18 ก.พ. 2021 เวลา 16:34 • การตลาด
“Clubhouse” คืออะไร หรือมันคือการ Chat รูปแบบใหม่ที่สร้างเสน่ห์แห่งเสียง ความโหยหา ตัวตนและความเท่าเทียมในการสนทนา
2
มันคือ Social Media ล่าสุดที่อาจจะโค่น FaceBook หรือ Messenger ในเร็ววัน..........ในวันนี้แทบทุกคนอาจจะจะได้รู้จักแอปพลิเคชัน Clubhouse กันแล้ว แอปพลิเคชันนี้เป็นแอปพลิเคชันประเภท Audio-chat app ซึ่งอนุญาตให้ใช้เสียงเท่านั้นในการร่วมสนทนา แอปพลิเคชันยังไม่อนุญาตให้อัดเสียงหรือเข้าฟังย้อนหลัง อีกทั้งการเข้าร่วมแอปก็จำเป็นต้องใช้ Invite จากบุคคลภายในแอปซึ่งแต่ละคนก็สามารถส่งต่อคำเชิญได้แค่สองคนเท่านั้น ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมห้องที่สนใจและเข้าร่วมการสนทนาได้ แต่ในเมื่อมันก็เป็นเหมือนห้องแชทที่สนทนาด้วยเสียงได้ทั่วไปอย่าง MS Team, Discord และ Skype ทำไมแอปพลิเคชันนี้ถึงได้ดังเป็นพลุแตกในระยะเวลาสั้น ๆ
1
ช่วงเริ่มต้นอาจต้องยกความดีความชอบให้กับ Golden finger อย่าง Elon Musk ที่เชิญชวนประธานาธิบดี Vladimir Putin แห่ง Russia มาพูดคุยกันใน Clubhouse ทำให้เกิดกระแสและมีคนดังหลั่งไหลเข้าสู่แอปมากมาย
2
SMS Marketing Statistics ประจำปี 2020 เผยให้เห็นว่าในสหรัฐอเมริกาผู้คนใช้เวลา 26 นาทีต่อวันในการพิมพ์ข้อความ ขณะที่ใช้เวลาเพียง 21 นาทีในการโทรด้วยเสียง นอกจากนี้อัตราการตอบกลับของการพิมพ์ยังสูงกว่าการโทรถึง 209% แล้วทำไมผู้คนถึงยังหลงใหลการสนทนาด้วยเสียง?
มีหลักความเชื่อหนึ่งเรียกว่า "Orality Over Writing" หรือการมองว่า "การพูด" เหนือกว่า "การเขียน" สำหรับความเชื่อที่ว่าเสียงและคำพูดนั้นเหนือกว่าภาษาเขียน ผู้ที่ใช้มุมมองแบบโฟโนเซนตริกยืนยันว่าการเขียนเป็นเพียงวิธีการที่ได้รับมาจากการจับคำพูด และการเขียนนั้นบางครั้งก็ลดทอนความครบถ้วนของภาษาไปเพราะภาษาไม่ได้มีแค่ข้อความเท่านั้น แต่ยังมีน้ำเสียง, สำเนียง, อารมณ์, ภาษาถิ่นและนิสัยของผู้พูดแฝงมาด้วย จะเห็นได้ว่าบางครั้งการส่งข้อความก็อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ข้อความที่ต้องการความเป็นทางการจึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบและขัดเกลาอย่างถี่ถ้วน สรุปแล้วผู้ฟังที่ได้รับเสียงจึงได้รับทั้งข้อความ, ทัศนคติและความเป็นตัวตนของผู้พูดด้วย (หากต้องการอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมสามารถค้นหาคำว่า Phonocentrism)
3
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Clubhouse โด่งดังคือการที่ไม่อาจอัดเสียงและฟังย้อนหลังได้ ปัจจัยนี้อาจมองได้ว่ามันก็ไม่ต่างกับการนำเสนอของโทรทัศน์วิทยุสมัยก่อน ผู้คนยังคงสามารถแวะเวียนไปฟังในหัวข้อที่อยากฟัง แต่สิ่งที่มันเหนือกว่าคือการนำเสนอความสดใหม่ของเนื้อหาและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้พูด จะมีคนทั่วไปสักกี่คนที่ได้มีโอกาสนั่งล้อมวงคุยกับคนดัง แถมยังสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับพวกเขาเหล่านั้นได้ด้วย มันคือโอกาสในการ “สร้างบทสนทนาอย่างเท่าเทียม” ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน มีความเชื่อแบบใด คุณก็สามารถขอขึ้นมาเป็นผู้พูดได้
2
สำหรับบางคนเรารู้จักเขาเพียงจากข่าวหรืองานเขียนของพวกเขา งานเขียนของบางคนอาจเป็นไปด้วยหลักวิชาการหรือมุ่งเน้นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง แต่ Clubhouse เปิดทางให้พวกเขาได้แสดง “ความเป็นมนุษย์” ของตัวเองออกมาผ่านทางน้ำเสียง, อารมณ์และการตอบกลับผู้พูดคนอื่น ผู้ฟังอาจกลายเป็นผู้พูด ผู้พูดอาจกลายเป็นผู้ฟัง ผู้ฟังและผู้พูดจึงรู้สึกใกล้ชิดกันได้มากยิ่งขึ้น มันจะช่วยทำลาย “กำแพงแห่งอคติและการตัดสิน” ของผู้คน ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะออกมาเล่าเรื่องเดิมสักกี่ครั้ง ผู้ชม ผู้พูดจะเปลี่ยนไปสักกี่หน เรื่องราวก็ยังสดใหม่และชวนฟังอยู่เสมอ
1
บางคนกังวลว่า Clubhouse จะกลายเป็น “Echo chamber” หรือห้องเสียงสะท้อน ซึ่งบางห้องอาจถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ข้อมูลหรือสนับสนุนเฉพาะความเชื่อที่พวกเขายึดมั่น โดยปฏิเสธข้อมูลเห็นต่างหรือเห็นแย้งอื่นทั้งหมด เสียงสะท้อนทางความคิดที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดความคิดอันสุดขั้วยิ่งขึ้น (polarization) และผู้เห็นต่างที่เข้ามาก็จะถูกรุมจนต้องออกไปในที่สุด
โดยส่วนตัวแล้ว มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการยอมรับ รักอิสระ และมีความเป็นปัจเจก Echo chamber อาจเกิดขึ้นมาภายในแอปพลิเคชันมากมายในอนาคต อาจมีกลุ่มความคิดมากมายที่ออกมาสนับสนุนกันเองในห้องเสียงสะท้อนนั้น แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งผู้คนใหม่ ๆ ก็จะไม่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดใหม่ ๆ อีก ทำให้ห้องเสียงสะท้อนเป็นไปด้วยข้อความเดิม ๆ สะท้อนซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ วันหนึ่งคนภายในจะรับรู้และเปิดประตูออก เมื่อห้องที่เคยปิดทึบถูกเปิดแง้มออก เสียงจะเริ่มหลั่งไหลออกไปและไม่มีกลับสู่ห้องนั้นอีก มันคือจุดจบของห้องเสียงสะท้อน
สุดท้ายการ Invite ที่แตกต่าง คือ การตลาดที่ชาญฉลาด แอปที่เข้าฟรีคนอาจเข้าและออกได้โดยไม่คิดอะไร ส่วนแอปเสียเงินก็อาจสร้างฐานผู้ใช้ได้ไม่มากเพราะคงไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมจ่ายงินซื้อแอป การจำกัดจำนวน Invite ทำให้การเข้าแอปที่แต่เดิมฟรีนั้นกลายเป็นของ Rare และมีมูลค่า ทั้งที่ความจริงแล้วจำนวนคนในแอปก็จะเพิ่มขึ้นแบบเอ็กโพเนนเชียล (exponential growth) และวันหนึ่งทุกคนที่มีแอปก็จะเข้าถึงได้
อย่างไรก็ตามสำหรับอินฟลูเอนเซอร์ การเข้าถึงแอปก่อนใครก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากพวกเขาจะสามารถสั่งสมผู้ติดตามได้ก่อนใคร
ในอนาคต Clubhouse อาจกลายเป็นชุมชนและโอกาสทางธุรกิจแขนงใหม่ เป็นสถานที่สำหรับแลกเปลี่ยนความรู้, จัดสัมมนาเฉพาะ, เป็นแหล่งระดมความคิด, เป็นชมรมของผู้ชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน หรือแม้แต่ขุมกำลังทางความคิด Clubhouse จะกลายเป็น Club ซึ่งอบอุ่นเหมือนบ้านสมดังชื่อของมัน
บทความโดย
ดร.ประเวทย์ ตันติสัจจธรรม
CEO & Founder, Webmaster Co., Ltd.
(เลขาธิการสมาคมไทยบล็อกเชน)
ที่มารูปภาพ: Shutterstock
โฆษณา