Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
รอบรู้
•
ติดตาม
22 ก.พ. 2021 เวลา 14:37 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ย้อนรอยวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 หรือต้มยำกุ้ง
ต้มยำกุ้ง คืออะไร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทย?
วิกฤตต้มยำกุ้งเป็นช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินซึ่งส่งผลกระทบถึงหลายประเทศในทวีปเอเชียเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2540
วิกฤตดังกล่าวเริ่มขึ้นในประเทศไทย เมื่อค่าเงินบาทลดลงอย่างมากอันเกิดจากการตัดสินใจของรัฐบาลไทย ซึ่งมี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ลอยตัวค่าเงินบาท ตัดการอิงเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หลังจากความพยายามทั้งหมดที่จะสนับสนุนค่าเงินบาทเมื่อเผชิญกับการแผ่ขยายแบบเกินเลยทางการเงิน (financial overextension) อย่างรุนแรง
ส่วนขับเคลื่อนอสังหาริมทรัพย์ในเวลานั้น ประเทศไทยมีภาระหนี้สาธารณะ ซึ่งทำให้ประเทศอยู่ในสภาพล้มละลายก่อนหน้าการล่มสลายของค่าเงิน
เมื่อวิกฤตดังกล่าวขยายออกนอกประเทศ ค่าเงินของประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะออกเฉียงใต้ และญี่ปุ่นก็ได้ทรุดตัวลง ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง และรวมไปถึงราคาสินทรัพย์อื่น ๆ และทำให้หนี้เอกชนเพิ่มสูงขึ้น
ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นที่เป็นผู้ผลิตสินค้าสำคัญแข็งค่าขึ้นจึงย้ายฐานการผลิตมาที่ไทยเนื่องจากมีต้นทุนถูกกว่าทำให้เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ต่อมารัฐบาลมีนโยบายเปิดเสรีทางการเงินเพื่อให้เข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยให้ธนาคารพาณิชย์เปิดบริการวิเทศธนกิจหรือBIBF ซึ่งเป็นการกู้เงินจากต่างประเทศมาปล่อยกู้ในประเทศต่อ
การกู้จากต่างประเทศได้รับความนิยมเพราะมีดอกเบี้ยถูกกว่าการกู้เงินบาทและณ ขนาดนั้นไทยมีอัตราแลกเปลี่ยนคงที่คือ 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แต่การจะรักษาอัตราแลกเปลี่ยนให้คงที่เป็นเรื่องยากเพราะสกุลเงินเหมือนสินค้าถ้ามีความต้องการมากมูลค่าก็จะสูงขึ้นหรือแข็งค่าขึ้น
เช่นเวลาคนไทยกู้เงินจะได้รับเป็นเงินดอลล่าร์ซึ่งต้องนำมาแลกเป็นเงินบาทก่อนใช้ดังนั้นความต้องการเงินบาทก็จะสูงขึ้น มูลค่าจริงๆของเงินบาทอาจจะไม่ใช่ 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อรักษาตราการแลกเปลี่ยนไว้แบงค์ชาติก็ต้องเพิ่มปริมาณเงินบาทให้มากขึ้นในท้องตลาดเพื่อให้มูลค่าตราการแลกเปลี่ยนกลับมาอยู่ที่ 25 บาทต่อ 1ดอลล่าร์
ในทางตรงกันข้ามถ้าต้องการดอลล่าร์มากๆราคาเงินดอลล่าร์ก็จะแพงขึ้นหรือเงินบาทมีค่าอ่อนลง แบงค์ชาติจะนำเงินดอลล่าร์ที่อยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศออกมาซื้อเงินบาทกลับเพื่อลดปริมาณเงินบาทในท้องตลาดและสามารถคงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 25 ต่อ 1 ดอลล่าร์ไว้ได้
ในช่วงเวลานั้นการกู้เงินทำได้ง่ายเพราะแบงค์ปล่อยกู้ง่าย นอกจากกู้เงินไปทำธุรกิจยังเอาไปเก็งกำไรได้ เช่น หุ้น,ที่ดิน เมื่อคนเห็นว่าสามารถทำกำไรกันได้ง่ายๆ ก็หันมาแย่งกันกู้เพื่อซื้อสินค้าเหล่านี้แล้วนำไปเก็งกำไรโดยการขายต่อในราคาที่สูงกว่า เมื่อความต้องการสูงขึ้น ราคาก็สูงขึ้น
จนราคาสูงเกินความเป็นจริง เรียก ภาวะฟองสบู่ เมื่อคนรายได้เพิ่ม ค่าเงินคงที่ เกิดการนำสินค้าฟุ่มเฟือยมาจากต่างประเทศ ตอนนั้นจีนลดค่าเงินลงทำให้ส่งออกได้ถูกกว่า บัญชีดุลสะพัดขาดดุลลงเรื่อยๆ(รายได้จากการส่งออกกับรายจ่ายจากนำเข้า)
เมื่อส่งออกได้น้อยลง เจ้าหนี้เริ่มไม่มั่นใจว่าลูกหนี้จะมีรายได้พอจ่ายหรือไม่จึงทวงเงินคืน นักลงทุนต่างชาติเริ่มถอนทุนออก
ความต้องการเงินดอลล่าร์มากขึ้น เงินบาทอ่อนลง นักเก็งกำไรเห็นโอกาสทำกำไรจากค่าเงินจึงโจมตีค่าเงิน โดยนำเงินบาทที่ตุนไว้มาแลกเงินดอลล่าในราคา 25 บาทต่อ1 ดอลล่าร์ตามที่แบงค์ชาติกำหนดเอาไว้ แล้วนำเงินดอลล่าร์ที่ได้ไปขายเป็นเงินบาทในตลาดต่างประเทศซึ่งเป็นราคาที่เป็นมูลค่าจริง ทำให้ได้กำไรจากส่วนอัตราแลกเปลี่ยน
เมื่อมีการโจมตีนำเงินบาทมาแลกคืนอย่างนี้เรื่อยๆ ทำให้มูลค่าจริงๆของเงินบาทลดลงมากขึ้น แบงค์ชาติก็ยังต้องการักษาค่าเงินให้คงที่ที่ 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ จึงนำทุนสำรองที่เป็นเงินดอลล่าร์ออกมาซื้อบาทมากขึ้นจนเงินดอลล่าร์เกือบหมดจากทุนสำรอง
สุดท้ายจึงยอมยกธงขาวประกาศลอยตัวค่าเงินให้เป็นไปตามมูลค่าตลาดที่แท้จริง ซึ่งเวินบาทอ่อนค่าลงถึง 50 กว่าบาทต่อ 1 ดอลล่าร์
เมื่อเงินบาทอ่อนค่าลงขนาดนั้น ธุรกิจที่เป็นหนี้ในสกุลเงินต่างประเทศต้องใช้เงินบาทมากขึ้นเพื่อแลกเงินไปใช้หนี้ ธุรกิจที่ไม่สามารถใช้หนี้ได้ก็ต้องปิดกิจการ เลิกจ้างพนักงาน ทรัพย์สินที่เคยราคาสูงขึ้นมากๆก็ฟองสบู่แตกราคาตก เพราะไม่สามารถขายได้ในราคาสูงอีกต่อไป สถาบันการเงินปิดตัวลงจำนวนมาก เพราะลูกหนี้ไม่มีเงินคืน และหนี้ที่กู้มาปล่อยกู้ต่อจากต่างประเทศนั้นมีมากขึ้น
วิกฤตนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่านั้นยังลุกลามต่อไปยังประเทศอื่นในเอเชียด้วยเพราะนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจประเทศในเอเชียจึงถอนเงินออกจากภูมิภาคทำให้ค่าเงินอ่อนลงเป็นหนี้มากขึ้น
ต่อมารัฐบาลไทยต้องรับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ต้องใช้จ่ายน้อย เก็บภาษีมากขึ้น สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
แต่เนื่องจากค่าเงินบาทไทยลดลงมากทำให้สินค้าไทยถูกลงในสายตาชาวต่างชาติ ทำให้ไทยส่งออกสินค้าได้มากขึ้น จึงทำให้เศรษฐกิจไทยค่อนๆฟื้นคืนกลับมาได้นั่นเอง...
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย