19 ก.พ. 2021 เวลา 12:30 • ไลฟ์สไตล์
อย่าปล่อยมือ
อย่าอ้างโควิด นี่คือการจับมือกันในงานเขียนเฟ้ย!!!
ทันทีที่ท่านเห็นโพสต์นี้ แสดงว่า Challenge “ศึกขิงเม้น เราจะไม่ปล่อยให้ใครเหงา” ได้จบลงอย่างเป็นทางการแล้วนะครับ (เดี๋ยวผมจะนับคะแนนของผู้ที่ส่งมาก่อน 19:30 เท่านั้น)
ตลอด 7 วันที่ผ่านมา ผมรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง กับการเข้าร่วมซาเล้งในครั้งนี้ด้วยนะครับ
สำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก
อยากทราบเรื่องราวความเป็นมา ไปที่ลิ้งค์นี้ได้เลยนะครับ
บทสรุป สถิติต่าง ๆ และผู้ชนะจะถูกนำเสนอในโพสต์หน้า กล่าวคือผมจะทำตามสัญญาโดยการแนะนำเพจ และเชิดชูผู้ชนะอย่างสมเกียรติครับ ภูมิใจได้เลยนะเพราะคะแนนสูงมาก!!! ไว้มาลุ้นกันว่าคือใครครับ
อาจมีบางคนตั้งคำถามว่าส่วนตัวแล้วผมได้อะไรจากการทำซาเล้งนี้? และทำไปทำไม?
อืมมม...
เอางี้ บทความที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้คือโพสต์ที่ 201 ของเพจ “มากกว่างานเขียน”
ผมจะตอบคำถามบรรทัดข้างบนด้วยการเล่าความหลังให้ฟัง ละกันนะครับ
โดยพาท่านย้อนเวลากลับไปในวันที่ 15 เมษายน 2020 เวลา 11:39 น.
คำตอบอยู่ในเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้นี่แหละ
เวลาดังกล่าว บทความแรกของผมได้ถูกโพสต์ลงใน Blockdit ครับ
บทความแรกของผม
ตอนนั้นบอกได้เลยว่า โค-ตะ-ระ ตื่นเต้น!!!
ถ้าเป็นสมัยนี้เค้าจะมีแคมเปญ “มองเห็นทั่วทุกสารทิศ” ออกมาให้กำลังใจเด็กใหม่ บทความของคุณจะค้างยาวนานในฟีดต่าง ๆ มากมายเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งคุณมีโอกาสได้ดาว จากการใส่ข้อความประมาณ “เพิ่งเข้ามาครั้งแรก ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนเลย ผม/ฉัน ฯลฯ ชื่อฯ” และเพิ่มโอกาสมากยิ่งขึ้นด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวย/หล่อ (ฮา)
แต่ที่กล่าวมาข้างต้นมันไม่ใช่สิ่งที่เกิดกับผมในวันนั้น และตอนนั้นครับ
จำได้ว่าตอนนั้นผมนี่ลุ้นมาก
จะมีคนอ่านไหม?
จะมีคนไลค์ไหม?
จะมีคนคอมเมนท์ไหม?
จะมีคนแชร์ไหม?
ฯลฯ
ผลคือ...
เงียบดั่งป่าช้ากับเป่าสากรวมกัน แล้วคูณด้วยสิบ!!!
แม่เจ้า!!!
เวลาผ่านไปนานโข
คอมเมนท์แรกแห่งกำลังใจถึงมา!!!
คุณ Kawy (ขออนุญาตเอ่ยถึง)
คอมเมนท์ “จะหาเวลาดูครับ”
อื้อหือคำทักทายง่าย ๆ แต่มันช่างมีความหมายกับ เด็กใหม่ที่ขาดความอบอุ่นในตอนนั้นอย่างผมเสียเหลือเกิน ให้ตายเถอะ!!! อยากจะว้าวดัง ๆ
สรุป อยากจะบอกว่านั่นคือ คอมเมนท์เดียวของโพสต์นั้น (ในตอนนั้น) นะครับ
จากนั้นแม้จะมีผลตอบรับที่ไม่สู้ดี แต่ผมก็ยังหน้ามึนเขียนบทความ และโพสต์ต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ โพสต์แล้วโพสต์เล่า
และแล้ว คำถามที่ว่า “ทำไปทำไม?” ก็เริ่มเกาะกินในใจผม
ลองถามใจตัวเองนะ ถ้าคุณบอกว่าตัวเองเข้มแข็งพอ อยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่สนโลก ไม่สนใจใคร กรูจะโพสต์ ใครไม่อ่านช่างแมร่ง!!!
เอ่อ พ่อคนเก่ง พ่อคนแข็งแรง พ่อคนแข็งแกร่ง ฯลฯ
ถามจริงเหอะ คุณจะทนไปได้สักกี่น้ำ?
อารมณ์เหมือนคุณเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวใหม่ ตั้งใจปรุง ตั้งใจทำ ตั้งใจตกแต่งร้าน ตั้งใจ ฯลฯ อย่างเต็มที่ สุดความสามารถ แต่ผลตอบรับคือ มีคนเข้าร้านน้อย หรือบางวันก็แทบไม่มีเลย
ถามใจ นะว่าคุณจะทำยังไง?
อย่าปากแข็ง ผมมั่นใจว่า “คุณนับถอยหลังเพื่อจะปิดร้านที่ว่านี้อย่างแน่นอน ในวันใดวันหนึ่ง!!!”
ถ้าถามผม ตอนนั้นทำไมผมไม่เลิกเขียน (ที่จริงก็จวนเจียนแล้วล่ะ)
จุดเปลี่ยนของผมคือการได้รับกำลังใจจากคน ๆ หนึ่งครับ
ใคร?
เธอเรียกตัวเองว่า “The Booster” ครับ
The Booster
เจ้าของเพจ “อยากให้เธอได้ยิน🎶”
อยากให้เธอได้ยิน
ชื่อจริง และหน้าตาของเธอนั้นคือปริศนา (คิดว่าไม่น่าจะมีใครรู้นะ) แต่สิ่งที่ทำให้เราพร้อมที่จะมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไป และรับเธอเข้ามาในใจง่าย ๆ นั่นคือความจริงใจ และมิตรภาพที่เธอมีให้กับทุกคนครับ
ถ้าใครอยู่ในช่วงดังกล่าวจะคุ้นเคยกับกิจวัตรประจำวันของเธอดี นั่นคือการท่องไปทั่ว Blockdit เพื่ออ่าน และคอมเมนท์ให้กำลังใจเพจต่าง ๆ ครับ
แน่นอนว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับกำลังใจจากเธอ ให้เขียนต่อไปในวันที่ท้อแท้ครับ
ทุกวันนี้ด้วยปัญหาสุขภาพ คุณบูสเตอร์ ไม่ได้ทำอย่างที่เคยแล้ว นาน ๆ ครั้งถึงจะได้แวะมาเขียนบทความ และทักทายทุกคน
แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนคิดถึงเธอนะ
และนี่คือบทความล่าสุดของเธอครับ
เอาจริง ๆ Challenge “ศึกขิงเม้น เราจะไม่ปล่อยให้ใครเหงา” ผมได้แนวคิดมาจากสิ่งที่คุณบูสเตอร์เคยทำนะ บวกกับสิ่งที่หลายคนชอบ นั่นก็คือขิงเม้นเป็นที่หนึ่งในเพจที่เราชอบ (ผมเองก็ทำ อิอิ)
ผมรู้ว่ามีหลายคนทำในสิ่งที่คุณบูสเตอร์เคยทำอยู่ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถเพิ่มจำนวนคนแบบคุณบูสเตอร์ให้มากขึ้นได้
นั่นก็เพราะมีหลายคนที่เขากำลังเหงาอยู่มากมายยังไงล่ะครับ
“อย่าคิดว่าเขาไม่ใช่เพื่อน เพียงเพราะคุณไม่รู้จัก”
บางครั้งคอมเมนท์ที่คุณกำลังทำอยู่อาจเป็นคอมเมนท์แห่งกำลังใจที่ทำให้เขาตัดสินใจอยู่ร่วมกันกับเราต่อก็ได้นะ
1
ผมอาจจะพูดตรงไปหน่อย (กระแทกใจใครก็ขออภัยละกัน)
เพื่อนตายไปแล้ว (เลิกเขียน)
ไปเคาะโลง กินข้าวนะ ร้องไห้จะเป็นจะตาย คิดถึงมากมายเลย ฯลฯ
สายไปไหม?
ทำดีต่อกันตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่สิครับ (ตอนที่เขายังมีแรงเขียน) จะได้ไม่เสียใจในภายหลัง
1
ส่วนตัวผมมั่นใจว่าซาเล้งนี้ทำให้มิตรภาพเกิดขึ้นแล้วไม่มากก็น้อย ทั้งผู้คอมเมนท์ และผู้ถูกคอมเมนท์ อย่างแน่นอน
1
“ถ้าการคอมเมนท์แทนค่าด้วยมิตรภาพของการจับมือ”
ผมก็แค่อยากบอกพวกคุณทุกคนว่า “อย่าปล่อยมือ”
1
อาจมีบางคนตั้งคำถามว่าส่วนตัวแล้วผมได้อะไรจากการทำซาเล้งนี้? และทำไปทำไม?
ผมไม่เคยถามคำถามทำนองนี้กับสิ่งที่คุณบูสเตอร์ทำมาตลอดนะ และไม่เคยคิดจะถามด้วย
แล้วดูเหมือนว่าตอนนี้ผมได้รับ ในสิ่งที่คุณบูสเตอร์ได้รับแล้วครับ
1
ขอบคุณทุกคนจากใจครับผม
อย่าปล่อยมือ - ไม้เมือง
โฆษณา