20 ก.พ. 2021 เวลา 11:20 • ประวัติศาสตร์
" การกำเนิดเทพอียิปต์ และการกำเนิดโลกของชาวอียิปต์ "
2
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าเรื่องการกำเนิดเทพและการกำเนิดโลกของชาวอียิปต์นั้นค่อนข้างจะมีหลากหลายเลยนะคะ เพราะช่วงเวลาอารยธรรมของชาวอียิปต์นั้นค่อนข้างยาวนานมาก แต่เรื่องเราที่เรานำมาเล่านี้ จะเป็นเรื่องราวที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์ใต้ (Lower Egypt) ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมในยุคเก่าค่ะ
ตามตำนานของเมือง "เฮลิโอโปลิส (Heliopolis)" บอกว่า ก่อนที่จะเกิดโลก แต่เดิมนั้นจะเป็นแค่ผืนน้ำเวิ้งว้างว่าเปล่า เรียกว่า "นุน (Nun)" เป็นผืนน้ำแห่งความสับสน วุ่นวาย ขณะนั้นก็มีไข่ห่านขนาดใหญ่เกิดขึ้นกลางนุน และเมื่อไข่ห่านแตกออกมา สิ่งที่อยู่ในไข่นั้นทะลักท่วมออกมาเป็นผืนดินขึ้นบนผืนน้ำแห่งนุน ทำให้ผืนดินนั้นกลายเป็นเกาะ พร้อมกับมีเทพองค์แรกยืนเด่นอยู่ท่ามกลางผืนดินนั้น ซึ่งก็คือ "เทพอตุม (Atum)"
Atum
อตุมเกิดขึ้นมาจากความเวิ้งว้างว่างเปล่า และชาวอียิปต์ถือว่าเป็นเทพผู้สร้าง ซึ่งในยุคแรกชาวอียิปต์เชื่อกันว่าอตุมเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ ตรงนี้ถ้าใครพอจะรู้เรื่องราวของเทพอียิปต์มาบ้าง ก็จะรู้ว่าจริง ๆ แล้วมีสุริยเทพองค์หนึ่ง ที่เป็นสุริยเทพที่โด่งดังกว่า นั่นก็คือ "สุริยเทพรา (Ra)" แต่สุริยเทพราเพิ่งมีในสมัยหลัง และเราจะถือว่าราเป็นเทพของดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน ส่วนอตุมเป็นเทพของดวงอาทิตย์ในเวลากลางคืนนั่นเองค่ะ (ไว้เราจะมาเล่าเรื่องสุริยเทพราแบบเต็ม ๆ อีกทีนะคะ)
Ra and Atum
อตุมอยู่องค์เดียวจึงรู้สึกเหงาก็เลยสร้างเทพขึ้นมาอีก 2 องค์ ด้วยของเหลวที่ออกมาจากร่างกายของอตุมเอง บ้างก็ว่าอตุมจามออกมาจึงทำให้เกิดเทพ แต่มีอีกเวอร์ชั่นที่ 18+ ขึ้นมาหน่อยก็บอกว่าอตุมใช้วิธีช่วยตัวเองจึงทำให้เกิดเทพขึ้นมา และเทพที่ถูกสร้างขึ้นมาอีก 2 องค์นั้นก็คือ "เทพชู (Shu)" และ "เทพีเทฟนุต (Tefnut)" ชูเป็นตัวแทนของอากาศ ส่วนเทฟนุตเป็นตัวแทนของความชื้นในอากาศ
Shu and Tefnut
หลังจากที่ลูก ๆ เกิดมา อตุมมีความสุขมาก จนวันหนึ่งชูกับเทฟนุตตกลงไปในน้ำ (ก็คือตกลงไปในนุนนั่นแหละ) และก็จมหายไปเลย อตุมตกใจมากจึงควักลูกตาของตัวเองออกมาข้างนึง และโยนลงไปในนุนเพื่อให้ดวงตาตามหาชูและเทฟนุต ดวงตาของอตุมก็หาจนเจอ แล้วก็พาชูและเทฟนุตขึ้นมาได้
Eye of Atum
เมื่อตุมได้ลูกทั้ง 2 กลับคืนมาก็ดีใจมาก แต่คนที่กลับต้องโศกเศร้าเสียใจนั้นก็คือดวงตาของอตุมที่ถูกใช้ให้ออกไปตามหาชูและเทฟนุต เพราะเมื่อกลับมาก็เห็นว่าอตุมมีดวงตาดวงใหม่มาแทนแล้ว เมื่ออตุมรู้ว่าดวงตาดวงเดิมเกิดความเสียใจที่ตนนั้นมีดวงตาดวงใหม่ จึงเสกให้ดวงตาดวงเดิมนั้นเปลี่ยนเป็นงูเห่าแทน แล้วนำมาพันรอบหัวตัวเองประดับเอาไว้บนหน้าผาก คล้ายกับเป็นดวงตาที่ 3 ของตัวเอง ซึ่งงูเห่าตัวนี้มีชื่อว่า "ยูเรอัส (Uraeus)" จึงเป็นที่มาของโลงศพ รูปภาพ รูปปั้นฟาโรห์ต่าง ๆ ที่เราเห็นว่าจะมีงูเห่าอยู่ที่กลางหน้าผากนั่นเอง
1
Uraeus
หลังจากนั้นเทพชูและเทพีเทฟนุตก็ได้ให้กำเนิดเทพอีก 2 องค์ ก็คือ "เทพเกบ (Geb)" และ "เทพีนูต (Nut)" ปรากฎว่าเมื่ออยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ เทพและเทพีก็ต้องผลิตทายาทเพิ่ม ซึ่งลูก ๆ กลุ่มแรกของเกบกับนูตที่กำเนิดขึ้นมานั้นก็คือ บรรดาดวงดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้า จึงทำให้เกิดเป็นหมู่ดาวเต็มท้องฟ้า แต่เทพีนูตคงจะหิวหรืออะไรก็ไม่รู้ จึงได้จัดการกินหมู่ดาวเข้าไปจนหมดเกลี้ยง ทำให้เกบโกรธมาก เทพีนูตก็รู้สึกกลัวเกบ ดังนั้นนูตก็เลยหนีไปจากเกบ นูตหนีไปโดยการทำท่าเหมือนสะพานโค้ง โก่งตัวเองขึ้นไปอยู่ข้างบนและมีดาวอยู่เต็มท้อง ปลายนิ้วมือและนิ้วเท้ายันอยู่ที่พื้น ส่วนเกบพยายามจะตามนูตแต่ตามไม่ทัน ก็เลยนอนเอกเขนกเอนอยู่พี่พื้นด้านล่าง ทำให้เทพีนูตกาลายเป็นตัวแทนของท้องฟ้า และเทพนูตเป็นตัวแทนของแผ่นดิน ทั้ง 2 คนจึงแยกทางกันไป โดยมีเทพชูผู้เป็นพ่อกั้นกลางอยู่คอยแยกทั้งคู่ออกจากกัน เพื่อไม่ให้ลูกกลับมาทะเลาะกัน เปรียบเหมือนอากาศที่กั้นอยู่ระหว่างฟ้ากับดิน
1
Shu, Geb and Nut
ซึ่งในทุก ๆ วัน นูตจะทำเหตุการณ์เดิมซ้ำกันทุกวัน คือกินลูกที่เป็นหมู่ดาวเข้าไป แล้วคายออกมา และก็กินเข้าไปใหม่ และคายออกมาอีก (รวมถึงกินสุริยเทพ หรือว่า รา ในอนาคตเข้าไปด้วย) ดังนั้นจึงทำให้นูตนอกจากจะเป็นตัวแทนของท้องฟ้าแล้ว ยังเป็นตัวแทนของการตายและเกิดใหม่อีกด้วย
ตำนานของชาวอียิปต์โบราณไม่ได้ย้อนไปหาจักรวาล เพราะโลกของพวกเขาคือดินแดนอียิปต์โบราณเท่านั้น ซึ่งตามธรรมชาติแล้วแม่น้ำไนล์จะไหลเอ่อท่วมทุกปีในช่วงประมาณกลางเดือนกรกฎาคม (เมื่อเทียบกับระบบปฏิทินของเรา) ซึ่งถือเป็นการขึ้นปีใหม่ของชาวอียิปต์ น้ำท่วมในครั้งนั้นจะกินเวลายาวนาน 4 เดือน ก่อนที่ระดับน้ำจะลดระดับลงไป ทำให้หลงเหลือแต่ตะกอนดินสีดำที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ เหมาะแก่การเพาะปลูกเป็นอย่างมาก นำมาสู่การเรียกชื่อดินแดนอียิปต์โบราณในสมัยก่อนว่า "เคเมต (Kemet)" ที่แปลว่า แผ่นดินสีดำ นั่นเอง
3
แม่น้ำไนล์
จากเหตุการณ์ระดับน้ำที่ลดและเพิ่มในทุก ๆ ปี ทำให้ชาวอียิปต์นำเอาปรากฎการณ์นี้มาเชื่อมโนงกับตำนานการสร้างโลกของพวกเขา ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวที่ได้เล่าไปในตอนแรก นอกจากนั้นแล้วการไหลท่วมของระดับน้ำเป็นวนลูปซ้ำ ๆ ทุกปี สะท้อนให้ชาวอียิปต์โบราณตระหนักถึงการเกิดใหม่ และนำไปสู่ที่มาของการทำมัมมี่ เพื่อรอการฟื้นคืนชีพนั่นเองค่ะ ดังนั้นถ้าเราไปสังเกตดูพวกปฏิมากรรม จิตรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับมัมมี่ หรือเกี่ยวกับการตายและเกิดใหม่ เราจะเห็นรูปของเทพนูตประดับอยู่แถวนั้นเสมอ เพราะเทพนูตเป็นตัวแทนของการตายและเกิดใหม่นั่นเองค่ะ
1
Nut
-Lynn Yi Wu-
#EgyptianMythology #Atum #Shu #Tefnut #Geb #Nut
แหล่งอ้างอิง : Egyptian Mythology
โฆษณา