รีวิว AirPods Max ... หูฟังรุ่นใหม่ จาก Apple
หูฟังแบบ On Ears หรือแบบครอบเต็มทั้งหู มาพร้อมกับคุณภาพเสียงแบบจัดเต็ม ฟังก์ชั่นการใช้งานครบทั้งการตัดเสียงรบกวน และรูปร่างหน้าตาการออกแบบที่ดูเรียบหรู เน้นใช้งานง่ายสไตล์ Apple
AirPods Max
เพื่อให้เห็นภาพและเสียง จะเล่าตั้งแต่สั่งซื้อไปจนถึงการใช้งานจริงๆกันเลย และเป็นการรีวิวการบริการจาก Apple ไปด้วยในตัวครับ
สั่งซื้อ
Apple เปิดตัว Airpods Max เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 และเริ่มต้นขาย วันที่ 15 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ 28 มกราคม 2564, สินค้าในไทยยังมีจำนวนค่อนข้างจำกัด ทั้งที่ขายใน Apple Store ทั้งสองสาขา และ Retail Shop ทุกแห่ง
ถ้าใครที่อยากได้ไว้ครอบครองตอนนี้แบบผม ไม่ต้องเดินทางไปซื้อที่หน้าร้าน ไม่ว่าร้านไหนสาขาไหนก็ตาม อาจจะยังไม่มีของ ถ้าสั่งผ่าน www.apple.com/th สินค้าจะพร้อมส่งประมาณต้นเดือนมีนาคมครับ
สำหรับ Apple Store ทั้งสองสาขา แต่ละวันจะมีของเข้าบ้าง ถ้า Walk in อาจจะไม่ทันครับ
ผมขอแนะนำให้ กดสั่งซื้อผ่าน www.apple.com/th ชำระเงินผ่านเว็บให้เรียบร้อย จากนั้นเลือกนัดรับของที่ Apple Iconsiam หรือ Apple Central World ได้เลย แต่เนื่องจากช่วงนี้มีจำนวนจำกัด ของจะหมดไวมากๆ ในแต่ละวัน Apple จะเริ่มอัพเดตจำนวนสินค้าตอน 8โมงเช้า ต้องรีบตื่นมากดสั่งกันหน่อยนะครับ
Apple Central World
รับสินค้า
หลังจากกดสั่งซื้อและชำระเงินแล้ว จะได้รับอีเมลยืนยันวันและเวลาจาก Apple
ผมเลือกรับสาขา Apple Central World ไปถึงแจ้งพนักงานด้านหน้าประตูว่ามารับสินค้าที่นัดรับ พนักงานจะเรียกเข้าไปรอด้านในทันทีโดยไม่ต้องต่อคิว
ยืนรอสินค้าซักครู่ พนักงานจะนำสินค้ามาให้เราแกะเองทำเองทั้งหมด เพื่อเป็น First Impression โดยพนักงานจะยืนใกล้ๆคอยให้คำแนะนำต่างๆจนกระทั้งเราเช็คของเรียบร้อย พร้อมเดินไปส่งเรากลับบ้านที่หน้าประตู
แกะกล่อง
เปิดกล่องมาจะพบตัวหูฟัง Airpods Max พร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 70% พร้อมที่จะใช้งาน มาพร้อม Smart Case ใส่ไว้ให้ และมีสาย Lightning ให้ 1 เส้น สำหรับชาร์จ ซึ่งเป็น Ligthning to USB-C และไม่มี Adapter ให้เหมือน iPhone12
ตัวหูฟัง Airpods Max
หูฟังรุ่นนี้เป็นแบบ On Ear ส่วนตัวที่ครอบหูด้านในทำจากผ้าตาข่ายหุ่มเมมโมรี่โฟมนุ่มๆ ซึ่งครอบเต็มใบหูพอดี ซึ่งรู้สึกนุ่มจริงๆ ใส่ไปนานๆไม่รู้สึกเจ็บหูเลย แต่ถ้าใส่ขณะเดินรู้สึกร้อนนิดๆเหมือนเหงื่อซึมที่หูเบาๆ
ส่วนด้านนอกทำจากอะลูมิเนียมเหมือนขอบเครื่อง iPhone6 ผ่านการชุบสีสวยงาม คิดว่าทนทานระดับนึง แต่คิดว่าน่าจะเป็นรอย ผิวจับแล้วติดมือ ไม่เป็นรอยนิ้วมือ
ก้านหูฟังและโครง ทำจากสแตนเลสดูสวยงามดี สามารถปรับยืดหดได้อย่างละเอียดยืดหดแน่นหนาแข็งแรง ดูดดี เหมือนโช๊ค ก้านหุ้มด้วยวัสดุผิวนุ่มติดมือเหมือนผิวสมาร์ทเคส iPad
ตัวก้านด้านบนเป็นตาข่ายช่วยกระจายน้ำหนักเวลาใส่ ใส่ไปนานๆไม่รู้สึกไม่รู้สึกว่าหนัก แม้ตัวหูฟังจะหนักถึง 380 กรัม
มี 5 สี
สีเงิน ตัวก้านสีขาว ตัวครอบด้านนอกสีเทาเงาด้าน ตัวครอบด้านในสีเทาออกขาว
สีเทาสเปซเกรย์ ตัวก้านสีดำ ตัวครอบด้านนอกสีดำเงาด้าน ตัวครอบด้านในสีดำ
สีสกายบลู ตัวก้านสีนำเงินเข้ม ตัวครอบด้านนอกสีฟ้าเงาด้าน ตัวครอบด้านในสีฟ้า
สีชมพู ตัวก้านสีแดงอ่อน ตัวครอบด้านนอกสีชมพูอ่อนเงาด้าน ตัวครอบด้านในสีชมพูอมแดง
สีเขียว ตัวก้านสีเขียวอ่อนเกือบขาว ตัวครอบด้านนอกสีเขียวเงาด้าน ตัวครอบด้านในสีเขียว
ภาพจาก www.apple.com/th
การเชื่อมต่อ
เชื่อมต่อกับ iPhone, iPad ทำได้ง่ายมากๆ แค่เอาออกจาก Smart Case จะมีการแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาที่ iPhone ทันที ถามว่า "จะเชื่อมต่อมั้ย" กดยืนยันที่ iPhone ที่เดียวเสร็จ
เชื่อมต่อกับมือถือ Android จะต้องกดปุ่มตัดเสียงรบกวนที่ตัวหูฟังค้าง จนไฟสถานะที่ตัวหูฟังเป็นสีขาวกระพริบ แล้วไปกดค้นหาสัญญาน Bluetooth ในมือถือ เมื่อเจอชื่อ "Airpods Max" กดเชื่อมต่อ รอซักครู่ เป็นอันใช้งานได้
เชื่อมต่อกับ Mac จะคล้ายๆกับวิธีเชื่อมต่อกับมือถือ Android จะไม่มีข้อความเด้งมาเหมือน iPhone
พอดึงออกจาก Smart Case เครื่องโชว์ตรงนั้นพร้อมใจกันทักทาย
การควบคุม
หูฟังมีทั้งหมด 2 ปุ่ม คือ ปุ่มเปิดปิด Noice Cancelling กับ Digital Crown
Noice Cancelling จะเป็นแบบ Active Noice Cancelling คือการตัดเสียงรบกวนโดยใช้ไมโครโฟนที่มีอยู่รอบตัวหูฟังมาช่วยวิเคราะห์ ทำให้เสียงรอบๆเงียบ แต่ส่วนตัวคิดว่าเงียบประมาณ 96% (ถ้าไม่เปิดเพลง ยังคงได้ยินรอบๆอยู่บ้าง) ไม่ได้เงียบ 100% แต่ถ้าเปิดเพลง ก็จะได้ยินแต่เพลง ถือว่าทำได้ดี
Digital Crown คือ ปุ่มควบคุมแบบเดียวกับ Apple Watch โดยหมุนปุ่ม คือ เพิ่ม-ลดเสียง, กด 1 ครั้ง หยุดเพลง, กด 2 ครั้ง ข้ามเพลง, กด 3 ครั้ง เล่นเพลงก่อนหน้า, กดค้าง เรียก Siri ส่วนตัวรู้สึกใช้ง่ายดี ยกมือขึ้นมาปรับได้ไม่ยุ่งยาก กดติดทุกครั้งที่กดสั่งงาน
มีแค่ 2 ปุ่ม ควบคุมง่าย
คุณภาพเสียง
Airpods Max มีชิพ H1 มาให้ในหูฟังทั้งสองข้าง เพื่อช่วยให้ประมวลผลได้ดี จากที่ใช้ฟังเพลง เสียงค่อนข้างดี คมชัดมีมิติ เบสหนักแน่นกำลังพอเหมาะ ไม่แน่นจนกลบ เสียงกลางคมชัดไม่บาดหู ส่วนตัวชอบมากครับ
ป.ล.รีวิวเสียงโดยคนฟังเพลงทั่วไปหูไม่เทพ
ตัวหูฟังไม่สามารถปรับ EQ เองได้เลย ไม่ว่าจะเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์ไหน จะไม่มีฟังก์ชั่นให้ตั้งค่า แต่ Airpods Max จะมีโหมดการปรับ EQ เองอัตโนมัติ โดยจะปรับให้สอดคล้องกับความแน่นของโฟมครอบหูเวลาสวมใส่ เพราะด้านในหูฟังมีไมโครโฟน ช่วยวิเคราะห์การได้ยินเสียงจากภายนอก ตัวหูฟังจะช่วยคำนวน EQ ให้อย่างเหมาะสมเอง
อาจจะดูใหญ่สะดุดตาหน่อย
ระบบเสียงตามตำแหน่ง
Airpods Max มีระบบเสียงแบบติดตาม ความหมายคือระบบจะจำลองทิศทางเสียงเสมือนเราฟังเพลงหรือดูหนังผ่านลำโพง หรือให้เสียงในทิศทางที่มีจอแสดงผล ฟังก์ชั่นนี้ทำงานร่วมกับไจโรสโคป ของ iPhone iPad ที่เป็น iOS 14 ขึ้นไปนะครับ
ผมได้ทดลองดูหนังจาก iPhone12 (iOS14) แล้ว รู้สึกว่าหูฟังให้เสียงที่มีมิติชัดลึก ชัดตื้น เหมือนกับฟังเสียงจากลำโพงจริงๆ เมื่อทำงานร่วมกับระบบตัดเสียงรบกวน ทำให้เสียงคมชัดได้ยินรายละเอียดต่างครบเลยครับ
รูเสียบสาย Ligthning, รูไมโครโฟน, เซ็นเซอร์ตรวจับเวลาถอด-ใส่ อยู่ใต้ตัวที่ครอบหูด้านนอก
แบตเตอรี่
Apple เคลมว่าใช้ฟังเพลง ดูหนัง ใช้โหมดตัดเสียงรบกวน ได้ยาว 20 ชั่วโมงติดต่อกัน และชาร์จผ่านสาย Ligthning 5 นาที ใช้งานได้ 1.5ชั่วโมง จากการใช้งานจริง 1ชั่วโมง แบตลดลง 2-3%
Smart Case
หูฟังแถม Smart Case มาให้เลย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม หน้าที่ของ Smart Case นอกจากใส่เพื่อป้องกันตัวหูฟังเวลาไม่ได้ใช้งานหรือเวลาพกพาไปที่ต่างๆแล้ว ยังมีหน้าที่ทำให้หูฟังเข้าสู่สถานะใช้พลังงานต่ำ (คล้ายๆ Sleep Mode ในอุปกรณ์อื่นๆ) เพราะตัวหูฟังไม่มีปุ่มเปิดปิด เวลาเอาออกจากเคสทำให้หูฟังพร้อมใช้งานได้ทันที
ตัวเคสทำจากหนังแบบเดียวกับ iPad Smart Cover ซึ่งใช้ไปนานๆ ดำและเปื่อยแน่นอน
การใช้งานจริงเวลาดึงออกจากเคสหูฟังจะพร้อมใช้งานทันทีสวมใส่และเปิดเพลงได้เลย จังหวะที่ดึงหูฟังออกมาส่วนที่ครอบหูด้านนอกที่เป็นอลูมิเนียมของแต่ละข้าง จะกระทบกันเบาๆ อนาคตในระยะยาวอาจจะเป็นรอย
ตัวเคสจะป้องกันแค่บริเวณ ส่วนที่ครอบหู ตัวโครงจะไม่ถูกป้องกันใด ซึ่งเวลาเก็บใส่กระเป๋าอาจจะเป็นรอยได้ แนะนำให้หาเคสแบบที่คลุมทั้งตัวหูฟังทั้งหมดมาใช้ เพื่อความสบายใจนะครับ
ส่วนของหูฟังที่กระทบกันตอนดึงออกจากเคส
ราคา Airpods Max - 19,900 บาท
ซื้อประกันเพิ่ม
สำหรับ AppleCare+ หรือการซื้อประกันเพิ่ม จากเดิมสินค้า Apple ทุกอุปกรณ์ จะมาพร้อมประกัน 1 ปี ประกันนี้เฉพาะการเสียหายที่เกิดจากการผลิต และบริการให้คำปรึกษาด้านการใช้งาน สามารถนัดเวลาให้เจ้าหน้าที่โทรกลับมาได้เลย ซึ่งเป็นคนไทยให้ข้อมูลชัดเจนมากๆ และจะพยายามช่วยเหลือจนกว่าจะสำเร็จ (อันนี้ประสบการณ์จากตอน Macbook Pro ที่ใช้อยู่มีปัญหา) ซึ่งถ้าเราซื้อประกัน AppleCare+เพิ่ม จากระยะเวลา 1 ปี ก็จะกลายเป็น 2-3 ปี พร้อมกับได้ประกันอุบัติเหตุเพิ่มด้วย เช่น ถ้าสินค้าเราเกิดตกแตก เป็นรอย สามารถส่งเรื่องเคลมได้ทันที ทาง Apple จะเปลี่ยนตัวใหม่ให้เลย (บางสินค้ามีค่าใช้จ่าย เป็นค่าบริการเคลม ซึ่งไม่แพง และ มีการจำกัดครั้งที่เคลมต่อปี) เงื่อนไขแต่ละอุปกรณ์ไม่เหมือนกัน สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ www.apple.com/th/support/products/
ส่วน AppleCase+ สำหรับ Airpods Max ราคาอยู่ที่ 2,200 บาท โดยระยะเวลาเพิ่มจาก 1 ปี เป็น 2 ปี ครอบคลุมเรื่องแบตเตอรี่เสื่อม และอุบัติเหตุ ตกกระแทก เป็นรอย สามารถเคลมเปลี่ยนตัวใหม่ได้ทันที แต่จะมีค่าบริการส่วนนี้ 1,000 บาท และจำกัดเคลมได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี ซึ่งผมซื้อเพิ่มเพื่อความสบายใจ เพราะคิดว่ามีโอกาสกระแทกจนเป็นรอย หรือส่วนที่หุ้มโครงเปื่อย
อื่นๆ
Airpods Max มีเซ็นเซอร์ตรวจจับอยู่บริเวณใต้หูด้านนอก เมื่อเราถอดหูฟังเพลงหรือหนังจะหยุดเล่น แต่สำหรับมือถือ Androind จะไม่หยุดเล่น ต้องกด Digital Crown เอง
สั่ง "Hey Siri" แล้วพูดสั่งงานได้เลยไม่ต้องกดปุ่ม หรือจะสั่งให้ Siri อ่านข้อความให้ก็ได้ครับ
สามารถแชร์เสียงเพลง หรือหนังจากอุปกรณ์เดียวกัน โดยหูฟังอีกตัวต้องมาอยู่ใกล้ๆ
สรุป
ดยส่วนตัวแล้วพอใจกับการใช้งาน ทั้งคุณภาพเสียงที่ดี ตัดเสียงรบกวนที่ทำได้ดี การเชื่อมต่อทำได้ง่าย โหมดต่างๆแต่ละโหมดใช้งานง่ายเรียนรู้ได้ไม่ยาก
การออกแบบสวย เรียบง่าย ดูดี ตามสไตล์ Apple มีให้เลือกหลายสี สามารถเปลี่ยนตัวที่ครอบด้านในได้เอง เป็นสีสัน (มีขายแยก 2,200 บาท) วัสดุดูแข็งแรงจับถนัดมือดี
ใช้กับมือถือ Androind จะใช้ได้ไม่ครบทุกฟังก์ชั่น เช่น เรียกSiri ไม่ได้, เซ็นเซอร์ตรวจจับเวลาถอดหูเพลงจะไม่หยุดเล่น, โหมดเสียงตามตำแหน่งใช้งานไม่ได้
ตัวหูฟังค่อนข้างใหญ่ พกพาสะดวก เหมาะสำหรับฟังเพลงอยู่บ้าน
ไม่มีสายเสียบ 3.5 mm แถมมาให้ ต้องซื้อเพิ่ม 1,200 บาท
สั่งซื้อได้ที่ Apple Store Online : www.apple.com/th/shop/buy-airpods/airpods-max
อุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายภาพ
– Nikon Z6, Nikkor 24-70mm f4 s
– One Plus Nord
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
