มีคนเชื่อในสิ่งที่เราทำ สักหนึ่งคนก็ยังดี
.
เริ่มเรื่องด้วยน้อง Joy เด็กหญิงโตมากับความสามารถในการวาดเขียน เรียนรู้งานศิลปะ ด้วยความเก่งของแกที่มีในขณะนั้น ทุกคนรอบตัวเธอต่างเชื่อว่าโตมาจะประสบความสำเร็จในแบบที่หลายคนคาดหวัง คือมีงานการที่ “มั่นคง” มีคู่ครองที่ร่ำรวยเงินทอง เรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่ใครหลายคนจินตนาการเอาไว้
.
และเมื่อเราเริ่มคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นตามที่เราหวังเอาไว้ เหมือนฟ้าจงใจกลั่นแกล้งในช่วงที่เรากำลังมักมีความสุขเสมอ “การหย่าร้าง” ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ขึ้นชื่อว่าความรักมักไม่แน่นอนเสมอ และเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเด็กทุกคน แน่นอนว่าการเติบโตผ่านช่วงวัยรุ่นพร้อมกับความอ้างว้างไม่สนุกอย่างที่คิด
.
เด็กหลายคนที่โตมากับเรื่องนี้อาจจะแสร้งทำตัวว่าปกติบ้าง ทั้งที่ในจิตใจห่อเหี่ยว หันหน้าไปปรึกษาใครก็เป็นเรื่องที่ยาก จึงจำเป็นต้องชุบชีวิตให้หัวใจตัวเอง ถ้าทางที่ดีหน่อยคงออกมาในรูปของกีฬา หรือกิจกรรมที่คิดว่าทำได้ดี แต่ในสังคมเราโลกก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดขนาดนั้น จึงไม่แปลกที่มีบางกลุ่มเลือกเดินทางผิดอาศัยสิ่งยั่วยวนที่ผิดกฏหมายเพื่อลบล้างแผลเป็นกลางใจนี้
.
ส่วนในเนื้อหาในเรื่องดำเนินไปพบกับคนรักที่ช่วยยกระดับหัวใจให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทุกอย่างเริ่มกลับเข้าเส้นทางเดิมอีกครั้งตามแผนการที่วางไว้ เริ่มสร้างครอบครัวด้วยการมีลูกสาวตัวน้อยคอยให้กำลังใจในยามท้อ บวกกับกำลังใจเดิมจากคุณยายที่คอยส่งความเชื่อ พลังบวกดีๆ เสมอมา
.
แต่แล้ว.. หนังแต่ละเรื่องก็เขียนจากชีวิตจริงของมนุษย์กันทั้งนั้น ประวัติศาสตร์กลับกลายเป็นซ้ำรอยแผลเดิม ราวกับว่าเป็นการส่งไม้ต่อความรักที่ไม่สมบูรณ์แบบจากรุ่นสู่รุ่น และเรื่องบางเรื่องที่ไม่เข้าใจกันส่งผลทำให้เกิด “การหย่าร้าง” ขึ้นกับน้อง Joy ของเรา
.
อย่างที่ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่าเรื่องร้ายๆ มักจะมาพร้อมกันเสมอ กลายเป็นมรสุมใหญ่ที่เกิดขึ้นกับชีวิตจะบอกว่าเป็นวัยเบญจเพศก็ไม่ผิดนัก อกหักยังไม่สาสมใจ งานการที่ทำอยู่ก็ดันมามีปัญหาเข้าขั้นวิกฤตต้องโดนพักงาน เจ้าหนี้มากมายเริ่มเข้ามาทวงถาม แล้วถามหน่อยเถอะว่าชีวิตแบบนี้เหมือนกับที่วางแผนไว้มั้ยล่ะ
.
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าแผนการต่างๆ ที่ได้วางเอาไว้มักจะมีตัวแปรที่เราควบคุมไม่ได้เข้ามารบกวนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลไกทางการเมือง ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทางการศึกษา เป็นต้น เพราะงั้นการเตรียมพร้อมรัดเข็มขัดรอรับแรงกระแทกตลอดเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญ และที่ขาดไม่ได้คือกำลังใจ ความเชื่อ จากคนที่เรารัก
.
และเมื่อคนที่เรารักมี “ความเชื่อ” ว่าเราจะทำได้ เชื่อว่าเราจะสามารถนำพาความสุขสงบกลับมามายังครอบครัว เมื่อนั้นมรสุมที่กำลังหนักหน่วงจะเริ่มซาลง ฟ้าหลังฝนที่สวยงามกำลังจะเกิดขึ้น จากความฟุ้งซ่านจมอยู่กับความโศกเศร้าจะเริ่มได้ “สติ” กลับมา และสิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ หลอมรวมกันกลายเป็นสมการที่ว่า “ความเชื่อ+ความฝัน = ความสำเร็จ”