18 ก.พ. 2021 เวลา 13:40 • ดนตรี เพลง
[รีวิวอัลบั้ม] WHEN YOU HAVE NOTHING TO DO JUST GO TO SLEEP - TELEx TELEXs
-เริ่มต้นรีวิวอัลบั้มแรกประจำปี 2021 กันเสียที นิมิตหมายดีเหมือนกันที่เริ่มต้นด้วยอัลบั้มไทยของวงอิเล็กทรอนิกส์ซินธ์ป็อปที่เริ่มได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆอย่าง TELEx TELEXs ที่นับวันพัฒนาการยิ่งเติบโตขึ้น ปล่อยเพลงค่อนข้างบ่อยจนให้ความรู้สึกทิ้งช่วงจากอัลบั้มแรกเมื่อปี 2018 ได้ไม่นานเสียจริง ในระหว่างการทิ้งช่วงทำสตูดิโออัลบั้ม ทางวงก็สนุกกับการลองอะไรใหม่ๆ ปล่อยอีพีอัลบั้มเป็นภาษาอังกฤษก็ทำมาแล้ว ถึงจะปล่อยเพลงถี่ แต่ทุกเพลงติดหูมาตรฐานดีเสมอต้นเสมอปลาย เชื่อมือได้จริงๆ การมาของอัลบั้ม 2 ยังคงเป็นการตอกย้ำถึงความเก่งและเซนส์ป็อปที่ไม่เคยดรอปลงเลย
-อันที่จริงทางวงปล่อยเพลงจากอัลบั้มมาเรื่อยๆจนเหมือนซ้อมฟังไปครึ่งอัลบั้มแล้ว อย่างไรก็ตามอัลบั้มนี้มีเพลงเยอะถึง 14 เพลง (ผิดวิสัยอัลบั้มไทยส่วนใหญ่) ก็เพิ่มความอยากรู้อยากเห็นเพลงอื่นๆว่าจะเป็นยังไง ตอนแรกก็หวั่นใจเหมือนกันว่าจะปล่อยเพลงเด็ดๆตัดเป็นซิงเกิ้ลก่อนหน้านั้นหมดแล้วรึเปล่า ผลปรากฏว่า เพลงที่ไม่ได้ตัดซิงเกิ้ลก็มีดี catchy ไม่แพ้กัน เหมือนทางวงวางแผนมาดิบดีในการทำอัลบั้ม ไม่ใช่สักแต่ปล่อยซิงเกิ้ลแล้วเอามารวมทีหลัง อาจเป็นอะไรที่เอาเปรียบคนฟังไปหน่อย ซึ่งก็ไม่ใช่พวกเขาที่จะมักง่ายขนาดนั้น
สมาชิกปัจจุบัน จากซ้ายไปขวา คิรากร อิงคว-ราภรณ์กุล(นาว), สรรัตน์ ลิมปะนพรัตน์(ออม) และ คิรากร อิงคว-ราภรณ์กุล(นาว)
-ทุกเพลงของพวกเขามีการเชื่อมโยงบางอย่างเพื่อเอื้อต่อคอนเซ็ปท์ที่ว่าด้วยเรื่อง “สิ่งของในบ้าน” ราวกับว่าพวกเขาได้แรงบันดาลใจจากช่วงที่กักตัวอยู่ในบ้านยังไงยังงั้น แค่ชื่ออัลบั้มอันแสนยาว (อันเป็นซิกเนเจอร์ของวง สังเกตได้) ประโยคดังกล่าวชัดเจนในตัวมัน “ไม่มีอะไรทำก็ไปนอนซะ” สังเกตจากปกอัลบั้มแน่นอนว่าต้องอยู่บ้าน พออยู่บ้านมันก็จะเจอสิ่งของให้ได้คิดถึงอดีตไปเรื่อย จะเห็นได้ว่าปกอาร์ตเวิร์คประจำเพลงจะมีสิ่งของเป็นตัวสื่อความหมายอยู่ บริบทของความอยู่บ้านหลายคนอาจตั้งธงถึงอารมณ์ความน่าเบื่อที่จะต้องผ่านทั้ง 14 เพลง แต่เปล่าเลย บางเพลงวาไรตี้มากแทบจะพาเราออกไปข้างนอกด้วยซ้ำทั้งกลางวันกลางคืน
-ซิงเกิ้ลเปิดตัวเพลงแรกๆของอัลบั้มอย่าง #ดวงดวงดวง (Mutelu) มีความสะดีดสะดิ้ง เตรียมใส่ชุดลั๊ลลาออกนอกบ้านพร้อมเสี่ยงโชคเจอคนที่ใช่ทุกเมื่อ ซึ่งวงก็ใช้กองเสื้อผ้าหลากสี เอื้อต่อการ mix and match มากๆ #ไม่อยากนอน (Night Mode) จังหวะ night vibe ที่ทำออกมาได้สนุกมาก เล่นไม่อยากให้หลับให้นอนเลยทีเดียว ยังคงเล่นคอนเซปต์รักยุคดิจิตอลเหมือนอัลบั้มที่แล้ว แต่คราวนี้ตั้งคำถามความสัมพันธ์กับเทคโนโลยี Do Not Disturb ที่คอยกันสายเข้า พอมีลูกเล่นแบบนี้ การคุยด้วยกันกลางคืนเริ่มลดลง เลยเป็นกังวลว่าความสัมพันธ์จะเริ่มห่างเหินมั้ย ต่อเนื่องด้วยเพลง #วันเสาร์ (Mutual Song) เหมือนสวิตช์ไปเช้าอีกวันนึงด้วยบรรยากาศชิวล์ๆ เล่าสตอรี่วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ถูกปลุกด้วยเสียงเพลงจากคนข้างห้องที่ดังจนเราแทบโกรธ แต่พอเปิดประตูเจอหน้ากลับมีความรู้สึกเปลี่ยนไป ยังไม่ค่อยมีอะไร เฉยสุดในอัลบั้ม
-วกกลับเข้าสู่โหมดเหงาที่ยังคงเข้าใจหัวอกคนโสด คนโดนบอกเลิกอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็น #ดื่ม (Best Friend) เป็นเพลงที่ underrated สำหรับผมมากๆนะ คนสภาวะเหงาๆที่ต้องการดื่มให้เมา จะดีกว่าถ้ามีเพื่อนมาคอยรับฟัง ชอบการใส่ลวดลายของซาวน์ดเพลงนี้มาก มีทั้งอิเล็กทรอนิกส์และแซกโซโฟนแบบแจ๊ส ไม่หวือหวา แต่โคตรจี๊ดถึงขั้วหัวใจเลย ไตเติ้ลแทร็ก WHEN YOU HAVE NOTHING TO DO JUST GO TO SLEEP เป็นเหมือน transition interlude ที่ฟังดูเข้าทีกับสภาวะที่อยากทำอะไรซักอย่าง ในใจลึกๆก็คิดว่า ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปที่จะต้องส่งข้อความถามไถ่คนไกลอีก มาแบบสั้นๆแต่ตรงใจคนระล่ำระลักอีกแล้ว ต่อเนื่องด้วยซิงเกิ้ล #หรือฉันขังเธอไว้ในความทรงจำ (Move On) เคยพูดถึงเพลงนี้ตอนทำโพสต์อันดับเพลงไทยยอดเยี่ยมไปแล้วด้วย ฟังกี่ทีก็เข้มข้นในความรู้สึกของคนยังไม่มูฟออนมากๆ ในขณะเดียวกันเพลงนี้ก็ทำหน้าที่เตือนสติให้เราตื่นจากความฝัน ปล่อยเธอคนนั้นออกจากความทรงจำส่วนลึกสุดเสียที
#ยังจำได้ไหม (I still remember every moment with you) anthem บีทกลองแน่นๆที่ยังตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่เลือนลาง ลืมสิ่งเล็กๆน้อยๆที่มีให้กันจนมันจืดจาง คำถามที่ว่า กลับมาได้ไหม? อาจกลับมาด้วยความหวังอันล้มๆแล้งๆ สับเปลี่ยนอารมณ์แบบฉับพลันมากๆด้วยเพลงสไตล์ club house สุดเก๋อย่าง #กลับไป (Tempered) ภาคต่อเพลง #ซ่อน ที่โคตรร้อนแรง ด้วยความสัมพันธ์แบบ one night stand วาบหวามของจริง ที่อยู่ดีๆตื่นขึ้นมากับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่คนของเรา อีกนิดเดียวนี่ไปทางราคะได้เลย ชอบการเล่นซาวน์ดบิดไปบิดมา โคตรให้ความรู้สึกตกภวังค์อยู่กับความสับสนมึนเมา จัดเป็นท่อนที่ปล่อยของมากๆ ส่วนเพลง Friend มาในจังหวะ upbeat โทนสดใสสุด catchy เหมาะเหม็งกับการตัดเป็นซิงเกิ้ลมากๆ ชนิดที่ถ้าไม่เลือกเพลงนี้ ถือว่าผิด มันคือเพลงที่โรแมนติกที่สุดของวงนี้เลย ปกติจะชอบทำเพลงตัดพ้อ ต่อให้เพลงจะโลกสวยมากๆ แต่โคตรซึ้งเลย น้ำเสียงสุด clam ของ “ออม” ช่วยทำให้เพลงอ่อนโยนขึ้นเป็นกอง ใครที่ตกอยู่เฟรนด์โซนแล้วดันถลำไปไกล ฟังเพลงนี้อาจปล่อยโฮได้
-จากมุมมองความรักย้อนสมัยวัยเยาว์ มาเป็นมุมโรแมนติกของคนรุ่นเราบ้างในเพลง #ขับรถ (A Moment) ที่มีจุดเซอร์ไพรส์ตั้งแต่การสลับนักร้องนำจากออมมาเป็นปิ้ว เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่ 3 ในการอยู่วงนี้ ถัดจากเพลง Bad Old Day, Day 11 (Quarantine) ถ่ายทอดความชิวล์ภายใต้บรรยากาศอันส่วนตัวในพื้นที่ขนาดย่อมสี่ที่นั่ง พิเศษใส่ไข่อยู่ที่ท่อนสุดท้าย สมาชิกในวงต่างประสานเสียงกันเนี่ยแหละ ขนลุกซู่เลย #วันเกิดฉัน (Good Day) เพลงนี้แอบแหวกแนวมาซะ 80’s เลย เป็น unreleased single ที่ชาวเทเล็กซ์ชื่นชอบเป็นอันดับต้นๆ มีแนวโน้มถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลเหมือนกัน เป็นแทร็คที่ให้อารมณ์ช่างฝันของคนที่มโนถึงวันสำคัญของชีวิตว่าจะมีใครมาเซอร์ไพร์สชั้นมั้ย แอบเฟี้ยวด้วยลีลาสุดเรโทร ชอบการใส่คอรัสในท่อนฮุก “เพื่อจะได้พบกับเธอซะที” เป็นกิมมิคที่โคตรคูล
#รถไฟเที่ยวสุดท้าย (A Train From Now To Never) ทางวงเคลมไว้ว่า เพลงนี้ใส่ความเป็นตัวเองเยอะที่สุด ซิงเกิ้ลที่ 2 ที่จัดเต็มเกือบถึงขั้น cinematic เลย เล่นบริบทการแล่นของซาวนด์โฉบเฉี่ยวไปมาประหนึ่งเค้าจะพาเราขึ้นรถไฟความเร็วสูงเลยทีเดียว เปรียบเปรยการคว้าโอกาสรักที่ไม่รู้ว่า ถ้าพลาดเที่ยวนี้ จะมีโอกาสแคล้วคลาดหรือไม่ ความโฉบเฉี่ยวของซาวนด์ก็มีท่อนโซโล่กีตาร์ไฟฟ้าคอยตีกันอย่างเข้มข้น เอามาไว้เป็นแทร็ครองสุดท้ายก็ถือว่าเหมาะเหม็งเหมือนกัน เพราะจุดหมายปลายทางถูกส่งต่อไปยังแทร็คสุดท้าย Home เพลงที่แลดูอบอุ่นที่สุดในชีวิตของพวกเขา และเป็นการสรุปความที่เป็นทั้งปลายทางให้อัลบั้มเพื่อวกกลับสู่จุดเริ่มต้นของทุกๆคน เซอร์ไพรส์อีกแล้วด้วยการให้ “ปิ้ว”มาถ่ายทอดความอบอุ่นพิงกายทั้งเพลง เป็นอะไรที่ special ไม่น้อย เพราะเขาคนนี้แหละคือต้นคิดคอนเซ็ปท์หลักอัลบั้มนี้เลย เป็นการปิดท้ายอัลบั้มที่หนักแน่น ดูก็รู้ว่าพวกเขาเติบโตขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่วงดนตรีที่ทำเพลงเอาใจหนุ่มสาววัยเหงาที่ไม่ชอบอยู่กับบ้านอย่างเดียว เป็นการพึงระลึกด้วยว่า ต่อให้เราใช้ชีวิตอย่างคึกคะนอง สนุกเรื่อยเปื่อย แต่อย่าลืมครอบครัวที่คอยเราอยู่ที่บ้านหลังเดิมด้วย
-ถึงจะเข้าสู่อัลบั้มชุดที่ 2 จุดอาถรรพ์ที่ศิลปินหลายคนมักกลัวที่จะพิสูจน์ตัวเองได้ไม่ดีพอ จนแล้วจนรอดพวกเขากลับไม่มีเรื่องนี้ให้กังวลเลยแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะพวกเขาปล่อยเพลงสม่ำเสมอเลยให้ความรู้สึกพวกเขาผ่านมาแล้วเกินกว่าสองอัลบั้มด้วยซ้ำ คลังเพลงเมื่อรวมกับอีพีอัลบั้มก็เยอะเสียจนมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองได้ เหนือสิ่งอื่นใดความเก่งจับตัวได้ยากกลับเป็นจุดแข็งให้คนฟังมีความเชื่อมั่นในความสนุกของพวกเขาอย่างเสมอมา
-เพิ่มเติมคือความคิดความอ่านโตขึ้น แนวโน้มเพลงของพวกเขาไปได้ไกลกว่าการหาเรื่องสนุกๆทำคลายเหงาไปวันๆ แต่ทำหน้าที่คอยเป็นรูมเมทและที่ปรึกษาให้กับคนที่เจอเรื่องราวในแบบเดียวกัน เหมือนคนที่เปลี่ยนไปไม่ได้มีมุมมองความรักแบบ puppy love แล้วโลกสวยไปก่อนล่วงหน้าอีกต่อไป เรียลในความสัมพันธ์ อีกอย่างมุมมอง optimistic ที่เพิ่มขึ้นมา ถ้าได้รักกันก็ทะนุถนอม แต่พอเลิกราก็คงต้องปล่อยวางแล้วมูฟออนต่อไป น่าเสียดายที่ ณ ตอนนี้เพื่อนร่วมทางเหลือแค่ 3 คน “ออม-ปิ้ว-นาว” ยังดีที่การแยกทางของ “กร” ไม่มีปัญหาระหองระแหง จากกันไปด้วยเหตุผลของการไปตามทางเส้นทางของตัวเอง จุดหมายปลายทางของ TELEx TELEXs ก็ยังคงชัดเจน ไม่ขรุขระ มาได้ไกลเกินกว่าศิลปินอินดี้ไปแล้ว การันตีได้เลยว่าความครบเครื่องของพวกเขาทั้งคาแรคเตอร์และแนวทางที่ชัดเจนแบบนี้ แถวหน้าคงไม่ไกลเกินเอื้อม
มีอะไรให้ทำเยอะแยะแน่นอน
Top Tracks: ดวงดวงดวง (Mutelu), ไม่อยากนอน (Night Mode), ดื่ม (Best Friend), หรือฉันขังเธอไว้ในความทรงจำ (Move On), กลับไป (Tempered), Friend, วันเกิดฉัน (Good Day), รถไฟเที่ยวสุดท้าย (A Train From Now To Never), Home
Give 8/10
Thx 4 Readin’
See Y’all
โฆษณา