19 ก.พ. 2021 เวลา 12:31 • ประวัติศาสตร์
คอร์นเฟลกส์อาหารเช้าคู่ใจ กับประวัติศาสตร์ที่ลามไปไกลถึงใต้สะดือ
ในโลกที่กำลังหมุนไปอย่างรวดเร็ว การใช้ชีวิตของผู้คนก็เร่งรีบมากขึ้น หลายคนจึงเลือกกินอาหารเช้าที่สามารถหาได้ง่ายและรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นอาหารเช้าซีเรียลคู่กับนม และอาหารเช้าซีเรียลที่เป็นตำนานและเป็นที่รักของใครหลายคนก็คือ “คอร์นเฟลกส์”
แต่รู้หรือไม่ว่าคอร์นเฟลกส์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันนั้นมีประวัติประหลาด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยตัวเองด้วย ทุกคนคงจะสงสัยแล้วล่ะสิว่าเจ้าคอร์นเฟลกส์นี้มันไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอย่างว่าได้อย่างไร งั้นเราไปหาคำตอบกันดีกว่า..
“ถ้าการค้ากามอย่างผิดกฎหมายคือเรื่องผิดบาปร้ายแรง มลพิษในตัวเอง(การช่วยตัวเอง)ก็ถือเป็นอาชญากรรมที่น่ารังเกียจกว่าเป็นทวีคูณ” John H. Kellogg ได้เขียนไว้ในหนังสือ Plain Facts for Old and Young: Embracing the Natural History and Hygiene of Organic Life
ในคริสต์วรรษที่ 18 ถึง 19 ชาวตะวันตกที่เป็นชาวยิว-คริสต์ได้มีการกล่าวหาและสร้างค่านิยมที่ทำให้การช่วยตัวเองเป็นเรื่องเลวทราม ผิดบาป ด้วยความเคร่งครัดและตื่นตัวกับเรื่องเพศในยุควิคตอเรียน ผนวกกับการฟื้นฟูศาสนาในอเมริกาทำให้ความเชื่อนี้ถูกตีกรอบครอบงำผู้คนมากมาย
ตัวอย่างในหนังสือของ Emery C. Abbey. เรื่อง The Sexual System and its Derangements. Buffalo NY 1875
มีหนังสือหลายเล่มถูกตีพิมพ์ออกมาเกี่ยวกับเพศและการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองจากค่านิยมที่ถูกปลูกฝังมา ซึ่งหนังสือเหล่านี้ได้วางรากฐานทั้งทางสังคมและทางการแพทย์ในสมัยนั้นไว้ว่า การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองไม่เพียงแต่เป็นความผิดทางศีลธรรมเท่านั้นแต่ยังถือเป็นอาการป่วยทางร่างกายและทางจิตใจที่ต้องการการเยียวยารักษา
John Harvey Kellogg Photo by www.mentalfloss.com
หนึ่งในผู้ต่อต้านการช่วยตัวเองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือแพทย์ชาวมิชิแกนนามว่า จอห์น ฮาร์วีย์ เคลล็อกก์ (John Harvey Kellogg) แพทย์ผู้นี้มีความรู้สึกไม่สบายใจและมีความกังวลในการประกอบกิจกรรมทางเพศมาก เขามีความคิดว่าการประกอบกิจกรรมทางเพศส่งผลเสียต่อความเป็นอยู่ ร่างกาย อารมณ์ และถึงขั้นส่งผลต่อจิตวิญญาณ
ด้วยความคิดเหล่านี้ทำให้เขาหลีกเลี่ยงเรื่องเพศมาโดยตลอด แม้กระทั่งตอนที่เขาไปฮันนีมูนกับภรรยา เขาได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเขียนหนังสือต่อต้านการมีเพศสัมพันธุ์รวมถึงการช่วยตัวเอง จนทำให้เขามีชีวิตคู่ที่ไม่ค่อยราบรื่นและสมบูรณ์นัก เขาต้องแยกห้องนอนกับภรรยา และรับเลี้ยงเด็กมาเป็นลูกบุญธรรม
จอห์นเชื่อว่าวิธีแก้ปัญหาของโรค (การช่วยตัวเอง) นี้คือการกินอาหารที่มีประโยชน์ เขาเชื่อว่าการกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ และอาหารที่มีการปรุงรสนั้นมีส่วนทำให้ความต้องการทางเพศเพิ่มมากขึ้น และอาหารที่มีรสจืด โดยเฉพาะซีเรียล และถั่วช่วยในการควบคุมความต้องการทางเพศได้
James Caleb Jackson Photo by kids.wng.org/node/2838
ในขณะที่จอห์นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าในสถานพยาบาล เขาได้คิดอาหารเพื่อสุขภาพให้กับคนไข้ทั่วไปของเขาโดยการนำ “โอ๊ตมีล” และ “คอร์นมีล” มาอบเป็นบิสกิตแล้วบดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เรียกว่า “กรานูลา” (granula) หลังจากนั้นมีสินค้าแบบเดียวกันออกมาขายโดย เจมส์ เคเล็บ แจ็กสัน (James Caleb Jackson) นักแปรรูปอาหาร แต่เนื่องจากปัญหาทางกฎหมายบางอย่าง จอห์นจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่ออาหารของเขาเป็น “กราโนลา” (granola) แทน
Will Keith Kellogg Photo by www.mlive.com
ในปี 1894 วิลล์ คีธ เคลล็อกก์ (Will Keith Kellogg ขณะนั้นเป็นบรรณารักษ์ที่สถานพยาบาลเดียวกันกับพี่ชาย) ทำคอร์นเฟลกส์ขึ้นมาได้โดยบังเอิญ จึงนำคอร์นเฟลกส์นี้ไปใช้เป็นอาหารเช้าเพื่อสุขภาพแก่คนไข้ของพี่ชาย แต่จอห์นเชื่อว่าคอร์นเฟลกส์นี้สามารถช่วยลดอัตราการช่วยตัวเองได้ และเนื่องจากคนไข้ชื่นชอบอาหารชนิดนี้มากทั้งคู่จึงได้ทำออกมาขายให้กับสาธารณชนด้วย
หลังจากนั้นไม่นานวิลล์มีความต้องการให้คอร์นเฟลกส์นั้นมีรสชาติมากขึ้นโดยการเพิ่มน้ำตาลลงไป เพราะเขากังวลว่าสินค้าที่มีอยู่เดิมนั้นอาจจะซ้ำซากจำเจและขายได้ไม่ดี แต่จอห์นกลับไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้น
ในปี 1906 วิลล์จึงแยกตัวออกมาทำซีเรียลเป็นธุรกิจของตัวเอง จนเกิดเป็นบริษัท Battle Creek Toasted Corn Flake Company หลังจากนั้นเขากับพี่ชายก็มีการต่อสู้กันทางกฎหมายเป็นเวลากว่า 9 ปีในการขอใช้ชื่อ Kellogg และในที่สุดวิลล์ก็เป็นฝ่ายชนะ และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Kellogg Cereal Company ในปี 1915 ต่อมาในปี 1930 บริษัท Kellogg Cereal Company ประสบความสำเร็จอย่างมากจนกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารเช้าซีเรียลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Photo by medium.com
ไม่น่าเชื่อเลยว่าคอร์นเฟลกส์กับการช่วยตัวเองนั้นจะมีประวัติที่เกี่ยวข้องกันได้ แต่อย่างไรก็ดียังไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าคอร์นเฟลกส์นั้นช่วยลดการช่วยตัวเองได้จริง และแทบจะเรียกได้ว่าบริษัทที่ผลิตคอร์นเฟลกส์ในปัจจุบันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องและมีวิสัยทัศน์ในเรื่องดังกล่าว เพราะคนที่เชื่ออย่างนั้นคือจอห์นผู้เป็นพี่ (ฮา)
เขียนเรื่องนี้แล้วก็ชักหิวขึ้นมา ถ้างั้นผมขอตัวไปหากินคอร์นเฟลกส์กับนมกินก่อนนะครับบ
แล้วพบกันใหม่กับเรื่องราวสนุก ๆ และมีสาระในตอนหน้านะครับ
Written by TINE A-ROUND
โฆษณา