15 ก.พ. 2021 เวลา 15:23 • การศึกษา
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2018
ณ สนามบินอู่ฮั่น
ไม่แน่ใจว่าสื่อสารแล้วเข้าใจผิดตรงไหนตอนพวกเราเช็คอินชื่อพาสปอร์ตให้พนักงานพร้อมกันที่สนามบินอู่ฮั่น ที่นั่งบนเครื่องได้นั่งกระจายห่างกันหมดเลยไม่เหมือนตอนบินจากสุวรรณภูมิมาอู่ฮั่นที่นั่งเกาะกลุ่มช่วยกันกรอกใบต.ม.กันบนเครื่อง ซึ่งพอดูที่นั่งในตั๋วเราได้ที่นั่งห่างกันพวกเราที่เหน็ดเหนื่อยกันจากที่พยายามสื่อสารเรื่องโหลดกระเป๋าน้องหญิงเสร็จเลยมองหน้ากันอย่างปลงๆว่าช่างมันเถอะไม่อยากไปคุยกับเจ้าหน้าที่สายการบินอีกแล้วเหนื่อยกันอยู่เพราะนอนกันแทบไม่หลับเลยบนเครื่องบิน พวกเราก็เลยชวนกันไปหาอะไรกินรองท้องกันเพราะตี5กว่าแล้วพวกเราต้องรอเปลี่ยนเครื่องที่นี่บินไปฮาร์บินตอน 9โมงเช้า ร้านอาหารมีเปิดอยู่ร้านเดียวคือร้านเกี๊ยวเพราะเป็นช่วงกลางตรุษจีนด้วยทำให้พนักงานและคนในสนามบินมีบางตา พวกเราที่กินเกี๊ยวกันเสร็จก็ผลัดกันงีบรอเวลาขึ้นเครื่องบินกันไปเงียบๆ รอเวลาเรียกขึ้นเครื่อง 8 โมงเช้า(บินในประเทศจะให้รอหน้าเกต1ชั่วโมงนะคะ)
อีกนิดก็ถึงฮาร์บินแล้ว
ขึ้นเครื่องบินมาเราก็แยกย้ายกันไปนั่งที่ของตัวเองกระจายๆกันไปค่ะ เครื่องบินเป็นเครื่องเล็กที่นั่งแบบ 3-3 จอยนั่งใกล้น้องฝุก โดยเรานั่งกันฝั่งซ้ายมือของเครื่องน้องฝุกนั่งริมทางเดินจอยนั่งกลางและมีคนจีนผู้หญิงคนนึงนั่งริมหน้าต่างค่ะ พอขึ้นเครื่องมาก็หลับกันเลยด้วยความเพลียจนกระทั่งแอร์มาเรียกถามว่าจะกินอะไรฝุกเลือกซีฟู้ดจอยเลือกเป็นเนื้อค่ะ หลังจากที่เราคุยกับแอร์เป็นภาษาอังกฤษเสร็จคนจีนข้างๆจอยเริ่มยิ้มชวนคุยทันที *** ได้แต่คิดในใจฟังไม่ออกช้งเช้งไปหมดเลย ทำไงดี แต่หน้าตาดูเป็นมิตรเอาวะตรุษจีนอยู่จอยเลยพูด “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” ไปประโยคนึงคนจีนทำหน้างงเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษคุยด้วยทันที เสียเซลฟ์ไปเลย ซินเจียยู่อี่นี่ไม่ใช่ภาษาจีนหรอเนี่ย คิดในใจคำที่ได้ยินมาผ่านๆหูในไทยคำไหนจีนจริงๆใช้ได้บ้างเนี่ยเครียดไปเลยค่ะ (ที่จริงแล้วประโยคนี้เป็นภาษาจีนแต้จิ๋วสำเนียงไทยๆค่ะ จีนกลางต้องพูดว่า “ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ” ใช้ตัวอักษรจีนเหมือนกัน คือ “新正如意 新年发财”หมายความว่า ขอให้ปีใหม่จีนนี้สมหวังทุกประการ มั่งคั่งร่ำรวย) ก็เลยคุยเป็นภาษาอังกฤษว่ามาเรียนภาษาจีนที่ฮาร์บินนะตั้งใจจะเรียน 1ปี เค้าเล่าว่าเคยมาเที่ยวเมืองไทยด้วยนะทะเลที่ไทยสวยมาก สวัสดีค่ะได้ด้วย คนจีนพอพูดถึงไทยเค้าพูดสวัสดีค่ะได้หลายคนเลยนะคะ เลยยิ้มสยามให้ไปอีกหนึ่งทีมีคนชมเมืองไทยแล้วพี่ผู้หญิงเค้าก็หยิบเนื้อแห้งแบบแท่งเผ็ดๆขึ้นมาชวนกินค่ะ ทีนี้งานยากเลยคือไม่รู้ว่าอะไรเรายิ่งแพ้อาหารทะเลด้วยอ่านไม่ออก เค้าหยิบขึ้นมาชิ้นนึงจากถุงแล้วใส่ปากเคี้ยวกินให้ดูด้วยคงคิดว่าเรากลัวอาหารจากคนแปลกหน้า หันไปฝุกก็หลับไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็พูดอังกฤษได้แบบกระท่อนกระแท่นน่ะค่ะเราก็ชี้ๆเค้าก็ทำมือพัดๆปากสื่อว่ามันเผ็ดนะ หลังพยายามสื่อสารกันซักพักรู้ว่าคือเนื้อวัวเลยลองชิมดู กัดไปคำแรกอร่อยมากเลยไม่น่าเล่นตัวหยิบมาชิมนิดเดียวแล้วลีลาจนเค้าเก็บถุงลงกระเป๋าเลย ได้เจอเนื้อนี้ที่ห้างหลังจากนี้ก็ซื้อมาแทะกินเล่นเป็นกับแกล้มหลายถุงเลยล่ะค่ะ เลยตอบแทบด้วยลูกอมมะขามที่ติดตัวมาไว้อมกันมึนหัวบนเครื่องบินดีนะที่ห่อมีตัวจีนเขียนไว้เราเลยไม่ต้องสื่อสารกันให้เมื่อยมืออีกรอบ หลังจากนั้นก็แยกกันหลับไปอีกหนึ่งรอบตื่นมาอีกทีคนจีนเค้ารีบจะออกไปหยิบกระเป๋าเตรียมลงเครื่องแล้วตั้งแต่สัญญาณรัดเข็มขัดยังไม่ดับเลย
ดีที่เอาเสื้อกันหนาวออกมาถือ หนาวสั่นแต่ยังถ่ายรูปกับฝุกได้
ตอนมาฮาร์บินนับเป็นโชคดีที่ได้เอาพวกเสื้อผ้าพันคอโค้ทขนเป็ดกับเสื้อกันหนาวหนาๆที่หนักๆออกมาจากกระเป๋าตอนโหลดที่อู่ฮั่น เพราะว่าพอลงเครื่องบินที่ฮาร์บินกัปตันประกาศอุณหภูมิข้างนอกติดลบ28องศาเซลเซียส แล้วสนามบินเมืองฮาร์บินเล็กค่ะ ต้องเดินลงจากเครื่องแย่งกันขึ้นรถบัสซึ่งเราเดินงงๆลงมาคนจีนเค้าพุ่งเข้าไปกันเต็มแล้ว เราเลยต้องยืนสั่นกอดกันแก้หนาวรอคันถัดมาดีนะมีเสื้อขนเป็ด ก็ว่าทำไมคนจีนเค้ารีบกันจังเลยลงพื้นอยู่บนรันเวย์ก็ปลดเข็มขัดยืนใส่โค้ทใส่ขนเป็ดกันแล้วบนเครื่องก็ยังอุ่นๆดีแท้ๆ พอบัสคันถัดมาพวกเราก็ได้ขึ้นไปกันซึ่งทั้งรถมีแต่พวกเราเลยค่ะเพราะแย่งเค้าขึ้นคันแรกกันไม่ทันเพราะไม่รู้ว่าทำไมเค้ารีบ เข้าใจเลยมันหนาวมากกกกหนาวจนมือชาเจ็บหูไปหมด ลานตรงที่รอรถบัสของสนามบินโล่งมากลมพัดมาทีเรานี่ขนลุกชันกันเลยค่ะ ถึงที่นี่เราไม่เจอต.ม.แล้วนะคะ พึ่งรู้ว่าจะโดนสัมภาษณ์สถามบินแรกที่เข้าจีนที่เหลือจะกี่ต่อก็ไม่ต้องแล้ว พอเราได้กระเป๋าก็รีบแต่งตัวกันหนาวกันจัดเต็มทันที แล้วเราก็ได้เจอกับเอ็มเอเจนซี่ที่มารอรับพวกเราที่สนามบินค่ะ
ทั้งรถบัสมีแค่พวกเรานี่ล่ะ แค่นี้กระเป๋าก็เต็มใต้ท้องรถแล้ว
ยังค่ะอาจจะคิดว่าจบแล้วนี่ก็มีคนมารับแล้ว เรื่องราวของเรามันไม่ง่ายขนาดนั้นพอดีเรามากันเร็วบินมาวันตรุษจีนพอดีทุกอย่างปิดหมดเหมือนเมืองร้างหอพักในมหาลัยยังปรับปรุงไม่เสร็จซึ่งห้องไม่พอถ้าเรารอต้องรอหลังตรุษจีนถึงจะมีช่างมาทำต่อ ตรุษจีนเมืองจีนหยุดกันเดือนนึงนานไป๊ พวกเราเลยคุยกันว่าพักโรงแรมละกันซึ่งทำให้เทอมแรกของเราได้น้ำฟรีไฟฟรีและไวไฟฟรีแถมมีแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ทุกอาทิตย์และที่สำคัญไม่มีเคอร์ฟิวส์เวลาเข้าหอพักค่ะเหมือนหอในมหาลัยค่ะ (อธิบายเพิ่มเติมว่าหอในพักห้องละ4คนแต่โรงแรมห้องละ2คนค่ะ) พอมาถึงพวกเรามัดจำค่าห้องเอา 护照 ฮู่เจ้า-พาสปอร์ตให้พนักงานโรงแรมทำ 登记 เติงจี้-ลงทะเบียน อันนี้กฎหมายจีนเคร่งมากๆเลยนะคะถ้าคุณเข้าจีนเกิน24ชั่วโมงแล้วไม่ได้ลงทะเบียนที่อยู่ ตอนขาออกคุณจะติดต.ม.และอาจถูกแบนไม่ให้เข้าจีนในครั้งต่อไป ซึ่งคุณไม่รู้ตัวเลยว่าบินอาจจะมาโดนกักตัวสอบสวนไม่ให้เข้าและไม่ให้ออกถ้าชี้แจงไม่ได้ว่าตอนมานั้นไปพักที่ใดจึงต้องระวังเรื่องการลงทะเบียนที่พำนักภายใน24ชั่วโมง หากเป็นโรงแรมที่รับต่างชาติเข้าพักได้เค้าจะทำให้อัตโนมัติอยู่แล้วโดยเค้าจะขอ 护照 ฮู่เจ้า-พาสปอร์ต ไปทำให้เราเองเลย พนักงานจะเรียกเรา您หนิน(คือ 你หนี่ คุณ แต่สุภาพกว่าค่ะ)
โรงแรมที่เราพัก
เราแทนตัวเองว่า我หว่อก็ชี้พาสปอร์ตจับคู่รูมเมทกันวุ่นวายนิดนึง รูมเมทจะเรียกว่า 同屋 ถงอู จอยเลือกน้องเบลคนไทยที่มาด้วยกันเพราะว่าสื่อสารไม่ได้เลยจริงๆกลัวจะอยู่ไปไม่ได้ อย่างน้อยมีรูมเมทคนไทยมีอะไรยังสื่อสารรู้เรื่อง พอเสร็จเรียบร้อยเราจะได้การ์ดมาคนละใบสำหรับเข้าห้องและเดี๋ยวเอ็มจะพาพวกเราไปซื้อของใช้จำเป็นและพาไปกินข้าวพวกเราดูเวลาก็บ่าย3เข้าไปแล้วเลยรีบเอากระเป๋าไปโยนเข้าห้องแล้วออกไปกินข้าวที่ร้านKFCกันเนื่องจากตรุษจีนร้านอื่นปิดกันเหมือนเมืองร้าง
ซิมการ์ดจีน
เอ็มแจกซิมการ์ดให้เราแล้วแนะนำว่าในร้านKFC ทุกร้านในจีนจะมีห้องน้ำให้เข้าฟรีเดินเข้าได้เลยถ้าหาไม่ได้เดินลงรถไฟฟ้าใต้ดินจะมีห้องน้ำทุกสถานีจะอยู่ปลายสุดของชั้นชานชลาเหมือนกันทุกเมืองทั่วประเทศ ตอนหน้าหนาวที่นี่มืดเร็วมากกินข้าวแค่แป้บเดียวก็ฟ้ามืดแล้วหลังจากอิ่มกันแล้วเอ็มก็พาพวกเราไปดูร้านขายของใช้จิปาถะที่ราคาถูกมากๆ แต่ละคนก็ซื้อของใช้พวกทิชชู่ ลูกกลิ้งกาว ไปทำความสะอาดห้องกัน แล้วก็น้ำดื่มขวดใหญ่ แล้วก็ลองนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน1สถานีกลับโรงแรมกันตามวิธีที่เอ็มสอนใช้งานตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ แค่เดินจากรถไฟฟ้าแป้บเดียวน้ำขวดที่ถือเย็นเจี๊ยบเลยด้วยความที่ยิ่งมืดยิ่งอุณหภูมิยิ่งลดตอนเดินกลับอุณหภูมิประมาณติดลบ32-34องศาค่ะ ด้วยความที่วันนี้เป็นวันตรุษจีนด้วยพอถึงโรงแรมอาอี๋พนักงานก็ชวนพวกเรากินเกี๊ยวด้วยกันค่ะ แต่ด้วยความเหนื่อยเราได้แต่ส่ายหน้าแล้วแยกย้ายไปจัดห้องกัน ตอนแรกคิดว่าพอเอาลูกกลิ้งมากลิ้งทำความสะอาดฝุ่นที่เตียง(เราไม่ได้ใช้วิธีสลัดเพราะห้องปิดทึบไม่รู้ปูเตียงทิ้งไว้มานานแค่ไหนแล้วกลัวฝุ่นจะฟุ้งค่ะ) แล้วก็เอาผ้ามาถูห้องเพื่อกางกระเป๋าเดินทางรื้อของออกมาจัดเข้าตู้กันเสร็จแล้วจะรีบนอน ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นค่ะ
ได้คีย์การ์ดมาคนละใบ เป็นห้อง2เตียงแบบโรงแรมมาตราฐาน
คนที่มาเคาะประตูห้องจอยนั้นคือน้องหญิงค่ะ มาเรียกว่าพี่ๆมาดูห้องหนูหน่อยได้มั้ยคะมันมีพลาสติกแปะไว้ที่หน้าต่างเยอะเลยเหมือนมันเสียรึเปล่า ที่จริงห้องน้องหญิงกับจอยห่างกันแค่มี1ห้องคั่นกลางค่ะแล้วถัดไปอีก1ห้องก็เป็นห้องน้องฝุก ในหัวจอยตอนนั้นนี่แบบไม่ไปได้มั้ยง่วงแล้ว แต่หน้าตาน้องหญิงดูกังวลมากก็เลยตัดสินใจไปดูห้องน้องด้วยกันค่ะ เนื่องจากเรามาตรุษจีนคนส่วนใหญ่จะกลับประเทศตัวเองกันค่ะ เรามาเร็วดังนั้นถ้าคนที่เลือกจะมีรูมเมทต่างชาติจะได้รับการสุ่มเข้าห้องจะได้เข้าไปอยู่ในห้องที่มีคนอยู่ก่อนหน้าแล้ว1คน ซึ่งเราจะเข้าไปแบบงงๆเลยค่ะ พอตามน้องหญิงเข้าไปก็เจอกับของวางไว้ทั่วเลย แล้วเราก็ไม่รู้ว่าปกติอีกคนเค้านอนเตียงไหนน้องหญิงเลยตัดสินนอนเตียงริมหน้าต่างค่ะก่อนจะพาเราไปดูว่ามีพลาสติกติดอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ได้เสียอะไรค่ะ พอเราถามข้อมูลวันต่อมาก็ได้รู้ว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของนักเรียนที่ฮาร์บินเนื่องจากอากาศติดลบช่วงกลางคืนหนาวลงไปได้ถึงติดลบ40+เลยมีการเอาแผ่นพลาสติกมาปิดรอบๆหน้าต่างหลายๆชั้นเพื่อกักความเย็นภายนอกไม่ให้เข้าห้อง ซึ่งหลังจากนั้นน้องหญิงก็ได้ใช้มุมนี้เป็นตู้เย็นส่วนตัวไปค่ะ ตอนนั้นเราก็ได้แต่ดูๆแล้วก็ถามน้องว่าจะมานอนด้วยกันคืนนี้ก่อนมั้ยจอยพกถุงนอนมาด้วยซึ่งน้องก็ปฏิเสธแล้วเราก็แยกย้ายกันไปนอนค่ะ ถามว่าหลับลงมั้ยตรุษจีนนี่บอกเลยว่าเหมือนสงครามย่อยๆเลยค่ะพลุดังขึ้นทุกทิศเสียงกระหึ่มเซอร์ราวด์รอบทิศ ถึงในห้องจะมีฮีตเตอร์แต่ว่าสำหรับจอยนอนฝั่งริมหน้าต่างก็ยังรู้สึกหนาวอยู่หน่อยๆเลยเอาถุงนอนมาห่มเพิ่มอีกชั้นนึงค่อยอุ่นขึ้นแล้วก็หลับไปพลางคิดกังวลถึงวันพรุ่งนี้จะรอดมั้ยพยากรณอากาศในมือถือขึ้นว่าจะเย็นเพิ่มขึ้นจากวันนี้ไปอีก4องศา
นอกหน้าต่างมองออกไปขาวโพลน หนาวจนต้องเอาถุงนอนออกจากกระเป๋าเดินทางมาห่มเพิ่มเลยค่ะ เสบียงบางส่วนจากกระเป๋าเดินทางบอกเลยว่าขนมาทีอยู่ได้ทั้งปีไม่มีอด
ตัวเขียนภาษาไทยไม่สามารถเลียนเสียงภาษาจีนได้เป๊ะๆน้า แต่แอดมินเขียนไว้ให้เป็นไกด์ไลน์แนะนำให้อิงพินอินเป็นหลักนะคะ
ค่าใช้จ่ายวันนี้
ค่าซิมการ์ด 200 หยวน
ค่ามัดจำห้องพัก 200 หยวน
กิน KFC 30 หยวน
ค่ารถไฟฟ้าใต้ดิน 2 หยวน
ซื้อของใช้จิปาถะมาทำความสะอาดห้องพวกลูกกลิ้งกาวทิชชู่ และน้ำดื่ม 24 หยวน
โฆษณา