22 ก.พ. 2021 เวลา 13:30 • ไลฟ์สไตล์
“ถ้าเขาไม่ทำพิธีกันก็ไม่ได้ บางทีถ่ายกันไปแล้วคนป่วยทั้งกอง หนังมันก็ถ่ายไม่จบ”
คุยกับพราหมณ์เสวกซิงห์ พราหมณ์ผู้รับหน้าที่บวงสรวงกองถ่ายทั่วประเทศไทย
เริ่มทำอาชีพนี้มาได้เพราะตอนแรกเริ่มจากพ่อเป็นพราหมณ์มาก่อน ท่านเป็นพราหมณ์มาจากอินเดีย แล้วก็ถ่ายทอดมาถึงเรา ต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่นมา
ครั้งแรกที่ได้ลองทำงานในงานบวงสรวงครั้งแรก ย้อนกลับไปน่าจะประมาณ 20 ปีแล้ว ตอนแรกเริ่มทำกับช่อง 3 ก็ได้ผลดี ละครเขาก็ประสบความสำเร็จ
พราหมณ์ในไทยมีเยอะ แต่จะทำพิธีต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ที่วิชาของแต่ละคน ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้เหมือนกันหมด จริงๆ ก็คล้ายๆ กับดารา บางคนก็ประสบความสำเร็จ บางคนก็ไม่สำเร็จ มันอยู่ที่พรสวรรค์ ว่าทำขึ้นหรือไม่ขึ้น แล้วก็สอง พรแสวงก็สำคัญ พอเราทำขึ้น คนเขาก็ให้เราทำต่อ เราก็ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่ม พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากวันนั้นจนวันนี้ 20 ปีแล้ว
ถามว่าการทำงายบวงสรวงครั้งไหนประทับใจที่สุด ที่ประสบความสำเร็จมากๆ น่าจะเป็นบุพเพสันนิวาสของบริษัท broadcast television น่าจะเป็นเรื่องแรกที่ทำแล้วประสบความสำเร็จในระดับที่เราก็คาดไม่ถึง ตอนนั้นเราทำที่เพชรบุรี ก็ผลงานออกมาก็โด่งดัง
จริงๆ เราไม่ได้รับทำแค่ละครในไทยนะ จริงๆ มีทำให้หนัง รวมถึงหนังต่างประเทศด้วย มีฮ่องกง ฝรั่ง เมกา เขาก็จะบอกต่อกันๆ ไป เพราะเขาจะเห็นว่าคนไหนทำแล้วผลมันเป็นยังไง ใครทำแล้วสำเร็จหรือไม่สำเร็จ พวกทีมงานเขาจะรู้กันเอง แล้วค่าครูเราก็ไม่ได้ไปเอาเขาแพงมาก ก็ช่วยๆ กันไป
อย่างตอนหลังจากบุพเพสันนิวาสฉายไปแล้วเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ ตอนนั้นงานก็เข้ามาเยอะเลย ทั้งงานบวงสรวง นอกจากนี้ก็มีงานรับตั้งศาลด้วย ตามบ้านคน หรือบริษัทห้างร้านทั่วไป คืองานมันมีทั้งปีทั้งชาติ มีทุกวัน ไม่มีวันจบ ไม่เคยได้พักเลย ตั้งแต่อายุ 30 จนตอนนี้ 67 เราก็ทำมาทุกวัน คิดว่าก็คงไม่หยุด จนกว่าวันไหนจะเบื่อ หรือร่างกายเราไม่ไหวแล้วก็คงหยุด
ถึงแม้จะมีความสุขกับการทำงานตรงนี้แต่ก็มีเงื่อนไขบางอย่างเช่นเราจะมีครอบครัวไม่ได้ ตอนนี้ก็อยู่คนเดียว ต้องใช้พลังกาย พลังใจไปกับการทำงานมาก การศึกษาตำรา ทบทวนอยู่เรื่อยๆ ก็ทำให้เราต้องมีสมาธิอยู่กับงานพวกนี้ตลอด เพราะงานพวกนี้มันต้องทำให้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ถ้าผลงานไม่มีให้เขาเห็นก็ไม่มีครั้งต่อไปที่เขาจะมาจ้างต่อ
มันก็มีความกดดันนะ แต่เราก็จะทำให้เขาดัง ให้เขาสำเร็จ ถึงแม้จะกดดันบ้าง แต่เวลาทำงานก็ต้องมีสติ ทุกครั้งก็จะทำให้ดีที่สุด
หลายๆ ครั้งก็มีคนไม่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ แต่ศาสตร์นี้มันต้องโดนจำเพาะตัว เราไม่สามารถไปบังคับให้ใครเขาเชื่อได้ คนเราก็นานาจิตตัง โดยเฉพาะคนที่เห็นผล พอเขาประทับใจเขาก็กลับมาติดต่อเราไปเอง แต่ถ้าไม่เห็นผลก็หายกันไป เหมือนไปหาหมออะ ถ้าหาหมอนี้ไม่หาย ก็ไปหาหมอใหม่ถ้ารักษาหายก็จะรักษาประจำ ไม่มีใครเขาอยากจะเสียตังค์ไปฟรีๆ หรอกที่เขากลับมาจ้างอีก ก็เพราะเขาเห็นและเชื่อในสิ่งที่เราทำ
ที่อาจารย์ทำมาก็ไปตั้งที่โรงพยาบาลพญาไทย 1 2 3 เลย สิบปีมีตั้งอาคารใหม่สร้างอาคารใหม่เขาก็เรียกเราตลอด ธุรกิจจากที่เคยซบเซามันก็ดีขึ้น มีอีกที่นึงห้างตรงแถวนี้ สยามดิสคัฟเวอรี่ พราหมณ์ก็มาตั้ง สมัยก่อนสิบปียี่สิบปีที่แล้ว เขาไม่มีคนจองเลยนะ จะเจ๊งแล้ว เรามาตั้งศาลสองศาลให้เขา ก็ประสบความสำเร็จ มันก็เกี่ยวกับการบริหาร การทำธุรกิจส่วนหนึ่ง แต่เราก็เชื่อว่าศาสตร์พวกนี้ส่งผลจริง อาจจะมีมากมีน้อย แต่เราเชื่อว่าส่งผลได้จริง ต้องหาจุดที่ตรงจุดให้ได้ มันก็จะทำได้จริง แต่ถ้าใครไม่เชื่อเราก็เคารพความคิดเห็นเขาแต่อย่ามาลบหลู่กันก็พอ เพราะพราหมณ์ก็รู้ว่าคนเรามีความคิด ความเชื่อที่ต่างกัน แต่เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ตัวแต่ละคน ถ้าไม่เจอมากับตัว ก็คงจะไม่เชื่อหรอก
#DEBATABERM
#WeNeedDabatesToCreateABetterSociety
#ร่วมเรียนรู้ความหลากหลายที่จะทำให้คุณได้เข้าใจโลกแบบเบิ้มๆ
โฆษณา