21 ก.พ. 2021 เวลา 02:30 • กีฬา
[ #กัปตันต้นแบบ ]
ต้องยอมรับว่าการขาดหายไปแบบระยะยาวของ เฟอร์กิล ฟานไดค์ กับ โจ โกเมซ สร้างความกลัดกลุ้มให้ เจอร์เก้น คล็อปป์
1
ลองนึกดูเอาแล้วกันว่านี่คือคู่เซ็นเตอร์แบ็กหลักที่ได้รับความไว้วางใจมาตลอด ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม ขันนอตหลังบ้านจนแน่นหนา แล้ววันดีคืนร้ายต้องมาเจ็บหนักในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
นัดสุดท้ายที่ ฟานไดค์ ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลคือ 17 ตุลาคมปีที่แล้ว ส่วน โกเมซ ช่วยทีมในเกมลีกที่เสมอกับแมนฯซิตี้ 1-1 เมื่อ 8 พฤศจิกายน
ก่อนไปเข้าแคมป์ทีมชาติอังกฤษ แล้วระหว่างฝึกซ้อมโชคร้ายสุด เจออาการบาดเจ็บที่เข่าซ้ายจนต้องเข้าผ่าตัดใหญ่และปิดเทอมยาว
นับตั้งแต่ต้นพฤศจิกายนเป็นต้นมา คล็อปป์ ต้องแก้ไขปัญหาในแผงหลังมาตลอด เพราะที่เหลืออีกรายคือ โจเอล มาติป ก็เจ็บแบบถี่ยิบ หายกลับมาเล่นสองนัดก็จะหายหน้าไปอีก 3 วนเวียนเป็นอย่างนี้มาตลอด
เบื้องต้นต้องดันพวกดาวรุ่งจากทีมสำรองทั้ง รีส วิลเลี่ยมส์ หรือ แน็ตต์ ฟิลลิปส์ มาแก้ขัดไปก่อน รวมถึงถอน ฟาบินโญ่ จากมิดฟิลด์มายืนประจำการบ้าง แม้จะไม่ใช่พื้นที่ถนัดก็ตาม
อย่างไรก็ดีทั้ง วิลเลี่ยมส์ และ ฟิลลิปส์ ยังเผยให้เห็นความผิดพลาดอยู่บ่อยๆ ไม่มั่นคงแข็งแกร่งพอจะรับมือในเกมที่กดดันได้
1
ในขณะเดียวกัน ฟาบินโญ่ ก็เจ็บออดแอดๆอีก ไม่ได้ลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ผิดนักหากบอกว่า คล็อปป์ โชคร้ายอย่างแรง ใครจะไปคาดคิดว่าต้องมาเผชิญกับสถานการณ์เซ็นเตอร์แบ็กเดี้ยงยกแผงแบบนี้
บางคนตำหนิกุนซือเฮฟวี่เมทัล เพิกเฉยเองไม่ยอมซื้อใครมาแทน เดยัน ลอฟเรน ทั้งรู้อยู่หากต้องการลุ้นความสำเร็จหลายรายการในซีซั่นเดียว ขนาดทีมจำเป็นต้องใหญ่พอรองรับ ผู้เล่นต้องทดแทนกันได้แบบไม่กระทบมากนัก
แต่หากมองในมุมของ คล็อปป์ คงไม่คิดว่าจะเคราะห์หามยามซวยเช่นนี้ แน่นอนมันน่าหงุดหงิดที่ต้องเกิดเรื่องทำนองนี้
อย่างไรก็ดีมัวมานั่งเศร้าคอตกมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นอยู่แล้ว นอกจากหาทางแก้ไขให้ผ่านวิกฤตเช่นนี้ไปให้ได้
ระหว่างที่ยังไม่ได้ซื้อใครมาเพิ่ม คล็อปป์ ทำในสิ่งที่หลายคนแปลกใจ นั่นคือปรับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มายืนเซ็นเตอร์แบ็ก
เดอะ ค็อปไม่น้อยกังวลที่เห็นกัปตันต้องมาเล่นในตำแหน่งไม่คุ้นเคย ไม่ถนัด อีกทั้งการเล่นปราการหลังตัวกลางไม่ใช่เรื่องง่าย
เฮนโด้ เองไม่ใช่นักเตะที่มีความเร็วและแข็งแกร่งนัก ฉะนั้นหากต้องเผชิญกับพวกแนวรุกฝั่งตรงข้ามที่จัดจ้านปราดเปรียว อาจมีปัญหาในการรับมือได้
ในขณะเดียวกันบางเกมต้องจับคู่ ฟาบินโญ่ ซึ่งต่างฝ่ายไม่ใช่เซ็นเตอร์แบ็ก มันก็น่าหวาดเสียวที่จะโดนเจาะประตูได้
1
มันเป็นเรื่องยากสำหรับการปรับตัว แรกๆ เฮนโด้ ต้องใช้เวลาเพื่อเรียนรู้ แต่มันน่าทึ่งตรงที่ยิ่งยืนตรงนี้นานมากเข้ากลับไปได้ดีตามลำดับ
แล้วในช่วงที่ ฟาบินโญ่ บาดเจ็บ เฮนโด้ จึงยกระดับขึ้นมากลายเป็นมิดฟิลด์ที่ในแผงหลังจะขาดไม่ได้เลย
1
ฟังดูแล้วอาจงงๆ แต่นั่นคือความจริงที่เกิดขึ้น
1
ในฤดูกาลนี้ คล็อปป์ ต้องแก้ไขเกือบตลอด ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงใช้เซ็นเตอร์แบ็กแตกต่างกันถึง 19 ครั้งเข้าไปแล้ว นี่คือความไม่ปกติอย่างแท้จริง ซึ่งมันย่อมส่งผลชนิดไม่มีทางเลือก
อย่างไรก็ดีการเปลี่ยนบทบาท เฮนโด้ เหมือนได้ค้นพบเพชรเม็ดงามของ คล็อปป์ อย่างบังเอิญเลยจริงๆ
นอกจากภาวะความเป็นผู้นำแล้ว เขายังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่น แทบไม่เคยเปิดเผยให้เห็นอาการลนลานเลยสักนิด เยือกเย็นสงบนิ่ง โฟกัสกับหน้าที่ของตัวเอง
เขาจัดการลดจุดอ่อนเรื่องความเร็วและแข็งแกร่ง ด้วยการอ่านเกมอย่างทะลุปรุโปร่ง ชิงจังหวะเล่นได้ชาญฉลาด รวมทั้งบิลด์อัพหรือขึ้นเกมในแดนตัวเองได้อย่างดี
ขณะเดียวกันยังคอยตะโกนสั่งเพื่อนๆอยู่ตลอด ไม่ปล่อยให้สมาธิหลุดง่ายๆ
ไม่แปลกเลยที่ คล็อปป์ จะยกย่องลูกทีมคนนี้ว่าเป็นกัปตันต้นแบบ อยากให้พวกแข้งรุ่นหลังดูไว้เป็นตัวอย่าง
ซีซั่นก่อนตอน เฮนโด้ ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม FWA ที่เลือกโดยบรรดานักข่าว ปรากฏว่า คล็อปป์ ทำเซอร์ไพรส์ส่งคลิปมาร่วมแสดงความยินดี
1
"สวัสดีทุกคนๆ เคยมีคำถามว่าอะไรทำให้นักเตะสักคนเจ๋งสุดๆ? อะไรสำคัญกว่ากัน พรสวรรค์ หรือ ทัศนคติ?"
"ผมคิดว่าเป็นคำตอบไม่ยากนะ ถ้าไม่มีพรสวรรค์ คุณก็ตัวเปล่าไม่เหลืออะไร แต่ถ้าไม่มีทัศนคติ จะอยู่กับพรสวรรค์แค่นั้นไปตลอด ดังนั้นคุณเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบที่ผสมกันอย่างลงตัว"
"ใครจะไปคิดว่าเด็กน้อยที่ย้ายจากซันเดอร์แลนด์ไปลิเวอร์พูล พร้อมกับความฝันที่ยิ่งใหญ่ วันหนึ่งเขาจะกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก?"
"ไม่รู้นะคุณอาจฝันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมเชื่อคุณมีความมั่นใจว่าไปถึงตรงนั้นได้"
"ตอนนี้ทุกคนรู้หมดแล้ว ว่าคุณคือยอดแข้ง ทุกคนเห็นเห็นคาแรคเตอร์อันยอดเยี่ยม"
หลังจากได้ดูคลิปนี้ เฮนโด้ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า หากไม่มีบอสคอยสนับสนุน คงไม่มีทางมาถึงตรงนี้แน่
1
แล้ว คล็อปป์ นี้แหล่ะที่รู้ดีว่า เฮนโด้ ต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้
หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมที่เห็นความเก่งกาจของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในวันที่ต้องรับบทเซ็นเตอร์แบ็กคือ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
เพราะต้องเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย ทำงานในเกมรับด้วยกัน ทุกอย่างจึงผ่านสายตาของ ร็อบโบ้
อย่างแรกที่ต้องชื่นชมคือ เฮนโด้ รู้จักใช้ความศักดิ์สิทธิ์ของปลอกกัปตันที่รัดอยู่บนต้นแขนคอยสั่งเพื่อนตลอดเวลา
เสียงที่ดังในยามที่ไม่มีกองเชียร์มาชมเกมในสนาม กึกก้องมากพอจะกระตุ้นปลุกเร้าให้ตื่นตัวพร้อมทำงานตลอดเวลา
โรเบิร์ตสัน เชื่อว่าการที่ เฮนโด้ ยืนอยู่ข้างหลัง น่าจะเห็นภาพรวมกว้างขึ้น รู้ว่าเพื่อนร่วมทีมแต่ละคนกำลังทำอะไรอยู่
อีกทั้งจังหวะที่ฟูลแบ็กสองข้างไม่ว่าจะ ร็อบโบ้ หรือ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เติมเล่นเกมรุก แล้วถอยกลับลงมาไม่ทัน กัปตันนี่แหล่ะจะเป็นคนไปช่วยซ้อนไว้
"เมื่อคุณไม่มีเซ็นเตอร์แบ็กในทีมเหลือแล้ว เราคงไม่ไว้ใจมากกว่าผู้ชายคนนี้ให้มาทำหน้าที่แทนแน่ๆ"
1
โชคดีอย่างหนึ่งของ คล็อปป์ คือกำลังพลชุดนี้มีมิดฟิลด์หลายคนสามารถเวียนกันลง ทดแทนได้อย่างไม่ติดขัดนัก แม้จะไม่มี เฮนโด้ มาทำหน้าที่ส่วนดังกล่าวก็ตาม
1
ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า เฮนโด้ จะต้องประจำการเซ็นเตอร์แบ็กนานอีกแค่ไหนหรือจนกว่าพวกที่บาดเจ็บจะกลับมาครบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรอีกเช่นกัน
แต่ที่แน่ๆเป็นอีกครั้งที่ เฮนโด้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นักเตะที่ไม่ได้เปี่ยมพรสวรรค์ อาศัยขยันมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักแบบไม่ปริปากบ่น ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่าแค่ไหน
1
นี่แหล่ะคือแบบอย่างของคนเป็นกัปตัน มันต้องทำให้ปลอกแขนที่สวมอยู่มีความศักดิ์สิทธิ์เสมอ
***บทความนี้เขียนก่อนที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะได้รับบาดเจ็บจากเกมเมอร์ซี่ย์ ไซด์ ดาร์บี้ ที่พบกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อคืนที่ผ่านมา
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา