20 ก.พ. 2021 เวลา 13:56 • ปรัชญา
เรื่อง “คัมภีร์เก้าบุปผา”
ตอนที่ 23 (ตอนจบ)
ความเดิมตอนที่แล้ว
เซียวอี้และเตี่ยเมี่ยงได้แต่งงานกันบนเขาหัวซานภายหลังจากเรื่องราวทุกอย่างจบลง 5 ยอดฝีมือแห่งยุคจึงได้คิดจะถ่ายทอดยอดวิชาต่างๆให้กับเซียวอี้เพื่อมิให้วิชาต้องสูญหาย
ปรมาจารย์ฟงหยวนจึงได้เลือก 1 ใน 3 วิชาคือ 9กระบี่เดียวดาย ออกมาเพื่อถ่ายทอดให้กับเซียวอี้
เมื่อเซียวอี้เริ่มฝึก กลับต้องตกตะลึงเพราะ เคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดายนี้ช่างลึกล้ำไพศาลยิ่งนักหากจะอาศัยเรียนจนถึงขั้นชำนาญอย่างต่ำต้องใช้เวลาถึง 20 ปีแต่ถ้าเรียนเพื่อให้รู้วิชาก่อน อย่างน้อยก็น่าจะไม่เกิน 2 เดือน
เซียวอี้เริ่มฝึก 9กระบี่เดียวดายขั้นที่ 1 กลับพบอุปสรรคมากมายยิ่งนักแต่ด้วยความอัจฉริยะและความเฉลียวฉลาดของเซียวอี้ก็สามารถก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆมาได้และเพียงเวลาแค่ 1 เดือนเซียวอี้ก็สามารถเรียนรู้ 9กระบี่เดียวดายได้สำเร็จ
แต่ถ้าหากจะให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพคงต้องใช้เวลาอีกนานโข...
ถัดมาอีก 1 เดือนเซียวอี้ก็สำเร็จวิชาอรหันต์พันกรของคงเกี่ยง ไต้ซือ ถัดมาอีก 1 เดือนเซียวอี้ก็สามารถสำเร็จยอดวิชา
ลมปราณรัศมีม่วง ของจอมพนัน กงซุนได้
ถัดมาอีกเดือนเศษเซียวอี้ก็สามารถเรียนรู้ยอดเพลงกระบี่เจ็ดดาวของนักพรตชงซีได้
และถัดมาอีกในเดือนสุดท้ายเซียวอี้ก็สำเร็จลมปราณตะวันจันทราขั้นสูงสุดของพ่อของเขาได้
รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือนเต็มๆเซียวอี้ร่ำเรียนยอดวิชาของเหล่า 5 ยอดฝีมือได้เป็นผลสำเร็จแต่ก็ยังต้องใช้เวลาฝึกให้ชำนาญและแข็งแกร่งอีกหลายปี
ภายหลังเมื่อฝึกเสร็จแล้วเซียวอี้และ
เตี่ยเมี่ยงจึงได้ตกลงกันว่าจะถอนตัวจากยุทธภพเพื่อไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
เซียวอี้จึงได้ประกาศแต่งตั้งเจ้าอินทรี
ปีกขาวขึ้นมาเป็นประมุขพรรคคนใหม่แห่งพรรคสุริยันจันทรา
เมื่อสะสางภารกิจต่างๆเสร็จสิ้นแล้วเซียวอี้จึงได้กล่าวอำลาทุกคน
“แผ่นดินกว้างใหญ่ตราบใดที่สายน้ำยังคงไหลดวงตะวันยังคงขึ้นและลงพวกเราจะได้พบกันอีก”
2
หลังจากนั้นเซียวอี้และเตี่ยเมี่ยงก็เดินทางจากไป... ทางด้านปรมาจารย์ฟงหยวนก็ได้นำจางหมิงเดินทางกลับไปด้วย
ส่วนสี่ยอดฝีมือที่เหลือต่างก็พากันแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง 3 เจ้าสำนักกระบี่ก่อนแยกย้ายกันนั้น ก็ได้ทำสัญญาจัดตั้ง
3 สำนักฝ่ายธรรมะขึ้นมา เพื่อคอยดูแลความสงบสุขของยุทธภพ
เซียวอี้และเตี่ยเมี่ยงเดินทางมาเรื่อยๆจนถึงหุบเขาจงหยวนทั้งคู่จึงได้ตกลงปลงใจตั้งหลักปักฐานบริเวณแห่งนี้
ทั้งคู่ร่วมกันสร้างกระท่อมเล็กๆพร้อมปลูกสวนผักเพื่อประทังชีวิตในแต่ละวันเซียวอี้ก็จะคอยออกไปล่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารส่วนเตี่ยเมี่ยงนั้นก็จะคอยดูแลแปลงผักอยู่ที่บ้าน...
1
ทั้งคู่ต่างใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข...
1 ปีผ่านไป
เตี่ยเมี่ยงได้ให้กำเนิดบุตรชายกับเซียวอี้ทั้งคู่จึงได้ตั้งชื่อให้ลูกว่า “เซียวเปา”
เซียวเปานั้นเป็นเด็กที่มีความเฉลียวฉลาดมีปฏิภาณไหวพริบและเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์ซื่อตรง
เซียวอี้มีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะถ่ายทอดยอดวรยุทธให้กับเซียวเปา
ในวันหนึ่งนั้นเองเซียวอี้จึงได้ใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี นำเอาเคล็ดวิชาทั้งหมดที่ได้ร่ำเรียนมาหลอมรวมให้เป็นคัมภีร์ขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อว่า “คัมภีร์ทานตะวัน”
หลังจากนั้นเซียวอี้ก็ได้ถ่ายทอด
คัมภีร์ทานตะวันให้กับลูกชายของเขา
16 ปีผ่านไป...
ณ กระท่อมของชายแก่คนหนึ่ง
ชายแก่คนนี้กำลังเล่าเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ของเซียวอี้และเตี่ยเมี่ยงให้กับลูกศิษย์ของเขาฟัง
เมื่อฟังจบลูกศิษย์ของเขาจึงถามขึ้นว่า
อาจารย์แล้วตอนนี้พวกเขาทั้งสองอยู่ที่แห่งใดกัน...
ชายแก่ผู้นั้นยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า...
“หลังหุบเขาจงหยวนใช้ชีวิตร่วมกัน
เคียงคู่ไม่เสื่อมคลายเร้นกายจากยุทธภพตลอดกาล”
ที่แท้ชายผู้นี้ก็คือปรมาจารย์ฟงหยวนในวัย 100 ปีส่วนลูกศิษย์ที่ซักไซ้ถามอยู่นี้ก็คือ“จางหมิง” ลูกชายของจางต้าและหลินหลิน...
ภายหลัง จาก 16 ปีมานี้ ยุทธภพมีการแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก พรรคสุริยันจันทราล่มสลาย ด้วยเหตุการแย่งชิงอำนาจภายใน ส่วนพรรคฟ้าดินแดนภาคเหนือ ก็ถูกชาว
ชนเผ่าอู่จิน บุกเข้าโจมตีและโค่นล้มในที่สุด
ส่วนวัดเส้าหลินเองเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน
คงเกี่ยง ไต้ซือ ก็มรณภาพ
ทำให้คงแซ่ ไต้ซือ รองเจ้าอาวาสจำเป็นต้องขึ้นมารับตำแหน่งแทน
ฝ่ายด้านสำนักบู๊ตึ๊งเจ้าสำนักคือนักพรตชงซีก็ละทางโลกเก็บตัวฝึกวิชาในถ้ำ
ไม่พานพบผู้ใดอีก
ส่วนจอมพนัน กงซุน ก็ไปท้าพนันกับบัณฑิตหนุ่มคนนึงจนเสียท่าจึงต้องตกเป็น องครักษ์ส่วนตัว ตลอดชีวิต
แต่เขาก็ไม่คิดเสียใจเลยเพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบให้ถึงที่สุด
ทางด้านประมุขอึ้ง ภายหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในพรรคสุริยันจันทรา ก็เร้นกาย หายจากยุทธภพตลอดกาล
ส่วน 3 สำนักกระบี่ ก็ได้ทำพันธสัญญาร่วมกันก่อตั้งสำนัก 3 ขุนเขากระบี่ได้เป็นผลสำเร็จ...
ตัดภาพกลับไปที่เซียวอี้และเตี่ยเมี่ยง
ณ หุบเขาจงหยวน ภายหลังจาก 16 ปีผ่านไปเซียวเปาก็ได้เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่
ส่วนเซียวอี้และเตี่ยเมี่ยงก็กลายเป็น ผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น...
ทั้งสามคนก็ใช้ชีวิตอยู่บนหุบเขา จงหยวนกันอย่างมีความสุขทั้งสามมีความรักใคร่และความผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง
ในคืนนั้นเอง ทั้งสามคนก็ได้มานั่งชมพระจันทร์ร่วมกัน อย่างมีความสุข
เซียวอี้จึงกล่าวขึ้นว่า...
“แผ่นดินกว้างใหญ่ ผู้คน ต่างขวานขวาย
หาแต่ความ ยิ่งใหญ่หาแต่อำนาจเงินทอง กลับลืมนึกถึงความสุขที่แท้จริง”
เซียวเปา จำไว้นะลูก เราเกิดมามีเพียงหนึ่งชีวิตถ้าเราอยากจะทำอะไรสักอย่างเราก็ต้องทำให้ได้...
“ค่ำคืนที่แสนสุขคู่รักบินเรียงเคียงคู่ ท่องไปทั่วแดนไกลไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง ผาดโผนไปในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่“
จบบริบูรณ์
โฆษณา