Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลุยจีน
•
ติดตาม
16 ก.พ. 2021 เวลา 05:54 • ธุรกิจ
สมัยก่อน ถ้าใครเคยไปกินข้าว(กินเหล้า)กับพวกนักธุรกิจคนจีนจะชอบเจอธรรมเนียมการชนแก้ว การคีบอาหาร การดูแลแขก ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่เยอะสิ่งมาก เช่น บางที่ห้ามหมุนอาหารทวนเข็มนาฬิกา ประธานต้องพูดเปิดงานแล้วทุกคนดื่มหมดแก้วก่อน แขกผู้มาเยือนต้องมีตัวแทนดื่มหมดก่อน 3 แก้ว...
แต่รู้อะไรมั้ย? สมัยนี้ คนจีนที่รวยจริงๆแบบรวยเป็นร้อยล้านอัพ พวกเขาเหล่านั้นละทิ้งพิธีรีตองอันน่าปวดหัว(และน่ารำคาญ)เหล่านี้หมดแล้ว
เพราะอะไร?
ไปเจอเรื่องที่นักธุรกิจจีนคนนึงแชร์บนโซเชียลฯ แล้วคนที่จีนแชร์จนเป็น Viral ว่า...
”เมื่อวานผมได้มีโอกาสไปทานข้าวกับท่านประธานบริษัทๆนึง แกเรียกได้ว่าเป็นระดับเจ้าสัวเลย เป็นมื้ออาหารที่มีความสุขมาก เพราะท่านประธานแกไม่เน้นพิธีรีตองอะไรที่น่าปวดหัวอย่าง ชนแก้วกี่รอบก่อนถึงมีคนกล่าวเปิดพิธี แขกต้องดื่มหมดแก้วก่อนเพื่อคารวะ หรือผู้ใหญ่ในงานต้องขึ้นกล่าวอะไรก่อน...ไม่มีเลย แกดูเป็นกันเองมาก
ที่น่าชื่นชมคือ แขกทุกคนที่มาร่วมโต๊ะอาหาร ไม่ได้รู้สึกถูกบังคับให้ดื่มแบบไม่จำเป็น แถมยิ่งรู้สึกว่าท่านประธานเป็นกันเองอีก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วที่ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ ยังมีพวกมหาเศรษฐีจีนอีกหลายๆคนที่เคยร่วมโต๊ะอาหารด้วย เดี๋ยวนี้คนรวยจริงๆ ไม่เน้นพิธีรีตองบนโต๊ะอาหารกันแล้ว จะมีก็แต่พวกคนจนแบบเราๆนี่แหละ ที่ยังยึดติดกับธรรมเนียมคร่ำครึพวกนี้อยู่”
เรื่องนี้บอกอะไรเรา?
เราลองมานึกภาพตามว่า “พิธีรีตอง” ส่วนใหญ่ในโลกนี้เกิดมาเพื่ออะไร? ก็เพื่อเอาไว้แบ่งคนออกจากกันเป็น “คนรวย-คนจน” “ศักดินา-ไพร่” “คนใน-คนนอก” หรือแม้แต่ “ปัญญาชน-คนป่าเถื่อน” ไง...
สมัยก่อน คนจน แม้แต่ข้าวแต่ละมื้อยังกินไม่อิ่มเลย อย่าว่าแต่โอกาสได้เรียนหนังสือหรือการได้รับการอบรมเรื่องมารยาทต่างๆทางสังคม
ดังนั้นคำว่า “รู้หนังสือ” 知书达理 ก็เรียกได้ว่าเป็นคำชมในยุคะนึงที่แบ่งแยกชนชั้นของคนออกจากกันได้แล้ว...
มีแต่พวกคนรวยหรือศักดินาเท่านั้นที่จะมีโอกาสรู้หนังสือ แล้วพวกพิธีรีตองต่างๆก็เป็น “ออปชั่นเสริม” ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเสริมความรู้หนังสือของเหล่าคนมีการศึกษาเหล่านั้น ซึ่งพิธีรีตองบนโต๊ะอาหาร ก็เป็นหนึ่งในนั้น คิดดูว่าการทำกิจกรรมพื้นฐานที่สุดในชีวิตอย่างแค่ “กินข้าว” ก็สามารถเอามาแบ่งแยกชนชั้นของคนออกจากกันอย่างเห็นได้ชัดแล้ว
พอพวกคนรวยให้คนจนมาร่วมโต๊ะอาหาร แล้วเห็นคนจนมองอุปกรณ์เยอะแยะบนโต๊ะจนลนไปไม่เป็น ไม่รู้จะกินยังไง จับแก้วยังไง ต้องดื่มคารวะใครมั้ย แค่นั้นคนรวยก็จะขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจยาวๆแล้ว...แต่ในใจก็พองโตว่า นี่แหละหนา ชาติกำเนิดช่างทำให้เราแตกต่างได้ขนาดนี้
ความฉาบฉวยของ “เปลือก” แบบนี้นี่เอง ที่ยุคหนึ่งในสมัยบรรพบุรุษพวกเรา ผลักดันให้พิธีรีตองบนโต๊ะอาหารมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้นตามภูมิลำเนาและแวดวงต่างๆของผู้คน
1
อย่างใครเคยไปทานอาหารฝรั่งเศส จะมึนมากครั้งแรกที่เจอชุดช้อนส้อมเยอะแยะไปหมดวางเรียงเป็นแถวบนโต๊ะ “นี่ไง เอ็งไม่รู้ ดังนั้นเอ็งไม่ใช่ชนชั้นสูงแบบพวกเรา เอ็งมันพวกบ้านนอก” คนที่รู้วัฒนธรรมการกินอาหารแบบนี้ยุคนึงจะภูมิใจที่ตัวเองอยู่ดีๆก็เป็นคนมีวัฒนธรรม(กว่า)ซะงั้น(???)
แล้วมาย้อนดูประวัติศาสตร์กันอีก มีประโยคนึงเขียนว่า “ผู้แข็งแกร่งคือเจ้า” (强者为尊) ถ้ามาเทียบกันแล้ว พิธีรีตองต่างๆมากมายถือเป็นเครื่องแสดงฐานะของผู้แข็งแกร่งนั่นเอง…
แต่ยุคนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว...คนทั่วไปเดี๋ยวนี้กินอิ่มได้ทุกมื้อแล้ว การศึกษาก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอีก
ที่สำคัญ คนรวย(จริงๆ)เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่แค่ในพื้นที่เดิมๆพื้นที่เดียว แต่ต้องเดินทางไปทั่วประเทศ บางคนถึงขั้นเดินทางไปรอบโลก
1
แล้วทีนี้ อย่างที่บอกไป แต่ละพื้นที่ดันมีพิธีรีตองดั้งเดิมอยู่ การจะให้คนรวยที่วันๆต้องเอาหัวสมองไปคิดเรื่องธุรกิจเงินๆทองๆมานั่งจดจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ(ที่หลายอย่างไร้สาระ)ของทุกที่ที่ไป...มันเป็นไปไม่ได้!!!
คนรวยมากๆของจีนเลยเกิดแนวคิดที่ว่า ในเมื่อจำมันทั้งหมดไม่ได้ ก็ไม่ต้องจำมันเลยสิ! ยึดเอาแค่กฎมารยาทพื้นฐานบนโต๊ะอาหารก็พอ กินๆไปเหอะ กินเพื่อคุยธุรกิจ ไม่ใช่กินเพื่อพิธีรีตอง
ย้ำนะ แค่มารยาทพื้นฐานบนโต๊ะอาหารก็พอ
ถ้าไปร่วมโต๊ะอาหารกับพวกนักธุรกิจจีนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ พิธีบนโต๊ะอาหารที่เคยทำกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ-รุ่นปู่ต่างก็ละทิ้งกันหมดแล้ว และสังเกตได้เลย คนรวยที่ยังเน้นพิธีรีตองที่เป็น Tradition อยู่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่แค่ในเมืองนั้นๆ ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ไม่ก็เป็นคนที่อยู่ในสังคมแคบๆ
เศรษฐีจีนที่มีธุรกิจอยู่ทั่วประเทศรวมถึงทำธุรกิจข้ามชาติ เค้าไม่เอากันแล้ว พิธีโบราณพวกนี้
จะมีก็นานๆที ถึงจะเจอลูกพี่ใหญ่ในพวกธุรกิจเก่าแก่ที่ยังเคร่งเรื่อง Tradition การชนแก้ว ธรรมเนียมแขก-เจ้าบ้าน บนโต๊ะอาหารอะไรพวกนี้อยู่ แต่นี่ก็เป็นสิ่งยืนยันว่า...ลูกพี่คนนี้คงไม่ได้ไปเจอกับคนนอกวงการมานาน หรือวันๆส่วนใหญ่คงอยู่แต่ในอาณาจักรของตัวเอง ไม่ช้าไม่นาน ธุรกิจของแกก็คงจะมีแต่เสื่อมถอยไปตามลักษณะนิสัย “ไม่ปรับตัว” ของเจ้าของ
กลับกัน พวกนักธุรกิจกระแสหลัก/คนรวยจริงๆของจีนที่ทรัพย์สินเพิ่มพูนทุกวัน คนเหล่านี้ไม่ใช่ว่าไม่เห็นค่าพวกธรรมเนียมโบราณนะ เพียงแต่ให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นมากกว่า หรือถ้าพิธีรีตองไหนไม่จำเป็นต้องรู้ ก็ไม่ต้องรู้เลยจะดีที่สุด (เพราะไม่รู้ย่อมไม่ผิด)
แต่มันก็จะมีพวก “ชอบหาเรื่อง” 事儿逼 ไม่รู้กาลเทศะในแต่ละพื้นที่ เวลาได้โอกาสร่วมโต๊ะอาหารกับพวกนักธุรกิจใหญ่หรือคนรวยที่ไม่เคร่งพิธีรีตองบนโต๊ะอาหาร พวกเคร่งพิธีรีตองเหล่านี้จะชอบสาธยาย(โดยที่คนรวยไม่ได้ถาม)รวมถึงจับผิดบนโต๊ะอาหารอย่าง...
“ท่านครับ รู้มั้ย ที่เมืองของเรา เราจะดื่มให้แขกก่อนจนครบวงแล้วให้แขกดื่มตาม”
“ไม่ได้นะคุณ ที่นี่เราถือห้ามวางถ้วยบนโต๊ะต้องถือไว้ในมือตลอดถ้ายังทานไม่เสร็จ”
“อัยย่ะ ไม่ไหวเลย ลูกน้องคุณไม่ชนกับผมคือไม่ให้เกียรตินะ”
ฯลฯ
คิดว่าประจบประแจงแบบนี้จะได้ผล ทำให้คนรวย/นักธุรกิจใหญ่เหล่านั้นประทับใจ เปล่าเลย ตรงกันข้าม
พวกคนรวยจริงๆก็คิดว่า พวกนี้น่ารำคาญ ทำลายบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่รื่นรมย์จนหมดด้วยเรื่องไร้สาระ หาแก่นสารไม่ได้ คนที่ไม่มองภาพรวมหรือสถานการณ์รอบตัวแบบนี้...จะใส่ใจให้ช่วยเรื่องสำคัญได้จริงๆเหรอ?
1
ไม่ต้องห่วง พวกเคร่งพิธีรีตองที่ชอบหาเรื่องและจับผิดเหล่านี้ก็จะโดน “ธรรมชาติคัดสรร” ออกไปเหมือนกัน เพราะไปทำให้พวกนักธุรกิจใหญ่ไม่สบายใจ...แต่ก็นั่นแหละ พวกกบในกะลาพวกนี้สมควรค่อยๆหายออกไปจากแวดวงธุรกิจเรื่อยๆ เพราะไม่ยอมปรับตัวตามผู้แข็งแกร่ง
***แล้วในปี 2021 นี้ ถ้าร่วมโต๊ะอาหารกับนักธุรกิจจีน เหลือมารยาทพื้นฐานอะไรบ้างที่เป็นกฎพื้นฐาน (Rule of Thumb) ที่ต้องรู้บ้าง?
เหลือแค่ 3 ข้อเท่านั้น
1 ตำแหน่งของคนนั่งหัวโต๊ะ คือเก้าอี้ที่หันหน้าไปเจอประตู ตรงนี้เป็นที่นั่งของเจ้ามือ(คนจ่ายเงิน/คนจัดเลี้ยง) เว้นเสียแต่ ถ้าในวงโต๊ะอาหารมีคนที่มีฐานะทางสังคม/ระดับอาวุโสสูงกว่าเจ้ามือ ต้องให้คนนั้นหัวโต๊ะ
2 ในการชนแก้วดื่มเหล้า ไม่ว่าเหล้าอะไร ถ้าฝ่ายตรงข้ามมาขอชนแก้ว แล้วสถานะทางสังคมใกล้เคียง/สูงกว่าคุณ แล้วเขาดื่มหมดแก้ว คุณก็ควรดื่มหมดเช่นกัน ถ้าเขาดื่มไม่หมด คุณก็ไม่ควรดื่มน้อยกว่าเขา เว้นเสียแต่คุณมีปัญหาสุขภาพที่ดื่เหล้ามากไม่ได้ สามารถแจ้งฝ่ายที่มาขอชนก่อน แล้วค่อยดื่มเท่าที่ไหว
3 ถ้าต้องชนแก้วกับคนที่สถานะทางสังคมสูงกว่า คุณต้องกดระดับแก้วของคุณให้ต่ำกว่า ห้ามให้ระดับแก้วของคุณเท่ากันหรือสูงกว่าเค้า
แค่นั้นเอง 3 ข้อ...พิธีรีตองพื้นฐานของการไปกินข้าว/กินเหล้า/งานเลี้ยงของนักธุรกิจจีนสมัยนี้
จำไว้อย่าง ยุคนี้ พวกที่เคร่งพิธีรีตองมากเกินไป ไม่ว่าอะไรก็ตาม มีแต่พวก “กบในกะลา” เท่านั้น...มันฉาบฉวยและ “ง่ายดี” ว่ามั้ย? แค่คิดว่า ทำตามพิธีอะไรอย่างงั้นแล้วคนอื่นเค้าจะต้องมาเคารพนับถือ
1
สมัยนี้ คนรวยจริงๆเค้าไม่ถือตัว ไม่เคร่งพิธีรีตองแล้ว จะมีก็แต่พวกรวยไม่จริงหรือคนจนเท่านั้นแหละ
Cr. 世界抬杠冠军大蓝
---
สนใจรีวิว/โฆษณา/ลงข่าว ติดต่อทางอินบ๊อกซ์เพจ
4 บันทึก
11
1
4
4
11
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย