21 ก.พ. 2021 เวลา 09:06 • การ์ตูน
#10 อันดับการ์ตูน”ฝรั่ง”ขวัญใจผมเอง (ตอน ทีวีซีรีย์ยุค90s)
บทความที่แล้วพูดถึงการ์ตูนญี่ปุ่นไปแล้ว คราวนี้เรามาย้อนวัยกับการ์ตูนฝรั่งกันบ้าง จำได้ว่าเมื่อก่อนทุกปิดเทอมถ้าไม่ออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ก็ต้องเปิดทีวี กดช่อง IBC, UTV, UBC, หรือ Cartoon Network ก็จะพบการ์ตูนฝรั่งดีๆอันเป็นความทรงจำอันน่าประทับใจ
อันดับ 1. Tom & Jerry
การ์ตูนเรื่อง ทอมกับเจอร์รี่ เริ่มฉายตอนแรก วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1940 ซึ่งครบรอบ 80 ปี ในปี ค.ศ.2021 นี้เอง โดยการ์ตูนเรื่องนี้เคยได้รับรางวัลออสการ์ ถึง 7 รางวัล และได้รับความนิยมอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นการ์ตูนที่ครองใจผู้ชมทุกเพศทุกวัยมาอย่างยาวนาน ภาพยนตร์ทอม กับ เจอร์รี่ มีทั้งหมด 7 เรื่อง แต่ภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ คือ ทอมกับเจอร์รี่ ตอน ช่วยเพื่อนหาพ่อ ที่ฉายในปี ค.ศ.1992 และในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2021 นี้ถึงเวลาของคู่หูคู่กัดออกมาไล่ฟัดกันอีกครั้งในโรงภาพยนตร์ ซึ่งห่างกันนานถึง 29 ปี !!!!
สำหรับใครที่ยังไม่เคยชมการ์ตูนเรื่องทอมกับเจอร์รี่ การ์ตูนเรื่องนี้คือเรื่องราวของ “ทอม” แมวบ้านขนสั้นสีเทาขาว ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งอย่างมีความสุข จนกระทั่งทอมพบกับ “เจอร์รี่” หนูตัวน้อย ที่อาศัยอยู่ในรูเล็กๆ ภายในบ้านหลังเดียวกัน เรื่องราวการต่อสู้ แย่งชิงข้าวของ และพื้นที่ภายในบ้านระหว่างทอมกับเจอร์รี่จึงเริ่มต้นขึ้น
การ์ตูนแต่ละตอน จะเล่าเรื่องราวความขัดแย้งของหนูและแมว รวมไปถึงการคิดค้นกลเม็ดเคล็ดลับ เทคนิคต่างๆ ที่แสนฉลาดแกมโกง ในการต่อสู้ แก้เผ็ด เอาคืนฝ่ายตรงข้ามอย่างสาสม
การผลัดกันแก้เผ็ดกันและกันอย่างเจ็บแสบ รวมไปถึงการสรรหาสารพัดวิธีการสุดแปลกแหวกแนวมาแกล้งกัน ทำให้ผู้ชมร่วมลุ้นไปกับทอม และ เจอร์รี่ ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบลงอย่าง Happy Ending ในที่สุด และทำให้การ์ตูนเรื่องนี้กลายเป็นการ์ตูนที่ครองใจผู้ชมมาอย่างยาวนาน
อันดับ 2. Scooby-Doo, Where Are You!
แฟรนไชส์การ์ตูนเคลื่อนไหวอเมริกันนี้ ประกอบด้วยซีรีส์โทรทัศน์แอนิเมชันหลายซีรีส์ซึ่งผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ.1969 จนปัจจุบัน ซีรีส์ดั้งเดิม Scooby-Doo, Where Are You! ผลิตให้ฮันนา-บาร์เบราโปรดักชันส์โดยนักเขียน โจ รูบีและเคน สเพียส์ในปี 1969 ซีรีส์เช้าวันเสาร์นี้นำแสดงโดยวัยรุ่นสี่คน คือ เฟรด โจนส์, แดฟนี เบลก, เวลมา ดิงค์ลีย์, และ นอร์วิล "แชกกี" โรเจอส์ และพาหมาเกรตเดนสีน้ำตาลไปด้วย ชื่อ สกูปี-ดู ผู้ไขปริศนาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติผ่านการกระทำชวนหัวและความผิดพลาดต่าง ๆ
ส่วน สกูบี้-ดู ได้กำเนิด เนื่องจากทีมผู้สร้างได้ฟังเพลงของ Frank Sinatra ที่มีท่อนว่า ดู-บี้-ดู-บี้-ดู เลยเปลี่ยนชื่อตัวละครที่มีชื่อว่า Too Much เป็น สกูบี้-ดู ต่อมาทีมผู้สร้าง ได้นำสกูบี้-ดู มาเป็นตัวละครหลัก โดยใช่ชื่อสกูบี้-ดู มาเป็นชื่อการ์ตูนในปี ค.ศ.1969 ที่มีชื่อว่า Scooby-Doo, Where Are You!
อันดับ3 The Flintstones หรือ มนุษย์หินฟลิ้นท์สโตนส์
มนุษย์หินฟลิ้นท์สโตนส์ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ.1960 โดยเริ่มแพร่ภาพครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 กันยายน ทางสถานีโทรทัศน์ ABC ตัวเอกของเรื่องคือ เฟรด ฟลิ้นสโตน ชายหนุ่มวัยกลางคน พนักงานบริษัทที่แสนใจร้อน ขี้โวยวาย อาศัยอยู่กับภรรยาที่ชื่อวิลม่า และมีเพื่อนบ้านที่สนิทกันมากอย่างบาร์นี่ รับเบิ้ล และเบตตี้ ภรรยาของบาร์นี่ ซึ่งบอกแค่นี้ก็คงไม่มีอะไรแปลก ถ้าไม่กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในยุคหิน และเฟรดก็เป็นมนุษย์ยุคหิน ยุคสมัยที่มีไดโนเสาร์เพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด (แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงของเฟรด ก็เป็นไดโนเสาร์ชื่อ ดีโน่)
ซึ่งอันที่จริง ถ้าถอดเรื่องราวยุคหินออก การ์ตูนเรื่องนี้ก็คือเรื่องราวครอบครัวของมนุษย์ยุค 60 ชีวิตทำงาน ครอบครัว โยนโบว์ลิ่ง กลัวเมีย เพียงแต่เปลี่ยนบรรยากาศในเรื่องเป็นยุคหิน เครื่องมือต่างๆ ที่อยู่อาศัย ทำจากไม้และหิน รวมถึงนำเอาไดโนเสาร์มาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ (แบบตัวเป็นๆ ด้วยนะ) ซึ่งต้องยอมรับว่า ความสนุกอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือ การดูว่าเครื่องมือเครื่องไม้ยุคหินในเรื่อง มันทำงานอย่างไร แม้ในความเป็นจริง ยุคหินกับยุคไดโนเสาร์นั้นจะอยู่คนละยุคกัน แต่ในการ์ตูนก็อนุโลมให้อยู่ร่วมสมัยกัน ถือว่าหยวนๆ กันไป
นอกจากนี้ คาแรกเตอร์ของเฟรดเอง ก็มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ คำพูดติดปากอย่าง “ยัปป้าดัปป้าดู” เป็นประโยคที่หลายคนได้ยินแล้วนึกถึงเฟรดทันที แต่ถึงเฟรดจะห้าวเป้งแค่ไหน ก็ยังเป็นคนกลัวเมียอยู่ดี ซึ่งวิลม่าเองนี่แหละที่จะเป็นคนคอยแก้ปัญหาต่างๆ ในเรื่องให้เฟรด (เอาจริง เฟรดนี่เป็นพ่อบ้านใจกล้ายุคหินชัดๆ) แถมการเดินเรื่องยังมีการพัฒนาการตามลำดับ เมื่อต่อมาเฟรดและวิลม่ามีลูก เรื่องราวก็จะพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง เป็นเรื่องชีวิตครอบครัวมากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ผลงานเรื่องนี้น่ารักและมีเสน่ห์จนเป็นที่จดจำจนถึงปัจจุบัน
อันดับ4 Teenage Mutant Ninja Turtles หรือ เต่านินจา
การ์ตูนสุดคลาสสิคอย่างเต่านินจา เกิดเป็นซีรี่ย์แรก ตอน ค.ศ.1988 ซึ่งตอนนั้นยังคงเป็นเต่าตัวเล็กๆ อยู่เลย แต่ทว่าได้โดนสารเคมีที่มีชื่อว่า OOZE จากอุบัติเหตุ สปลินเตอร์
ซึ่งขณะที่ยังเป็นมนุษย์อยู่ เค้าเป็นชาวญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่า ฮามาโตะ โยชิ ได้รับผลกระทบจากสารเคมี OOZE โดยสารตัวนี้ทำให้เค้ากลายเป็นหนูที่ชื่อ สปลินเตอร์
และได้นำเต่าทั้ง 4 มาเลี้ยง จากนั้น สปลินเตอร์ ก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างหน้า อัศจรรย์ เมื่อลูกเต่าทั้ง 4 เติบโตได้อย่างรวดเร็ว จนโตเต็มที่ แล้ว สปลินเตอร์ ได้ทำการฝึกสอนวิชานินจา
รวมถึงตั้งชื่อเต่าทั้ง 4 ตามชื่อศิลปิน ในหนังสือเล่มโปรดของเขา พร้อมมอบผ้าคาดตาทั้ง 4 สี เพื่อเป็นเอกลักษณ์ของทั้ง 4 ตัวด้วย ตามแบบอย่างในภาคอนิเมะในปี ค.ศ.1988
ตัวละครหลักในนินจาเต่า 4 ตัว ตั้งชื่อตามศิลปิน ได้แก่
ลีโอนาโด้ - หัวหน้าทีมนินจาเต่าผู้ใช้ดาบซามูไรคู่เป็นอาวุธ เขาเป็นคนเงียบๆรักสันโดษ ใจเย็น และเป็นพี่ใหญ่ที่มีฝีมือในการต่อสู้มากที่สุด ใช้ผ้าคาดตาสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ ชื่อต้นแบบมาจากลีโอนาโด้ ดาวินชี่ ยอดอัจฉริยะชาวอิตาเลียน
ราฟาเอล - เป็นขาโจ๋ประจำทีมที่มีนิสัยใจร้อนวู่วามชอบการต่อยตี แต่รักเพื่อนพ้องอย่างมาก ใช้อาวุธเป็นสามง่ามคู่ ใช้ผ้าคาดตาสีแดงเป็นสัญลักษณ์ ชื่อต้นแบบมาจากราฟาเอล จิตรกรและสถาปนิกเอกชาวอิตาเลียน
โดนาเทลโล - มันสมองของกลุ่มที่ชอบประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์ใหม่ๆไว้ใช้จัดการกับศัตรู เป็นนินจาเต่าที่ชอบการต่อสู้น้อยที่สุดเพราะเป็นนักคิด ใช้ไม้พลองยาวเป็นอาวุธ สวมผ้าคาดตาสีม่วงเป็นสัญลักษณ์ ชื่อต้นแบบมาจากโดนาเทลโล ประติมากรเอกชาวอิตาเลียน
ไมเคิลแอนเจลโล - น้องเล็กตัวสุดท้องของกลุ่มตัวละครที่มีแฟนๆชื่นชอบมาก มีนิสัยร่าเริงมองโลกในแง่ดี และชอบกินพิซซ่าอย่างมาก ใช้อาวุธเป็นกระบองสองท่อนและผ้าคาดตาสีส้มเป็นสัญลักษณ์ ชื่อต้นแบบมาจากมิเกลรันเจลโล ยอดศิลปินชาวอิตาเลียน
อันดับ5 The Adventures of Tintin หรือการผจญภัยของตินติน
การผจญภัยของตินตินเป็นหนังสือการ์ตูน แต่งโดยนักวาดการ์ตูนชาวเบลเยียม ชื่อ จอร์จ เรมี ในปี ค.ศ.1926 โดยใช้นามปากกาว่า แอร์เช่ หนังสือการ์ตูนชุดนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงในทวีปยุโรปช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้รับการแปลมากกว่า 80 ภาษา และยอดจำหน่ายกว่า 350 ล้านเล่มทั่วโลก
เรื่องราวของตินตินได้รับการถ่ายทอดไว้ในหนังสือจำนวน 24 เล่ม
ตัวละครหลัก
ตินติน หรือ แตงแตง(ออกเสียงตามภาษาฝรั่งเศส) เป็นนักข่าวหนุ่มที่กระหายความเที่ยงตรงและความถูกต้อง จนบางครั้งทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกว่าน่าจะเป็นนักสืบมากกว่า และด้วยเหตุนี้ทำให้เขาต้องผจญไปกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เสี่ยงต่อชีวิต แต่ด้วยความสามารถที่เขามีและโชคที่เข้าข้างเขา ทำให้สามารถรอดชีวิตได้มาอย่างหวุดหวิด
สโนวี่ หรือ มีลู เป็นสุนัขเพศผู้ สีขาวล้วน มีนิสัยซื่อสัตย์ กล้าหาญ รักตินตินเป็นที่สุด ตะกละและขี้เมาเพราะสถานการณ์พาไป ไม่ว่าตินตินจะไปที่ไหนมันจะขอตามไปด้วยไม่ให้ห่าง ยกเว้นตอนเมาและเมื่อตินตินหายไปก็จะตามหาอย่างไม่ท้อถอย
กัปตัน อาร์ชิบอลด์ แฮดด็อก ปรากฏตัวครั้งแรกในตอน ก้ามปูทอง (THE CRAB WITH THE GOLDEN CLAWS) เป็นกัปตันเรือที่มีความตั้งใจที่จะเลิกเหล้าแต่ก็เลิกไม่ได้สักที (ภายหลังเลิกได้เพราะยาของศาสตราจารย์แคลคูลัสในตอน ตินตินกับกบฏปีกาโร) สูบไปป์ มีนิสัยขี้หงุดหงิดและปากจัดจนบางครั้งเกือบทำให้สถานการณ์แย่ไปเลย แต่ด้วยนิสัยที่รักเพื่อนต่อให้บุกน้ำลุยไฟที่ไหนถึงจะหวั่นๆ แต่ไม่เคยถอยสักครั้ง
อันดับ6 LOONEY TUNES
ย้อนไปถึงช่วงสมัยเด็กๆ สมัยที่ LOONEY TUNES การ์ตูนสุดคลาสสิคของยุคนั้นกลายเป็นการ์ตูนที่ใครหลายๆ คนตกหลุมรัก และนั่งเฝ้ารอช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ทางทีวี โดยตัวละครที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นกระต่ายสุดกวน หรือBugs Bunny ซึ่งตัวละครนี้ออกมาสร้างความสุขครั้งแรกบนโลกในปี ค.ศ.1938-1940, อายุ 79-77 ปี
ตัวละครกระต่ายชื่อดังตัวนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มนักเขียนห้าถึงหกคน ในฐานะ Happy Rabbit ของการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่อง Porky’s Hare Hunt เมื่อปี ค.ศ.1938 กับในอนิเมชั่นอีกสองเรื่อง ก่อนที่จะถูกดัดแปลงและตั้งชื่อเป็น Bugs Bunny โดย Tex Avery บุคลากรคนสำคัญในประวัติอนิเมชั่น ในปี ค.ศ.1940 จึงพอจะบอกได้ว่ากระต่ายตัวนี้ได้เกิดถึงสองครั้งสองครา
ตัวละครในตอนแรกมีความน่าหมั่นไส้มากกว่า แถมยังมีสไตล์หัวเราะยียวน (ซึ่งตอนหลังปรับไปใช้กับตัวละครอื่น) และฟันกระต่ายก็ยังไม่ชัดเจนมาก ก่อนจะปรับทั้งนิสัยให้เป็นกระต่ายกวนบาทาแบบนิ่งขึ้น จนกลายเป็นสไตล์ใกล้เคียงปัจจุบันที่ทุกคนคุ้นเคย
เห็นแบบนี้จริงๆ แล้ว Bugs Bunny อายุน้อยกว่าตัวละครร่วมก๊วน Looney Tunes อีกหลายตัว ทั้ง Daffy Duck (ปรากฎตัวครั้งแรกปี ค.ศ.1937 อายุ 80 ปี), Porky Pig (ปรากฎตัวครั้งแรกปี ค.ศ.1935 อายุ 82 ปี) แต่แน่นอนว่าเจ้ากระต่ายจอมยียวนนี้ได้รับความนิยมจากคนดูมากที่สุดจนกลายเป็นตัวแทนของกลุ่มไปโดยปริยาย
อันดับ7 Pink Panther
ในบรรดาหนังการ์ตูนสั้นจากอเมริกาที่เข้ามาฉายในเมืองไทยในยุคที่คนรุ่นคุณพ่อคุณแม่ยังเป็นเด็กนั้น เชื่อว่า Pink Panther หรือในชื่อไทยว่า“เสือเจ้าเล่ห์” คงเป็นหนึ่งในตัวการ์ตูนที่หลายคนจดจำได้ดี
พิงค์แพนเตอร์ เป็นตัวการ์ตูนที่ถือกำเนิดขึ้นจากฝีมือของ Friz Freleng และ Hawley Pratt ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน ซึ่งออกฉายครั้งแรกในปี ค.ศ.1963 เป็นเรื่องราวของสารวัตร ฌาคส์ คลูโซ (Jacques Clouseau) ที่พยายามไล่ล่าจับ เซอร์ ชาร์ล ลิตตัน ซึ่งมีหน้าฉากเป็นหนุ่มใหญ่ในแวดวงไฮโซ แต่ที่แท้จริงแล้วมันคือจอมโจรแฟนธอม หัวขโมยชื่อดังผู้ไม่เคยทำงานพลาด และในคราวนี้สิ่งที่มันหมายปองคือ เพชรสีชมพูที่เรียกกันว่า Pink Panther ซึ่งเป็นสมบัติของเจ้าหญิงดาลาผู้เลอโฉม
การ์ตูนชุดเดอะ พิงค์ แพนเตอร์ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหนังเงียบ (มีบางตอนที่มีการพากย์เสียง) แต่จะใช้ดนตรีประกอบซึ่งนำมาจากเพลงประกอบภาพยนตร์ที่แต่งขึ้นโดย เฮนรี แมนซินี ซึ่งกลายเป็นเพลงธีมของภาพยนตร์ที่รู้จักกันดีเรื่องหนึ่ง
อันดับ8 The Powerpuff Girls
เดอะ พาวเวอร์พัฟฟ์ เกิลส์ (The Powerpuff Girls) เป็นการ์ตูนสัญชาติอเมริกัน ที่ออกอากาศมาแล้ว 6 ซีซั่น เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี ค.ศ.1998 มาจนถึงกลางปี ค.ศ.2005 นับว่าเป็นการ์ตูนอีกเรื่องที่แจ้งเกิดในยุคทองของช่อง Cartoon Network ซึ่งขณะนั้น มีการ์ตูนดังอย่าง ห้องแล็บของเด็กซ์เตอร์ (1996) จอห์นนี่ บราโว (1997) และเคอเรจ หมาน้อยผู้กล้าหาญ (1999) กำลังฉายอยู่
เรื่องราวของเดอะ พาวเวอร์พัฟฟ์ เกิลส์ เริ่มต้นขึ้นจากการที่ ศาสตราจารย์ยูโทเนียม (Professor Utonium) นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง พยายามคิดค้นหาวิธีสร้างสาวน้อยสมบูรณ์แบบขึ้นโดยการผสมน้ำตาล เครื่องเทศ และสารพัดของกุ๊กกิ๊ก แต่ตอนนั้นเขาเผลอกวนไม้พายไปชนกับภาชนะใส่สารเคมีที่มีชื่อว่า ‘X’ จนมันหกลงมาใส่ถังผสม ทุกอย่างทำปฏิกิริยากันจนระเบิด และเกิดมาเป็นสาวน้อย 3 คนที่มีพลังพิเศษเหนือมนุษย์
ศาสตราจารย์ยูโทเนียมตั้งชื่อให้เด็กผู้หญิงผมแดง ที่มีคำพูดคำจาฉลาด มีบุคลิกเป็นผู้นำ และมีลักษณะของนักคิดว่า บลอซซัม (Blossom) ส่วนเด็กผู้หญิงผมบลอนด์ ตาสีฟ้า ที่ดูบอบบาง รักสัตว์ และชอบของน่ารักชื่อ บับเบิลส์ (Bubbles) ส่วนคนสุดท้ายเด็กหญิงผมดำ หน้าตาไม่รับแขก นิสัยห้าวหาญ และชอบใช้กำลัง เธอมีชื่อว่า บัตเตอร์คัพ (Buttercup)
แม้เด็ก ๆ จะมีนิสัยและความสนใจที่แตกต่าง แต่เพราะพวกเธอก็ยังรักและสนิทกันเหมือนพี่น้อง ทั้งสามอุทิศตนเป็น ‘ฮีโร่’ ที่ปกป้องเมืองทาวน์สวิลล์ (Townsville) โดยมีนักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างคอยดูแลราวกับพ่อแท้ ๆ
อันดับ9 Courage the Cowardly Dog หรือ เคอเรจ เจ้าตูบจอมขลาด
“เจ้าหมาโง่ แกทำให้ฉันดูแย่!”
ใครที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับรายการจากช่องการ์ตูนระดับโลกอย่าง Cartoon Network ในช่วงปี 2000s น่าจะคุ้นเคยกับประโยคขอคั่นรายการอันแสนจะอมตะข้างต้น เพราะทันทีที่เสียงของพิธีกรชายคนนี้ดังขึ้นเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงการ์ตูนตลกร้ายแห่งยุคสมัยกำลังจะเริ่มฉายแล้ว
เคอเรจ เจ้าตูบจอมขลาด (Courage the Cowardly Dog) คือการ์ตูนซีรีส์สัญชาติอเมริกา ที่เริ่มต้นออกอากาศในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ.1999 ก่อนจะฉายต่อเนื่องทุกสัปดาห์มาจนถึงตอนสุดท้ายในปี ค.ศ.2002 นับเป็นการ์ตูนอีกเรื่องที่แจ้งเกิดในยุคทองของช่อง Cartoon Network ซึ่งขณะนั้นฉายแต่การ์ตูนซีรีส์เรื่องดัง ๆ แถมยังเป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ในโลกของ Cartoon Network เพราะเป็นการ์ตูนแนวดาร์กแฟนตาซีเรื่องแรกที่มีโอกาสฉายในฐานะรายการสำหรับเด็ก
เคอเรจ เจ้าตูบจอมขลาด เป็นเรื่องของลูกสุนัขสีชมพู (?) ที่ถูกทอดทิ้ง มันได้รับการช่วยเหลือจากหญิงชราใจดี ที่ตัดสินใจรับมันกลับมาเลี้ยงดูด้วยความรัก ชื่อของเธอคือ เมอเรียล แบ็ก เรื่องราวน่าเศร้าทั้งหมดนี้คงจะจบลงด้วยดี ถ้าไม่มี อูสทีซ แบ็ก สามีของเมอเรียล เขาคือชาวนาชราที่เกลียดเจ้าเคอเรจเป็นพิเศษ (ที่จริงก็ดูเหมือนว่าเขาจะเกลียดทุกอย่างบนโลก) คอยกลั่นแกล้ง และไล่ตะเพิดเจ้าหมาน่าสงสารให้ออกไปจากบ้าน
แน่นอนว่าประโยคดุด่าติดปากของเขา หลาย ๆ คนคงรู้จักดี “เจ้าหมาโง่ แกทำให้ฉันดูแย่”
นอกจากจะต้องรับมือกับอูสทีซ เคอเรจยังต้องพบเจอกับเรื่องราวน่าปวดหัวอีกมากมาย เพราะบริเวณที่บ้านของครอบครัวแบ็กอาศัยอยู่ คือเมืองสมมติที่มีชื่อว่า โนแวร์ (Nowhere) ดินแดนรกร้างห่างไกล ที่แทบจะไม่มีพืชผลอะไรงอกงามขึ้นมาได้ พื้นที่นี้มักจะมีเหตุการณ์แปลกประหลาดน่าพิศวงเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ ทั้งเรื่องราวของผี เอเลี่ยน ปีศาจ และมนุษย์ท่าทางประหลาด ที่ไม่สามารถสืบสาวที่มาที่ไปได้ เรื่องน่าขนลุกที่มักเกิดขึ้นในโนแวร์ ทำให้เคอเรจที่เพิ่งจะได้รับความรักและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเป็นครั้งแรก ต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเมอเรียล อูสทีซ รวมถึงบ้านใหม่ของมันเอาไว้
ทุกอย่างคงจะง่ายกว่านี้ ถ้าหากว่าเคอเรจเป็นเจ้าหมาสุดเฉลียวฉลาด ที่กล้าหาญพอจะปกป้องเจ้านายของมันจากภัยอันตรายทุกอย่าง แต่เพราะมันดันเป็นเพียงเจ้าหมาโง่ แสนขี้ขลาด ที่กลัวแม้แต่เงาของตัวเอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวสยองขวัญสั่นประสาท อย่างสัตว์ประหลาดจากหนองน้ำ ผีฟาโรห์ที่ตามมาทวงคืนศิลาที่ถูกขโมย ปีศาจเงาที่ออกมาทำร้ายผู้คนกลางดึก และ UFO ของมนุษย์ต่างดาวที่มีข่าวลือว่าชอบจับมนุษย์ในเมืองโนแวร์ไปทดลองอยู่บ่อย ๆ ภารกิจปกป้องคนในครอบครัวของมันจึงเรียกได้ว่าแทบจะเดิมพันด้วยชีวิต
1
อันดับ10 Popeye
ป๊อปอายเป็นตัวการ์ตูนที่สร้างขึ้นโดย Elzie Crisler Segar และปรากฎตัวเป็นการ์ตูนสั้น (Comic Strip) ในหนังสือพิมพ์ต่อสายตาประชาชนเมื่อ 17 มกราคม ค.ศ. 1929 เป็นครั้งแรกในชื่อชุดว่า "Thimble Theatre" ต้นฉบับแรกช่วงนั้นป๊อปอายเป็นกลาสีเรือหนุ่มกลางคนวัย 34 ปี บ้านเกิดอยู่ที่ Santa Monica, California โดยเดิมทีกลาสีเรือหนุ่มป๊อปอายมีตาข้างเดียว โดยตาอีกข้างเสียไปจากการต่อสู้
ต่อมาป๊อปอายปรากฎเป็นหนังการ์ตูนเมื่อปี ค.ศ. 1933 โดยมีชื่อว่า "Popeye the Sailor" และเริ่มโด่งดังมากในปี ค.ศ. 1937 เสียงพากย์ที่เป็นที่จดจำที่ผมจำได้ คือเสียงหัวเราะด้วยลูกคอที่เป็นเอกลักษณ์ และการกินผักโขม (Spinach) เพื่อให้มีพละกำลังทำให้เด็กๆ หันมานิยมกินผักมากขึ้น และยอดขายผักโขมในสหรัฐอเมริกายุคนั้น ขายดีเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 33 ติดอันดับที่สามที่เด็กนิยมกิน รองจากไอศกรีมและไก่งวง
ป๊อปอายมีแฟนสาวชื่อโอลีฟ ออย (Olive Oyl) และมีหลานชายชื่อ สวีพี (Swee-Pea) มีคู่ปรับหนวดเครารุงรังชื่อบลูโต (Bluto) หรือในเวอร์ชันหลังๆ เรียกว่า บลูตัส (Brutus) ป๊อปอายมีเพื่อนซื่อๆ ที่หลงใหลแฮมเบอร์เกอร์เป็นชีวิตจิตใจชื่อ วิมปี้ (Wimpy) เรื่องราวของตัวละครดูสนุกเพลิดเพลิดดีในสมัยนั้น
แต่การ์ตูนในช่วงหลังที่สร้างโดย Paramount Pictures' Famous Studio ในช่วง 1942-1957 ได้วาดให้ป๊อปอายเปิดตาทั้งสองได้ในบางครั้ง ทำให้แฟนๆ เริ่มสงสัยว่าตกลงป๊อปอายมีตาเดียวหรือแค่หรี่ตาเสมอๆ เท่านั้น
เกร็ดน่ารู้
Gene Deitch (จีน ไดทช์)นักวาดภาพประกอบชาวอเมริกันเป็นหนึ่งในผู้ให้กำเนิด Tom & Jerry (ทอมแอนด์เจอร์รี) และ Popeye (ป๊อบอาย)
จบแล้วครับ ถ้าเพื่อนๆชอบอย่าลืมช่วยกด Like,Share และติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา