16 ก.พ. 2021 เวลา 23:17 • ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ของ “ โลหะ “ (Metal)
https://www.pinterest.com/metalmines/_created/
ประวัติศาสตร์ได้ทิ้งหลักฐานบอกเล่าถึงยุคสมัยในอดีตให้มนุษย์ได้เรียนรู้อีกทั้งยังเล่าถึงการเติบโตและการพัฒนาของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปนั้นพิจารณาได้จากเครื่องมือ สิ่งประดิษฐ์หรือวิถีการดำรงชีวิตแบบใหม่ในยุคนั้นๆ ซึ่งหากมองย้อนกลับไป กุญแจที่สำคัญต่อการความเปลี่ยนแปลงและยังส่งให้ผลมาถึงปัจจุบัน นับได้ว่านั้นคือ “ โลหะ ” หรือ “ Metal ”
มนุษย์นั้นสามารถค้นพบวิธีการนำดีบุกมาหลอมรวมกับทองแดงจึงได้เป็นโลหะสำคัญอย่าง “ สำริด “ ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เครื่องมือ เครื่องประดับและอาวุธล้วนต่างถูกพัฒนาจนกลายเป็นวัฒนธรรม “ ยุคสำริด “ หรือ “ Bronze Age ”ซึ่งแพร่ขยายกว้างขวางในช่วงเวลา 2300 – 700 ปีก่อนคริสตศักราช
https://www.webcudgel.com/
หลังจากการถลุงและหลอมสำริดกันอย่างแพร่หลายมนุษย์ในยุคเริ่มการนำ " เหล็ก " มาถลุง และหลอมเพื่อใช้ประโยชน์ในหลากหลายด้าน
1
ต่อมามีการค้นพบว่า เหล็กนั้นมีความแข็งแรงและทนทานมากกว่าสำริด หรือแร่โลหะชนิดอื่นที่มีใช้ในเวลานั้น ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวแร่เหล็กได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมาก
https://www.haaretz.com/archaeology/.premium.MAGAZINE-prehistoric-downton-abbey-bronze-age-germans-had-earliest-known-household-staff-1.7965527
ในช่วงเวลา 700 – 1 ปีก่อนคริสตศักราช แร่โลหะกลายปัจจัยสำคัญของการแข่งขันในการพัฒนาเมือง อาวุธ หรือเศรษฐกิจด้านต่างๆและ
มุ่งสู่ความก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพของสังคมเพื่อเป็นรัฐที่เข้มแข็งหากจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้น “ ยุคเหล็ก ” หรือ “ Metal Age ”
ผลพวงจากการพัฒนา ทำให้สภาพสังคมของมนุษย์เปลี่ยนแปลง จากการอาศัยอยู่เป็นชุมชนขนาดเล็กเริ่มขยายจนกลายเป็นสังคมเมืองขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมา
http://www.sath.org.uk/edscot/www.educationscotland.gov.uk/scotlandshistory/caledonianspictsromans/ironagecelts/index.html
การประดิษฐ์ ดาบ โล่ หอก และอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้การเมืองการสงครามทวีความรุนแรงมากขึ้นจากในยุคสมัยก่อนหน้า เกิดการแบ่งชนชั้น การก่อตั้งกองกำลังหน่วยรบพิเศษต่างๆ หรือแม้กระทั่งองค์กรนักฆ่าที่แฝงตัวในความมืด
กองกำลังทหารที่เคยมีไว้แค่ล่าสัตว์ หรือปกป้อง ขยายจนเป็นกองทัพใหญ่และฝึกฝนทักษะการรบอย่างแข่งขัน เพื่อรุกรานหรือขยายอาณาเขต
บทบาทสำคัญในยุคนี้จึงตกเป็นของ เทคโนโลยีและกองกำลังทางทหาร กลายมาเป็น “ อำนาจ “ อย่างแท้จริงให้แก่ผู้นำกองกำลัง หรืออาณาเขตนั้นๆ
https://www.newstatesman.com/politics/uk/2017/01/what-lessons-roman-empire-can-teach-us-about-donald-trump
รัฐใดมีการพัฒนาที่ด้อยกว่าอาจนำไปสู่การถูกกดขี่ หรือถูกใช้อำนาจทางการทหารเข้ากดดันเพื่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ เป็นเหตุให้ “ โลหะ “นั้นเป็นสิ่งพัฒนาวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในยุคนั้นอย่างแท้จริงและ ยังส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน ทว่า
การเปลี่ยนแปลงนี้ มิใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสมอไปแต่กลับมีข้อเสียที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั้นคือ
การเริ่มต้นของ “ สงคราม “ ในรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับการแย่งชิงทรัพยากรและการนองเลือดในที่สุดอีกทั้ง “ โลหะ “ ยังมีการพัฒาต่อยอดไปถึงอาวุธที่ร้ายแรงกว่า เช่น ระเบิด ปืนใหญ่ เป็นต้น
https://www.vox.com/the-big-idea/2017/10/30/16568716/six-ways-climate-change-disease-toppled-roman-empire
พลังอันยิ่งใหญ่ของมันนั้นมาพร้อมซึ่งการนองเลือดนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ความรู้สึกสูญเสียที่ต้องประสบกับชะตากรรมอันน่าเศร้าของผู้คนหลังสงครามนั้นไม่ค่อยมีคนหันมาสนใจ เยียวยามากนัก
ชีวิตที่ผ่านพ้นความยากลำบากแสนเข็ญเมื่อสูญเสียคนสำคัญในครอบครัวไปหรือแม้กระทั่งการไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก
คำถามที่ผู้คนเหล่านั้นได้แต่ถาม อาจเป็นได้ว่า “ สงครามนี้เกิดขึ้นไปเพื่อใคร และเพื่ออะไร?
เนื้อหาข้างต้น เป็นการรวบรวม วิเคราะห์และใช้การเรียบเรียงข้อมูลจากต่างแหล่งที่มา หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
Reference:
โฆษณา