตัวเราไม่ได้รู้จักมักจี่กันมากเท่าไหร่ แต่เขาคือรุ่นน้องของเพื่อนผม ซึ่งเพื่อนผมนั้นมักจะเล่าเรื่องของผมให้กับน้องๆ รุ่นหลังได้ฟังเสมอถึง วีรกรรม (อย่าเรียกว่าพฤติกรรมเลย) ซึ่งน้อยคนในเมืองนี้ไม่สามารถมาถึงจุดนั้นได้ แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่นานมาแล้ว เขาได้เข้ามาพูดคุยพร้อมกับดื่มเครื่องดื่มที่เขาชื่นชอบ ด้วยกาลเวลาที่เนิ่นนานของการดื่ม ทำให้เขาอยู่ในช่วงของเวลาที่ใครๆเรียกได้ว่า "ได้ที่แล้ว" ระหว่างที่เขาพูดคุยกับผมนั้น สายตาของเขาก็ไม่ลดละที่จะมองไปที่น้องๆ PR ของร้านคนหนึ่ง ที่มีความน่ารัก สดใส ตามวัยของรุ่น (ทำไมไม่เรียกว่าวัยรุ่น) เด็กหนุ่ม บอกกับผมว่าเขามาที่ร้านนี้ทุกวัน เพื่อดื่มสังสรรค์กับเพื่อน ในแต่ละวันเพื่อนๆมากหน้า ก็จะมาหาเขาที่นี่ เพื่อนรู้ดีว่าเขาต้องอยู่ ซึ่งแน่นอนผมรู้ได้ทันทีเลยว่า เขาต้องมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง มันอาจจะไม่ใช่เรื่องของการดื่มเสมอไป ใช่แล้วครับเค้ามาหาน้อง PR ที่เขาหมายปอง ซึ่งผมก็สังเกตุเห็นเป้าหมายของเขา ที่อยู่ใกล้ๆได้ไม่ยากแน่นอนความเก๋าของผม ก็ได้คิดสนุกขึ้นมา (ภาษาวัยรุ่นเค้าเรียกปั่น) เอาละผมไม่ได้ถามเด็กหนุ่มว่าเขาชอบ PR คนไหน แต่เมื่อผมเอะใจ ก็รู้เลยว่าคนนี้ทันที เพราะฤทธิของน้ำที่ดื่มไปมันทำให้การพูดของเด็กหนุ่มไม่สามารถปกปิดความลับของวัยเก๋าอย่างผมไปได้
ผมจึงเรียก PR วัยใส น่ารัก มาพูดคุยทันทีซึ่งมันทำให้เด็กหนุ่มประหลาดใจเป็นอย่างมาก ว่านี่คือเป้าหมายที่เขาหมายปอง ทำไมพี่คนนี้ถึงได้เรียกมาพูดคุย ประโยคแรกผมถามน้องด้วยความสุภาพว่า ขอโทษครับน้องชื่ออะไรครับ การถามชื่อคือการสร้างความสัมพันธ์อย่างหนึ่งที่เป็นพื้่นฐานของความเกี่ยวพัน ว่า "นี่เรารู้จักกันแล้วนะ" เมื่อทำความรู้จักกันดีแล้ว ผมได้ถามว่า "ชอบความตรงไปตรงมาของคนไหม" ซึ่งน้องเขาก็ตอบอย่างรวดเร็วว่าชอบคนที่ตรงไปตรงมานั้นแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ และ ชัดเจนดี ผมได้ตอบกลับน้องไปว่า ถ้ามีคนบอกว่าชื่นชอบน้องมาก น้องจะรู้สึกอย่างไร ซึ่งประโยคที่ผมพูดออกไปนั้นมันเริ่มทิ่มแทง เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงซ้ายมือของผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้ บรรยากาศโดยรอบของโต๊ะที่นั่งเริ่มปั่นป่วน (จากคนปั่น2021) แน่นอน การพูดเล่นแกมหยอกของผมนั้น มันทำให้เด็กหนุ่มคงจะฉุดคิดว่า พี่คนนี้จะเอาไงกันแน่วะ จะจีบน้องคนนี้เลยเหรอ จะมาแย่งเขาเหรอ ทำไมมาแรงจัง สาวสวยวัยใส ก็ตอบออกมาอย่างชัดเจน ก็รู้สึกดีที่มีคนชื่นชอบเรา ผมก็ไม่ลังเลที่จะพูดว่า ถ้าจีบเป็นแฟนเลยจะได้ไหม เอาละซิประโยคนั้นมันทำให้วงสนทนา มีรสชาดเผ็ดร้อนขึ้นมาทันที ผมใช้คำว่าสมมุติ น้องชายของพี่คนนี้เค้าบอกว่าชื่นชอบน้องมาก อยากจีบ น้องจะรับไหม ?? (นี่ผมเอาหอกไปทิ่มใจใครกันเนี่ย)
สิ่งที่ผมทำนั้น ผมตั้งใจจะสอนน้องเขาทางอ้อมครับ ให้รู้ว่าการที่เราชอบใครคนหนึ่งนั้น เราเป็นผู้ชาย เราบอกเค้าไปได้เลยครับไม่ต้องลังเล เพราะความลังเลคือความไม่แน่นอน ความกล้าที่จะพูดนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ มันคือการลงทุนที่มีความเสี่ยง (ต่ำหรือสูงละ) แต่มีเป้าหมายที่ชัดเจน และเราไม่ควรมาเสียเวลากับการเฝ้ารอ เราควรจะเดินหน้าบุกเข้าไป ซึ่งเด็กยุคใหม่ อาจจะมีความกล้า ที่ไม่ทานความเก๋าของผม บางทีเราก็คิดเหมือนกันว่า ตอนนั้น (ตอนเราอายุเท่ากับเขา) เรามีความกล้าแบบนี้ไหม หรือว่าเพราะเราเก๋าเราเลยกล้ามากขึ้น
ผมไม่เล่าต่อแล้วว่ามันจะเป็นอย่างไร เพราะแค่นี้ก็ยืดยาวมากพอแล้ว ไว้มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ #เรื่องเหล้า #เรื่องเล่า
โฆษณา