22 ก.พ. 2021 เวลา 11:30 • ความคิดเห็น
ถ้าอยู่ๆ งานที่เราทำมาตลอดชีวิตหายไป หรือค่าตอบแทนไม่สามารถเลี้ยงดูชีวิตประจำวันเราให้มีความสุขได้หล่ะ เราอาจประหยัดแล้ว แต่มันก็ยังไม่พอ
คุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์ ออกมารณรงค์เรื่องการมีรายได้มากกว่า 1 ช่องทางค่อนข้างหลายปีแล้ว จนช่วงปี 2564 ได้กล่าวชัดเจนไว้ในพอดแคสท์ว่า ““หมดยุคของรายได้ทางเดียว” คงเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 มีบริษัทจำนวนมากลดพนักงานลงและมีอีกหลายบริษัทปิดตัว ไม่ได้กระทบแต่บริษัทใหญ่นะครับ ร้านค้าทั่วไปก็ปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก ผมผ่านเข้าไปในเมืองทางธานีที่แจ้งวัฒนะบ่อยๆ ก็อดเศร้าไม่ได้ เพราะตึกร้างส่วนใหญ่สมัยผมอยู่ตอนเรียน ซึ่งได้พัฒนาไปจนมีร้านค้า บริการหลากหลายประเภท ตอนนี้กลับเหลือแต่ป้ายร้าน ผู้คนที่ตกงานเหล่านี้เขาจะใช้ชีวิตต่อไปกันอย่างไร อาจรอการช่วยเหลือจากภาครัฐ แต่เชื่อเถอะครับยังไงก็ไม่พอ ตราบใดที่เขายังไม่มีรายได้ ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขามีรายได้ประเภทอื่นๆ คอยพยุงเขาไว้ก็คงจะดี
“เศษเงินตกอยู่ตามข้างถนนเต็มไปหมด อยู่ที่เราจะหาวิธีเก็บมันมาอย่างไร” เป็นคำพูดของอาจารย์มหาลัยราชภัฏที่ผมเคยเรียน ตอนนั้นท่านเล่าถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ชีวิตผกผันจากกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ชื่อดัง กลายเป็นคนขายแซนวิชข้างถนน ชายคนนั้นชื่อ คุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ที่ผมยกตัวอย่างนี้ขึ้นมาไม่ใช่จะสื่อว่า ไว้รอให้งานประจำมีปัญหาก่อนค่อยหาทางทำอะไร แต่เราต้องหาทางทำอะไรไปตอนที่ยังมีงานประจำ ลองคิดดูสิครับ มันจะสบายแค่ไหนที่เราสามารถเริ่มทำอะไรที่เป็นของเราเองได้ ขณะที่เรายังมีรายได้หลักอยู่ ถึงอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่เราจะได้มีไอเดียสร้างสรรค์งานเสริมของเรา ซึ่งถ้าตกงานเราอาจมืดมนจนคิดไรไม่ออก หลายๆ คนคงนึกในใจ “ชั้นไม่มีทักษะอะไร ชั้นไม่มีเงินทุน จะให้ชั้นไปทำอะไรเสริมหล่ะ” ผมก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกับท่านครับ แต่ถ้าเราย้อนกลับไปคุยกับตัวเอง ถึงสิ่งที่เราทำได้ว่ามีอะไรบ้าง เราอาจพอจะหาไอเดียได้ครับ แต่มีข้อแม้ว่าไอเดียนั้นต้องดึงดูดใจ และทำเงินได้ในระยะเวลาอันสั้น ถึงเหมาะที่จะนำมาทำเป็นงานเสริม ไม่ใช่ทำเพื่อเติมเต็มชีวิตอย่างเดียว ขนาด คริส กิลเลอโบยังบอกไว้ให้หนังสือ SIDE HUSTLE ของเขาเลยว่า “ใบหน้าเปี่ยมสุขเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณไม่สามารถนำไปเข้าบัญชีธนาคารได้”
ไอเดียหลายไอเดียเราคิดได้ครับ แต่เราไม่สามารถทำมันได้ เช่นเมื่อ 10 กว่าปีก่อนผมบ่นกับพี่ที่ทำงานตอนติดรถแกไปห้างว่า น่าจะมีเครื่องมืออะไรสักอย่างนะพี่ ที่ทำให้รู้ว่าที่จอดรถเต็ม หรือไม่ก็จองที่จอดรถตั้งแต่เราออกจากที่ทำงานมาเลย จนวันนึงผมก็เห็นไฟสีแดงๆ เต็มลานจอดรถ ณ ปัจจุบันนี้ผมคิดว่ารถไฟฟ้าเราน่าจะทำแอพเป็นวอลเล็ทนะ ได้ไม่ต้องมีนั่งหยอดเหรียญหรือใช้บัตรเติมเงินแตะ ซึ่งมันจะประหยัดการเตรียมตู้อัตโนมัติไปได้เลย แต่ก็นั่นแหล่ะครับ ผมไม่สามารถทำอะไรกับไอเดียนี้ได้ มันเลยต้องปล่อยผ่านไป เมื่อไอเดียไหนเราปล่อยผ่านไปแล้ว อย่าไปสนใจมันอีกครับไม่เช่นนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการเพ้อฝัน ผมชอบเรื่องเล่าของคุณหนุ่มตอนไปช่วยแก้หนี้อยู่เรื่อง มีผู้หญิงคนหนึ่งบอกทำอะไรไม่เป็นเลย คุณหนุ่มเลยชวน ทำข้าวกล่องไหมหล่ะ ลองจดมาสิมีอาหารอะไรที่เราคิดว่าทำอร่อยที่สุด ผู้หญิงคนนั้นจดมา กะเพราหมู กะเพราหมึก กะเพรากุ้ง (ทำเป็นอย่างเดียวแค่เปลี่ยนวัตถุดิบ) คุณหนุ่มเลยให้เอาไปแจกตามแต่ละแผนกแล้วถามใครจะพรีออเดอร์ข้าวกล่องบ้าง... แค่นี้ก็เป็นงานเสริมได้แล้วครับ ง่ายไหมหล่ะ
โฆษณา