📅ปัจจุบันมีแนวทางการหาบุคคากรหลากหลายรูปแบบด้วยกัน แต่รู้หรือไม่ว่าแต่ละแบบจะมีข้อดีและข้อเสียต่างกันอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นการประกาศตามสื่อออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อของบริษัท หรือแม้แต่งาน job fair ต่างๆ
ดังนั้นเราจึงควรพิจารณาว่าแนวทางไหนที่จะให้ประสิทธิภาพในการคัดเลือกบุคคลาการสูงที่สุด
1. แหล่งประกาศหางานออนไลน์
โลกออนไลน์เป็นแหล่งที่ผู้ประกอบการยุคปัจจุบันมักไปหาบุคลากร เนื่องด้วยโลกออนไลน์นั้นให้ความสะดวกสบายและสามารถแพร่ข่าวได้เป็นวงกว้าง แต่การประกาศหางานออนไลน์นั้นก็มีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ผ่านเว็บไซต์ หรือตามโซเชียลมีเดียต่างๆ
ข้อดี 👍
• ได้คนที่สนใจอยากจะได้งานจริงๆ
• เว็ปหางานที่มีชื่อเสียงจะมีคนเข้าถึงหลากหลายและเป็นจำนวนมาก เช่น JobsDB Jobthai Job BKK และ Job Top Gun
• เข้าถึงผู้สมัครได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ผู้สมัครสามารถคัดกรองงานได้ตามความต้องการ
ข้อเสีย 👎
• ไม่สามารถควบคุมข้อมูล หรือบริหารสื่อได้ด้วยตัวเอง
• ค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร
2. เครือข่ายสังคมออนไลน์ด้านธุรกิจ (Business Social Networks)
ฟังจากชื่อแล้วอาจจะงง แต่เครือข่ายสังคมออนไลน์ด้านธุรกิจที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ LinkedIn นั่นเอง
ข้อดี 👍
• สามารถเข้าถึงบุคลากรทั่วโลก หลากหลายสายงาน
• เข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพดี
• สามารถติดต่อกับผู้สมัครได้โดยตรง ทั้งผู้ที่กำลังหางาน หรือผู้ที่ยังทำงานอยู่แต่มีโปรไฟล์น่าสนใจ
ข้อเสีย 👎
• มีตัวเลือกมากจนเกินไป อาจใช้เวลานานในการคัดเลือก
• ไม่คุ้มค่าที่จะหาบุคคลากรสำหรับตำแหน่งงานพื้นฐาน หรือตำแหน่งงานที่ไม่ได้ต้องการผู้มีทักษะหรือ ความสามารถสูง
3. ประกาศผ่านสื่อสิ่งพิมพ์
ในอดีต การประกาศรับสมัครงานผ่านสื่อสิ่งพิมพ์เป็นสิ่งที่นิยมที่สุด หากคุณกำลังหาบุคคลาการที่มีประสบการณ์ทำงานมามากแล้ว การประกาศผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ก็เป็นอีกตัวเลือกนึงที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
ข้อดี 👍
• สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทได้
• เหมาะสำหรับการสรรหาบุคคลากรที่มีประสบการณ์การทำงานมานาน อยู่ในระดับอาวุโส หรือระดับบริหาร
• อาจได้สื่อผสมผสาน ทั้งสิ่งพิมพ์ และแหล่งงานออนไลน์ของสื่อนั้นๆ
ข้อเสีย 👎
• กระจายสื่อได้น้อย ไม่เป็นที่แพร่หลาย
• ระยะเวลาเผยแพร่ของสื่อมีอายุจำกัด
• ใช้เวลานาน และมีค่าใช้จ่ายสูง
4. สื่อของตนเอง
หากบริษัทคุณเริ่มมีชื่อเสียงมากพอ การประกาศบนเว็บไซต์ของตนเองก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยเลย เพราะเด็กรุ่นใหม่หากสนใจบริษัทอะไรก็มักจะเข้าไปศึกษาพื้นฐานของบริษัทนั้นผ่านเว็บไซต์
ข้อดี 👍
• ประหยัดงบประมาณ
• สามารถคัดกรองผู้สมัครที่อยากร่วมงานกับบริษัทได้ดี เพราะผู้สมัครมักเป็นผู้ที่มีความสนใจและรู้จักองค์กรเป็นอย่างดี
• สามารถบริหารจัดการสื่อได้ด้วยตนเอง รวดเร็ว และสร้างสรรค์สื่อได้ไม่จำกัด
• มีฐานข้อมูลเป็นของตนเอง
ข้อเสีย 👎
• สื่อไม่แพร่กระจายเป็นวงกว้างไปถึงกลุ่มคนอื่นๆ ทำให้สื่ออาจแพร่ไปไม่ถึงบุคคลที่มีความสามารถ
5. มหกรรมจัดหางาน (Job Fair)
เป็นมหกรรมที่ดีมากเลยทีเดียวเพราะได้นำผู้สมัครงาน และบริษัทต่างๆ มาพบกันโดยตรง ส่วนมากจะใช้ในการหาเด็กจบใหม่ในมหาวิทยาลัย
ข้อดี 👍
• บริษัทสามารถพบปะกับผู้สมัครได้โดยตรง ไม่เสียเวลาไปกับขั้นตอนต่างๆ อีกทั้งยังเห็นบุคลิกภาพของผู้สมัคร และสามารถสอบถามข้อมูลได้ทันท่วงที
• มักได้ผู้สมัครที่สนใจอยากได้งานทำจริงๆ
• เป็นข้อดีสำหรับบริษัทที่ต้องการได้นักศึกษาจบใหม่ ไฟแรง เพราะคนกลุ่มวัยเริ่มต้นทำงานจะชอบและอยากไปเดิน Job Fair มากกว่าคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว
ข้อเสีย 👎
• มีค่าใช้จ่ายหลายส่วน
• เสียเวลา และ เสียกำลังคน ในการไปร่วมงาน
6. ใช้บริการจากบริษัทจัดหางาน
วิธีนี้อาจมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่สามารถคัดเลือกบุคคลที่มีศักยภาพมาร่วมงานได้ดี
ข้อดี 👍
• มีผู้เชี่ยวชาญด้านการสรรหาบุคคลากรเป็นที่ปรึกษาที่ดี
• มีตัวกลางในการสรรหาบุคคลากร ตั้งแต่ประกาศรับสมัคร ไปจนถึงคัดเลือกคนที่น่าสนใจ
• ได้คนที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการคัดกรองมาอย่างดี
ข้อเสีย 👎
• ไม่สามารถควบคุมข้อมูล หรือบริหารสื่อได้ด้วยตัวเอง
• มีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร
• ต้องจ่ายอัตราจ้างที่แพงขึ้น อาจมาจากการทุ่มเงินซื้อตัว หรือจ่ายเปอร์เซ็นต์ให้กับบริษัทจัดหางาน
💙💚 และนี่ก็คือข้อดีและข้อเสียของ วิธีสรรหาบุคลากรแบบต่างๆ เราจะเห็นได้ว่าแต่ละแนวทางก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเราจึงควรเลือกวิธีการหาบุคคลากรให้เหมาะกับตำแหน่งที่จะว่าจ้าง 💚💙
💠 บทความนี้เป็นเพียงสรุปข้อดีและข้อเสียของ วิธีสรรหาบุคลากรแบบต่างๆ เท่านั้น หากผู้อ่านอยากทำความเข้าใจที่มากขึ้น สามารถค้นหาบทความอื่นๆ เพื่อมีความเข้าใจที่ละเอียดยิ่งขึ้นได้
ลองอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอ้างอิงด้านล่างนี้:
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
