16 ก.พ. 2021 เวลา 16:19 • การตลาด
สรุปเคล็ดลับจาก Clubhouse ที่ทำให้พี่บุ๋ม มือการตลาดแห่ง “บาร์บีคิวพลาซ่า”
ทำแคมเปญยังไง ให้ปังปุริเย่
- บาร์บีคิวพลาซ่า เน้นการทำการตลาดแบบ มัธยัสถ์ marketing
- มัธยัสถ์ marketing คือ การใช้เงินน้อย แต่ใช้ไอเดียมาก
- วิธีคิดของพี่บุ๋ม เวลาจะ Launch campaign ออกมาก็คือ
การตอบคำถาม 4 ข้อนี้
1.สิ่งนี้มีคนทำแล้วหรือยัง?? ถ้ามีแล้ว ตัดทิ้งไป !! เพราะถ้าเราไม่ใช่คนแรก
โลกจะไม่จำ
2. ถ้าสิ่งนั้น..ยังไม่มีใครทำมาก่อน?? คิดตามต่อว่า ถ้าทำแล้ว มันไปสู่หมุด
หมายของเรามั้ย
3.ถ้าสิ่งนั้นตอบว่าใช่ คำถามต่อไปก็คือ แล้วเราต้องใช้เงินเท่าไหร่ ถ้าใช้เงิน
ไม่มาก ไม่มีความเสียหาย ก็ลงมือทำ
4. แล้วเราจะใช้อะไรวัดผล หรือเราจะวัดผลสำเร็จจากแคมเปญนี้จากอะไร
- พี่บุ๋มให้ความสำคัญกับ First Move เพราะมันจะสร้างเรื่องราวที่น่าจดจำของลูกค้าได้
- First Move ของพี่บุ๋มใน Clubhouse วันนี้ ได้ Collab Strategy กับ Host Marketing ops โดยชวนคนที่ Join session ร่วมเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็น บาบีก้อน
และถ่ายรูปร่วมกัน พร้อมลุ้นรับของขวัญพิเศษจากบาบีก้อน
1
- ตัวอย่าง First Move เมื่อไม่นานมานี้ก็คือ บาร์บีคิวพลาซ่า เปิด Account แล้วใน Clubhouse ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกในไทย กับเสียงปิ้งย่าง และการพูดคุยกับพี่ก้อน ครั้งแรกบน Clubhouse
- เหตุผลที่แคมเปญบาบีกอนปัง เกิดจากเราต้องเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร และลูกค้าอยากฟังอะไร
- การที่เราจะเป็นแชมป์ เราต้องผ่านการฝึกฝน และต้องฝึกซ้อมหนักมาก
- พี่บุ๋มมักพูดประโยคนึงที่ติดปากอยู่เสมอว่า “มันไปได้อีก…มันไปได้อีก”
- วิธีคิดที่ทำให้พี่บุ๋มประสบความสำเร็จก็คือ การมองหาโอกาส การลงมือทำ และความเชื่อที่บอกว่าสิ่งที่กำลังจะทำมันจะต้องเป็นไปได้
- พี่บุ๋มมีวิธีการบริหารลูกน้อง โดยโฟกัสที่ 3 สิ่งคือ กาย ใจ และจิต
- ทำอะไรก็ต้องตอบโจทย์ ดาวเหนือของแบรนด์ เราต้องมี MOONSHOT VISION ที่มองเป้าหมายไปถึงดวงจันทร์กันก่อนเสมอ
- คนที่ไม่เคยทำผิด คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย
- Benchmark ในการวัดผลของบาบีกอน ปกติแล้วจะสังเกตการณ์ผลอย่างใกล้ชิด เพียงไม่กี่นาที เราก็จะพอรู้ Tone of Voice ของลูกค้าแล้ว สมมุติว่าได้รับการตอบรับดี เราก็ไปดูต่อว่า Voice Sales มาด้วยรึเปล่า
- แต่ถ้า Tone of Voice ของลูกค้าไม่ดี ก็จะรีบไปหาสาเหตุและมีทีมงานที่คอยแก้ปัญหา Complain ลูกค้า โดยที่โฟกัสไปที่ “การขุด” ต้นตอของปัญหาที่แท้จริงให้เจอ
- การวัด Brand Awareness ของพี่บุ๋ม คือเราต้องอยู่ในทุกท่วงและทุกอริยาบทในการเคลื่อนไหว
- ในบริบทของการทำงาน เราจะต้องบริหารหัวหน้าให้เป็น เราต้องเข้าใจว่าเค้าเป็นคน Type ไหน และเค้าอยากฟังอะไร
- การจะไปขายงานให้หัวหน้า Buy Ideas / Campaign ของเราคือ เราต้องไป
ทำการบ้าน หรือเดาทางมาก่อนว่า หัวหน้าของเรามี Concern หรือข้อกังวลอะไรที่
ซ่อนอยู่
- รู้อะไร ไม่เท่ารู้งี้ แปลว่า เราต้องโฟกัสด้วยการลงมือทำ
- ความสำเร็จไม่ได้ฟลุ้ค แต่มาจากการตั้งใจ ทุ่มเท และทำงานหนัก
- ห้ามคิดจากฝั่งเรา ว่าเราอยากมีอะไร แต่เราต้องคิดว่าลูกค้าต้องการอะไร และจงเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
1
- การเอาชนะคู่แข่ง คือ เราต้องดูจุดช่องโหว่ของคู่แข่ง และคิดต่อว่าจุดโหว่นั้น มันเป็นที่ต้องการของคนหรือเปล่า ถ้ามันเป็นที่ต้องการ ก็ลุยและแก้มันซะ อย่าง
Platform clubhouse ก็มาแทรกช่องโหว่ของบาง Platform ที่ยังทำไม่ได้
- ต่อให้มันไม่ Success อย่างน้อยเราก็ได้ทำมันแล้ว
- ถ้าเราไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ เราก็ควรจะไปเป็นพวกเขาซะ
- ต้องทำอะไรก็ได้ที่คู่แข่งทำไม่ได้ แต่ต้องทำในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
- ไอเดียบางครั้งก็เกิดจากการพบเจอเหตุการณ์หรือเรื่องราวบางอย่าง และนำไปต่อยอด เช่น สวนสยามซื้อบัตรครั้งเดียว เที่ยวได้ทั้งปี แบบนี้ คือ โมเดลตีหัวเข้าบ้าน ซึ่งมันก็ดีกว่าไม่มีลูกค้าเข้าบ้านเราเลย
- อีก2-3 ปี Food Industry ในเมืองไทย จะเปลี่ยนยังไง??
- ในมุมมองของพี่บุ๋ม มองว่าธุรกิจ Food จะกลายเป็นธุรกิจที่หอมหวาน
เพราะขนาด Michelin Star ยังให้ดาวตามแบรนด์ Local ต่างๆ อย่าง Street
food ที่เปลี่ยนจากร้าน nothing เป็นร้าน Something
- กลุ่มลูกค้า อย่างชาวต่างชาติ ก็จะให้ความสนใจกับ Street food ของเมือง
ไทยมากขึ้น
- พฤติกรรมของลูกค้าตอนนี้ คือ อยู่บ้านเฉยๆ ก็มีอะไรกิน ทำให้แบรนด์ต้องป
รับตัวและพยายามเอาตัวเองมาสู่ช่องทาง Online หรือทำยังไงก็ได้เพื่อให้
ความสะดวกแก่ลูกค้า
- คนเริ่มมองหาความเป็นแบรนด์ที่รู้จริงในมื้อนั้น ๆ
- ธุรกิจอาหาร ก็จะเป็นธุรกิจที่ใครๆก็เข้ามาทำได้ อย่างคนที่ไม่มีหน้าร้าน
ไม่มีครัว หรืออย่าง cloud kitchen เอง ก็ทำให้เปิดร้านอาหารกันได้ เพียงแค่
เรามีไลน์ หรือมี Facebook
- ไลน์กลุ่มของหมู่บ้านที่ขายของในหมู่บ้านด้วยกัน ไลน์กลุ่มที่ทำงานให้สั่ง
อาหารต่างๆ ทำให้พฤติกรรมของลูกค้ามันเปลี่ยนไปเลย
โฆษณา