16 ก.พ. 2021 เวลา 01:02 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
การออกแบบถนนสมบูรณ์ : นวัตกรรมการออกแบบถนนสำหรับเมืองน่าอยู่ (Completed Streets : Design Innovation for Livable Cities)
ถนนสมบูรณ์ในสหรัฐอเมริกา ภาพจาก https://www.asiaspaceplanning.org
บทนำ
เป็นระยะเวลากว่า 70 ปี ที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานระดับรัฐในประเทศไทยได้ถูกพัฒนาขึ้นในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการคมนาคมขนส่งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง คือ กระทรวงคมนาคม (Thailand Transport Portal) เป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ของการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในประเทศ ทั้งนี้ หน่วยงานราชการย่อยในสังกัดที่เกี่ยวข้องกับระบบคมนาคมขนส่งและการจราจรทางบก ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก, กรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท และ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรจะมีบทบาทในการวางนโยบายและแผนยุทธศาสตร์เพื่อกำหนดกรอบและจัดทำแผนการปฏิบัติการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ซึ่งมีความเกี่ยวข้องการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทุกประเภท และถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบถนนในประเทศไทยอย่างยิ่ง
ระบบถนนในประเทศไทยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ 1. ระบบถนนในเมือง (City Street) และ 2. ระบบถนนในชนบท (Local Street Network) ซึ่งจะมีความสำคัญลดหลั่นกันตามประเภทและการใช้งาน การพัฒนาระบบถนนในประเทศไทยโดยส่วนใหญ่ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นได้ มีการพัฒนาตามหลักทฤษฎีทางวิศวกรรมการขนส่งและจราจรซึ่งแสดงถึงเทคนิควิทยาการทางวิศวกรรมที่ก้าวหน้าที่ได้รับจากประเทศตะวันตก รวมไปถึงระบบการป้องกันความปลอดภัยที่ให้ความสำคัญเฉพาะผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะประเภทต่าง ๆ เท่านั้น แต่สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของการออกแบบถนนโดยให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ใช้งานหลากหลายประเภทและหลากหลายรูปแบบการเดินทางมากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนโดยเฉพาะระบบถนนในเมืองที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับคนเดินเท้า เมื่อลักษณะเมืองถูกปรับเปลี่ยนเพราะรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนเปลี่ยนไป การพึ่งพาอาศัยโดยรถยนต์นั้นเริ่มถูกจำกัดและลดความสำคัญลง ซึ่งแตกต่างกับการพัฒนาในประเทศไทยที่ยังคงเน้นความสำคัญไปที่ผู้ใช้รถยนต์เป็นหลัก การเปลี่ยนแนวคิดการพัฒนาระบบถนนในต่างประเทศ ที่ได้มาจากการผลักดันอย่างเข้มแข็งของกลุ่มสัมพันธมิตรส่งเสริมถนนแบบสมบูรณ์ในระดับชาติ (The National Complete Streets Coalition) ถือว่าได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อการเดินทางและการใช้ชีวิตของคนที่อาศัยอยู่ในเมืองไปโดยสิ้นเชิง
นโยบายการส่งเสริมถนนสมบูรณ์และข้อบังคับในปัจจุบัน (Current Policy Statements and Regulations) ที่มา: Complete Streets Prince Avenue. (2012). Introduction to Complete Streets. Retrieved June, 16, 2014, from http://completestreetsprince.org/safety-by-design/complete-streets-introduction/
ต้นกำเนิดกลุ่มออกแบบถนนสมบูรณ์ (The National Complete Streets Coalition)
ปัจจุบันการพัฒนาระบบถนนของเมืองในประเทศแถบตะวันตกและยุโรปได้พัฒนาไปสู่การให้ความสำคัญของคนเดินเท้าและกลุ่มผู้ใช้จักรยานมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตามลำดับรวมถึงส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ประหยัดพลังงานรักษาสิ่งแวดล้อม (Green Transportation) นอกจากนี้ยังพยายามลดความจำเป็นของการใช้รถยนต์ภายในเมืองทุกรูปแบบ ด้วยการสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชนเป็นหลักสำหรับเดินทางภายในเมืองโดยถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบหลักของผู้บริหารเมือง (Local Government) โดยมุ่งเน้นไปที่การลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับประชาชน แนวคิดการพัฒนาระบบถนนในอเมริกาและแคนาดาในช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดจากการผลักดัน โดยกลุ่มสัมพันธมิตรส่งเสริมถนนสมบูรณ์ในระดับชาติ (The National Complete Streets Coalition) เป็นกลุ่มที่สนับสนุนให้เกิดการสร้างถนนสมบูรณ์ (Complete Street) ในอเมริกา ซึ่งค่อนข้างมีความแข็งแกร่ง และมี “พันธมิตร”ที่คอยรณรงค์และสนับสนุนต่อความเชื่อที่ว่า ถนน (โดยเฉพาะถนนในเมือง) จะต้องเป็นถนนที่ปลอดภัยต่อทุกคน ไม่ใช่แค่เฉพาะคนขับรถยนต์เท่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อจะสร้างถนน ก็ต้องมีทางเท้า ทางข้าม ป้ายสัญญาณต่างๆ ที่เอื้อให้ ‘คนเดินเท้า’ รู้สึกว่าตนมีสิทธิที่จะใช้ถนนเท่าเทียมกันกับคนขับรถยนต์ด้วย (โตมร ศุขปรีชา,2013) นอกจากการผลักดันนโยบายให้เกิดการพัฒนาระบบถนนสมบูรณ์ในระดับชาติแล้วยังมีการศึกษาวิจัยและทดลองเทคนิควิธีการปฏิบัติการออกแบบถนนสมบูรณ์ เพื่อหารูปแบบและแนวทางที่เหมาะสมในการออกแบบในแต่ละพื้นที่ จึงเป็นความก้าวหน้าวิทยาการนวัตกรรมด้านผังเมืองและการออกแบบชุมชนเมือง (Planning and Urban Design Innovation) ที่มุ่งเน้นไปสู่ภาคการปฏิบัติจริงที่ประสบผลสำเร็จ เกิดเป็นวิธีปฏิบัติที่ดีที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทั้งอเมริกาและแคนาดา และประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่คำนึงถึง การศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้ถนนผสานทฤษฎีด้านการวางผังและการออกแบบ รวมถึงเทคนิคด้านวิศวกรรมจราจรและสุขภาพของสาธารณะเป็นหลัก
หลักการออกแบบถนนสมบูรณ์ (Principle: The Complete Street)
หลักการออกแบบถนนสมบูรณ์ จะให้ความสำคัญที่คำนึงถึงกลุ่มผู้ใช้งาน 4 ประเภท ได้แก่ กลุ่มคนเดินเท้า กลุ่มผู้ใช้จักรยาน กลุ่มผู้ใช้ระบบขนส่งมวลชนโดยเน้นระบบขนส่งมวลชนสีเขียว และกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ตามลำดับ ส่วนความก้าวหน้าทางวิชาด้านฝั่งประเทศในยุโรป ที่มีพัฒนาการไปถึงการมองระบบถนนเป็นพื้นที่สาธารณะ ที่เปรียบเสมือนห้องรับแขก (Living Street) ซึ่งสร้างความรู้สึกเสมือนอยู่ในบ้านและมีความเป็นกันเองสูง สำหรับแนวทางการพัฒนาถนนสมบูรณ์ในอเมริกาได้คำนึงถึงปัจจัย 6 ด้าน ตามหลักการของถนนสมบูรณ์ยังให้ความสำคัญสอดคล้องกับผลประโยชน์ด้านอื่น ๆ ที่ประชาชนจะได้รับ ได้แก่ 1.ความปลอดภัย 2.ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน 3.สุขภาพของสาธารณะ 4.ความสามารถในการรองรับ 5.ความยั่งยืน และ 6.การคำนึงถึงระยะเวลาที่เหมาะสม
การออกแบบถนนสมบูรณ์ในขั้นต้นจึงมุ่งเน้นไปในเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยอาศัยหลักการ 3E ซึ่งได้แก่ วิศวกรรม (Engineering) การศึกษา (Education) และ การบังคับใช้ (Enforcement)โดยใช้ลักษณะการทางการศึกษาวิจัยโดยการมองกรอบใหญ่ของการพัฒนามากกว่าการแยกส่วนเพื่อแก้ปัญหาในจุดใดจุดหนึ่งซึ่งเป็นการบูรณาการแก้ปัญหาการจราจรแบบองค์รวมและได้อาศัยหลักข้อกำหนดการจำแนกลำดับชั้นของย่านในระดับภาค (Urban Transect) เป็นองค์ประกอบของการออกแบบที่อาศัยความสูงของอาคารที่มีความสัมพันธ์กับความกว้างของถนนและทางเท้า ซึ่งขนาดของทางเท้าจะต้องมีขนาดที่สัมพันธ์และเพียงพอต่อการรองรับคนเดินเท้า นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึง หลักการวางองค์ประกอบของถนนสมบูรณ์ ได้แก่ ต้นไม้ สตรีทเฟอร์นิเจอร์ ระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งต้องมีการจัดลำดับชั้นของการวางตำแหน่งตามสภาพพื้นที่นั้น ๆ
ถนนสมบูรณ์ในเมืองเบลลิ่งแฮม (Complete Streets features make this street in Bellingham) ที่มา: Stefanie Seskin. (2013). Join the National Complete Streets Coalition at the 2013 National Walking Summit. Retrieved June, 16, 2014, from http://www.smartgrowthamerica.org/2013/08/22/join-the-national-complete-streets-coalition-at-the-2013-national-walking-summit/
หลักการออกแบบถนนสมบูรณ์ (Principle: The Complete Street)
หลักการออกแบบถนนสมบูรณ์ จะให้ความสำคัญที่คำนึงถึงกลุ่มผู้ใช้งาน 4 ประเภท ได้แก่ กลุ่มคนเดินเท้า กลุ่มผู้ใช้จักรยาน กลุ่มผู้ใช้ระบบขนส่งมวลชนโดยเน้นระบบขนส่งมวลชนสีเขียว และกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ตามลำดับ ส่วนความก้าวหน้าทางวิชาด้านฝั่งประเทศในยุโรป ที่มีพัฒนาการไปถึงการมองระบบถนนเป็นพื้นที่สาธารณะ ที่เปรียบเสมือนห้องรับแขก (Living Street) ซึ่งสร้างความรู้สึกเสมือนอยู่ในบ้านและมีความเป็นกันเองสูง สำหรับแนวทางการพัฒนาถนนสมบูรณ์ในอเมริกาได้คำนึงถึงปัจจัย 6 ด้าน ตามหลักการของถนนสมบูรณ์ยังให้ความสำคัญสอดคล้องกับผลประโยชน์ด้านอื่น ๆ ที่ประชาชนจะได้รับ ได้แก่ 1.ความปลอดภัย 2.ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน 3.สุขภาพของสาธารณะ 4.ความสามารถในการรองรับ 5.ความยั่งยืน และ 6.การคำนึงถึงระยะเวลาที่เหมาะสม
การออกแบบถนนสมบูรณ์ในขั้นต้นจึงมุ่งเน้นไปในเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยอาศัยหลักการ 3E ซึ่งได้แก่ วิศวกรรม (Engineering) การศึกษา (Education) และ การบังคับใช้ (Enforcement)โดยใช้ลักษณะการทางการศึกษาวิจัยโดยการมองกรอบใหญ่ของการพัฒนามากกว่าการแยกส่วนเพื่อแก้ปัญหาในจุดใดจุดหนึ่งซึ่งเป็นการบูรณาการแก้ปัญหาการจราจรแบบองค์รวมและได้อาศัยหลักข้อกำหนดการจำแนกลำดับชั้นของย่านในระดับภาค (Urban Transect) เป็นองค์ประกอบของการออกแบบที่อาศัยความสูงของอาคารที่มีความสัมพันธ์กับความกว้างของถนนและทางเท้า ซึ่งขนาดของทางเท้าจะต้องมีขนาดที่สัมพันธ์และเพียงพอต่อการรองรับคนเดินเท้า นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึง หลักการวางองค์ประกอบของถนนแบบสมบูรณ์ ได้แก่ ต้นไม้ สตรีทเฟอร์นิเจอร์ ระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งต้องมีการจัดลำดับชั้นของการวางตำแหน่งตามสภาพพื้นที่นั้น ๆ
ทางจักรยานเป็นภารกิจหนึ่งของการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมถนนสมบูรณ์ ที่มา: Aaron Bialick. (2015).Posts from the Colored Bike Lanes Category. RetrievedMay, 17, 2016, from http://sf.streetsblog.org/category/issues-campaigns/colored-bike-lanes/
เทคนิคและวิธีการทำถนนให้ปลอดภัย โดยทั่วไปจะคำนึงถึงพื้นฐานความต้องการโดยอาศัยความชำนาญด้านวิศวกรรมจราจร และการพินิจพิจารณา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมใหม่ เช่น การให้คำแนะนำในการเลี้ยว และระยะเวลาของการมองเห็นป้ายสัญญาณจราจรและเทคนิคการปฏิบัติที่สามารถเข้าใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม กุญแจที่สำคัญทางด้านแนวคิดในการออกแบบถนนให้ปลอดภัย มี 5 ประการ ได้แก่
1. การทำถนนให้ง่ายต่อการใช้งานสำหรับผู้ใช้ (Make the Street Easy to Use) ความต้องการขั้นพื้นฐานที่หลากหลายของผู้คนในเมือง คือ การขับรถ การเดินและการปั่นจักรยาน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุจำเป็นต้องมีเงื่อนไขในแนวทางที่ว่า จะต้องสร้างตัวอย่างของการขับเคลื่อนการจราจรตลอดเส้นทางของถนนที่เป็นโครงข่ายให้เชื่อมต่อกัน
2. การสร้างสรรค์ความปลอดภัยด้วยหมายเลข (Create Safety in Number) การทำให้ผู้ใช้ถนนป้องกันการได้รับบาดเจ็บ เช่น การมีทางเดินเท้า และทางปั่นจักรยานที่ชัดเจนที่สามารถมองเห็นได้ โดยหลักการออกแบบลำดับของการจัดวาง จะต้องประยุกต์ใช้แนวทางของการออกแบบระยะสัญญาณจราจร และป้ายแสดงการลดการขับขี่ด้วยความเร็วที่สูงเกินไป
3. การทำสิ่งที่มองไม่เห็นให้มองเห็น (Make the Invisible Visible) การวางกลุ่มผู้ใช้ให้สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายรวมถึงองค์ประกอบของป้ายและสัญญาณจราจร สัญลักษณ์ต่าง ๆ บนถนน เป็นต้น
4. การเลือกคุณภาพมากกว่าปริมาณ (Choose Quality Over Quantity) ถนนและสี่แยก ควรออกแบบตามลักษณะของรูปทรงเรขาคณิต และออกแบบตามหลักการความสำคัญตามลำดับ
5. การมองภาพใหญ่มากกว่าส่วนย่อยหรือมองเฉพาะจุดเล็ก ๆ ที่มีปัญหา (แต่สำคัญ) (Look Beyond the (Immediate) Problem) การขยายขอบเขตของพื้นที่เป้าหมาย เพื่อหาวิธีแก้เชิงพื้นที่ ของพื้นที่ที่ไม่สามารถแยกขาดจากกันได้
โครงการกรีนเลน (Peoplefor Bikes)การส่งเสริมเลนจักรยานในสหรัฐอเมริกาเพื่อประชาสัมพันธ์ส่งเสริมนโยบายการสร้างถนนสมบูรณ์ ที่มา: Michael Andersen. (2014). The Letter to the Times That Foresaw NYC’s Biking Triumph 10 Years Ago. Retrieved September, 8, 2014, from http://usa.streetsblog.org/2014/09/08/the-letter-to-the-times-that-foresaw-nycs-biking-triumph-10-years-ago/
ปฏิบัติการมีส่วนร่วมออกแบบถนนสมบูรณ์ (Involvement Designing Complete Streets) สำหรับขั้นตอนปฏิบัติการมีส่วนร่วมถนนสมบูรณ์นั้น The Complete Streets Coalition ได้กำหนดขั้นตอนหลักไว้ 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. การอธิบายข้อมูลพื้นฐานของถนนสมบูรณ์ ประกอบด้วย 1) ผลประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับ 2) ตัวอย่างความสำเร็จของนโยบายถนนสมบูรณ์ในสถานที่ต่างๆ 3) เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างสภาพของถนนในปัจจุบันกับถนนสมบูรณ์ และเสนอแนวทางการประยุกต์ถนนสมบูรณ์เพื่อใช้ในชุมชน
2. การอธิบายนโยบายการจัดทำถนนสมบูรณ์ ประกอบด้วย 1) นโยบายและวิธีปฏิบัติ 2) รูปแบบนโยบายและเครื่องมือ 10 ข้อในการนำถนนสมบูรณ์ไปใช้ 3) การกำหนดเป้าหมายและวิธีการวัดทางสถิติถนนแบบสมบูรณ์ และ 4) การนำถนนสมบูรณ์ไปใช้ตอบสนองการใช้งานของชุมชน
3. การนำนโยบายถนนสมบูรณ์สู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย 1) การนำถนนสมบูรณ์ให้เป็นนโยบายของท้องถิ่น 2) การใช้ 4 ขั้นตอนในการปฏิบัติการ และ 3) การสรุปปัญหาอุปสรรคในการนำถนนสมบูรณ์สู่การปฏิบัติและร่วมกันหาแนวทางแก้ไข และการร่างขั้นตอนการปฏิบัติจริง
ถนนสมบูรณ์ ในสิงคโปร์ (Boulevard example: City of Singapore) ที่มา: Singapore (ผู้เขียน)
ส่วนการสร้างแรงจูงใจส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนได้กำหนดขั้นตอนหลักไว้ 3 ขั้นตอน ดังนี้
1) ต้องรณรงค์ว่า ถนน (โดยเฉพาะถนนในเมือง) จะต้องเป็นถนนที่ปลอดภัยต่อทุกคน ไม่ใช่แค่กับคนขับรถยนต์เท่านั้น เพราะฉะนั้น เมื่อจะสร้างถนน ก็ต้องมีทางเท้า ทางข้าม ป้ายสัญญาณต่างๆ ที่เอื้อให้ ‘คนเดินเท้า’ รู้สึกว่าตนมีสิทธิที่จะใช้ถนนเท่าเทียมกันกับคนขับรถยนต์ด้วย
2) ในเวลาเดียวกันก็ต้อง “กล่อม”รถยนต์ให้ “สงบ”คือ ไม่พยศจนเป็นอันตรายกับคนอื่นด้วยการลดความเร็วสูงสุดลง (เลิกการเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด เป็นต้น)
3) ปลูกต้นไม้บนถนนเพิ่มขึ้น ลดพื้นที่สำหรับรถยนต์ลง และอื่นๆ รวมไปถึงการสนับสนุนให้คนหันมาใช้ “ทางเลือก” อื่นๆ ในการเดินทาง เช่น มีทางรถเมล์ ทางจักรยาน ฯลฯ โดยที่การสัญจรทางเลือกเหล่านี้ต้องใช้ได้จริงและกว้างขวางครอบคลุม
การใช้เทคนิคการจำลองสถานการณ์จริงในกระบวนการปรับเปลี่ยนพื้นที่ (Pop-Up Planning)
สำหรับการเรียนการสอนด้านการวางผังและการออกแบบชุมชนเมือง ตามแนวทางในต่างประเทศได้ใช้วิธีการจำลองสถานการณ์ และปฏิบัติการภาคสนามโดยการจำลองเหตุการณ์สมมุติก่อนดำเนินการก่อสร้าง เพื่อส่งเสริมแรงจูงใจในการยอมรับของประชาชนในพื้นที่และผู้ใช้รถยนต์ ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับสำหรับการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมในพื้นที่ สามารถช่วยส่งเสริมความเข้มแข็งในชุมชน และเสริมสร้างประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติสำหรับทีมนักออกแบบนอกจากนั้น เทคนิควิธีการปฏิบัติการภาคสนามเป็นยุทธวิธีที่สำคัญที่จะประสานหน่วยงานท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของการพัฒนาพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น
กลยุทธ์วางแผนวิธีการใหม่สำหรับการปฏิรูปกระบวนการทางสาธารณะ ที่มา: Amber Hawkes. (2013). Pop-Up Planning: New Methods for Transforming the Public Process. Retrieved June, 16, 2014, from http://thisbigcity.net/pop-up-planning-new-methods-for-transforming-the-public-process/
บทสรุป
ถนนสมบูรณ์ (Complete Street) ถือเป็นนวัตกรรมด้านการออกแบบชุมชนเมือง ที่ได้รับการยอมรับและพิสูจน์ให้เห็นถึงวิทยาการก้าวหน้าอีกขั้นของการออกแบบถนน โดยให้ความสำคัญไปที่ความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนทุกกลุ่ม สร้างผลประโยชน์และความเสมอภาคของกลุ่มผู้ใช้ โดยไม่ได้มองไปที่การแก้ปัญหาการจราจรเป็นหลัก แต่คำนึงถึงดุลภาพระหว่างผู้ใช้งานแต่ละประเภท ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดในอดีตที่ให้ความสำคัญเฉพาะรถยนต์ แนวคิดถนนสมบูรณ์แม้พึ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน แต่หลายมลรัฐในอเมริกาและแคนาดาได้รับการยอมรับและปฏิบัติโดยทั่วไป รวมไปถึงประเทศที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบกายภาพภายในเมืองที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนซึ่งไม่เพียงแต่มุ่งเน้นเฉพาะด้านเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น งานออกแบบกายภาพจึงเป็นจุดแรกเริ่มของการแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิตที่มีความสำคัญ ถึงเวลาที่ระบบกายภาพบนท้องถนนควรได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น และให้ความสำคัญกับคนเดินเท้าเป็นอันดับแรก โดยการผลักดันให้มีการสนับสนุนการออกแบบถนนสมบูรณ์ให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะผลประโยชน์ที่ได้รับกลับมาไม่มีอะไรที่นอกเหนือไปจาก ความปลอดภัย สุขภาพที่ดี และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการดำรงชีพของมนุษย์
เอกสารอ้างอิง
ฐาปนา บุณยประวิตร. (2013). การประชุมวางแผนถนนแบบสมบูรณ์ (Complete Streets Workshop) ที่ชุมชนมีส่วนรวม. Retrieved June, 16, 2014, from http://www.oknation.net/blog/smartgrowth/2012/02/22/entry-1
โตมร ศุขปรีชา. (2013). ถนนมีชีวิต. Retrieved June, 16, 2014, from http://thaipublica.org/2013/04/living-street/
Amber Hawkes. (2013). Pop-Up Planning: New Methods for Transforming the Public Process. Retrieved June, 16, 2014, from http://thisbigcity.net/pop-up-planning-new-methods- for-transforming-the-public-process/
Aaron Bialick. (2013). Posts from the Colored Bike Lanes Category. Retrieved June, 16, 2014, fromhttp://sf.streetsblog.org/2013/06/18/bikeway-on-mission-instead-of- market-does-anybody-think-its-a-good-idea/
Complete Streets Prince Avenue. (2012). Introduction to Complete Streets.
Michael Andersen. (2014). The Letter to the Times That Foresaw NYC’s Biking Triumph 10 Years Ago. Retrieved September, 8, 2014, from http://usa.streetsblog.org/2014/09/08/the-letter-to-the-times-that-foresaw-nycs-biking- triumph-10-years-ago/
Stefanie Seskin. (2013). Join the National Complete Streets Coalition at the 2013 National Walking Summit. Retrieved June, 16, 2014, from http://www.smartgrowthamerica.org/2013/08/22/join-the-national-complete-streets- coalition-at-the-2013-national-walking-summit/
เขียนโดย ศิวพงศ์ ทองเจือ สามัญสถาปนิก (ส-สผ 26 สถาปัตยกรรมผังเมือง) ประธานกรรมาธิการสถาปนิกผังเมืองทักษิณ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านผังเมืองในคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมจังหวัดภูเก็ตและพังงา
โฆษณา